ประชาไท-23 พ.ย.47 นายต่อพงศ์ ไชยสาส์น รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ปรับขึ้นเงินเดือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ประธานสภาทั้งสองและรองประธาน รวมทั้งผู้นำฝ่ายค้านโดยมีผลย้อนหลังถึง 11 ต.ค.45 ซึ่งเป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยจะให้บำเหน็จตลอดชีวิต เพื่อกวาดล้างทุจริตให้หมดประเทศ

" การขึ้นเงินเดือนบำเหน็จบำนาญครั้งนี้ เป็นการเตรียมเพื่อกวาดล้างและทำความสะอาดประเทศขนานใหญ่ หาก 4 ข้างหน้ารัฐบาลได้กลับมาบริหารอีก เพราะรัฐบาลมีแผนจะล้างทุจริต คอรัปชั่นให้หมดประเทศ ในส่วนนี้จึงต้องจัดการกับสิ่งที่ลักลั่นในเชิงเงินเดือนและผลตอบแทนไม่ให้มีผลประโยชน์ทับซ้อน" นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

แหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า วาระการเสนอปรับขึ้นเงินเดือนและเพิ่มบำเหน็จบำนาญ ถูกนำเสนอเป็นวาระจรโดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีรัฐมนตรีคนใดคัดค้าน

นายต่อพงษ์กล่าวว่าการปรับขึ้นเงินผลตอบแทนอยู่ภายใต้พระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ) 2 ฉบับที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ทั้งนี้ ส.ส.จะได้เงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มเติมจาก 77,000 บาทต่อเดือนเป็น 104,330 บาทต่อเดือน

ประธานสภาผู้แทนจะได้จากเดิม 114,000 เป็น 115,920 บาท เท่ากับเงินเดือนประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ส่วนประธานวุฒิสภาเพิ่มจาก 108,500 บาท เป็น 110,390 บาท รองประธานสภาทั้งสองกับผู้นำฝ่ายค้านจากเดิม 104,500 เป็น 106,360 บาท นายต่อพงษ์กล่าว

นายต่อพงษ์กล่าวอีกว่า ส.ส.และ ส.ว.จะได้เงินบำนาญหลังจากพ้นตำแหน่งจนกระทั่งเสียชีวิตโดยคิดจากวาระการดำรงตำแหน่ง ระยะเวลา 2-3 ปีจะได้รับบำเหน็จบำนาญ 20 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน 3-7 ปี 30% ระยะ 7-11 ปี ได้เงิน 40% ระยะ 11-15 ปี ได้เงิน 50% ระยะ 15-20 ปี ได้เงิน 60% ระยะ 20 ขึ้นไปได้รับ 70%

นายจักรภพกล่าวต่อว่า กฎหมายทั้งสองฉบับจะมีผลหลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งยกเว้นสิทธิการรับบำนาญของผู้กระทำผิดถึงต้องโทษจำคุกหรือเป็นบุคคลล้มละลาย โดยใน พ.ร.ฎ.ให้ ส.ส.และ ส.ว.ที่ไม่ต้องการรับบำนาญ รับเป็นบำเหน็จได้ และยังสามารถให้ทายาทรับบำเหน็จแทนได้

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์
ประชาไทรายงาน