กลุ่มศึกษาฯ ยังคงเรียกร้องเช่นเดิมที่จะให้มีการเปิดเผยร่างความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นให้กับสาธารณชนเพื่อการมีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างแท้จริง แต่การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางนั้นมิอาจเกิดขึ้นได้หากขาดซึ่งการเข้าถึงข้อมูลและการศึกษาวิเคราะห์ถึงผลกระทบอย่างรอบด้านจากทุกฝ่าย ดังนั้นการเข้าร่วมประชุมจึงไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยยะสำคัญ
กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) จดหมายตอบปฏิเสธกระทรวงการต่างประเทศที่ได้มีหนังสือเชิญ ไปประชุมหารือเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น เพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศภายหลังการจัดประชุมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2549
จดหมายดังกล่าวลงชื่อ ภญ.สำลี ใจดี ความว่า กลุ่มศึกษาฯ ยังคงเรียกร้องเช่นเดิมที่จะให้มีการเปิดเผยร่างความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นให้กับสาธารณชนเพื่อการมีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างแท้จริงจะได้เกิดขึ้น
ที่ผ่านมา แม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศได้พยายามเผยแพร่ข้อมูลบางส่วนและจัดประชุมมาโดยตลอด รวมถึงการประชุมในวันที่ 22 ธันวาคม แต่การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางนั้นมิอาจเกิดขึ้นได้หากขาดซึ่งการเข้าถึงข้อมูลและการศึกษาวิเคราะห์ถึงผลกระทบอย่างรอบด้านจากทุกฝ่าย ดังนั้นการเข้าร่วมประชุมหารือของกลุ่มศึกษาฯ กับกระทรวงการต่างประเทศจึงไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยยะสำคัญแต่อย่างใด
หลายองค์กร ทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และกลุ่มศึกษาฯ ได้มีแนวคิดเห็นพ้องต่อการมีกฎหมายที่ว่าด้วยการเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ กลุ่มศึกษาฯ เองได้จัดทำรายละเอียดข้อเสนอเบื้องต้นไว้ ในระหว่างที่จะมีการปฏิรูปการเมืองนี้ รัฐบาลควรระงับการลงนามในข้อตกลงฯใด เพื่อผลักดันกติกาที่โปร่งใสและเป็นธรรมให้เกิดขึ้นจริงเสียก่อน
นอกจากนี้ ในการประชุมชี้แจงข้อมูลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นต่อคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมานั้น มีข้อสรุปว่า
"
ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่ารักษาประโยชน์ของประเทศชาติเต็มที่ ฝ่ายกลุ่มต่างๆ ที่ติดตามเรื่องนี้ก็อยากให้ศึกษามากกว่านี้ ไม่เห็นควรรีบร้อน ควรรอบคอบกว่านี้ และอีกประเด็นคือ สภานี้ก็เป็นสภาแต่งตั้ง
การพูดว่าประเทศอื่นอาจได้ข้อมูลไปแล้วไทยจะเสียประโยชน์นั้น มันเป็นเรื่องของคนละประเทศเก็บเป็นความลับ พอเอาเข้าสภามันก็กลายเป็นลักษณะยัดเยียด ประชาชนก็ไม่มีเวลาศึกษา ถ้าเปิดเผยข้อมูลมากกว่านี้ก็จะดีกว่านี้
"
เพื่อให้เจตนาที่ดีของกระทรวงการต่างประเทศก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในกระบวนการจัดทำความตกลงฯ กลุ่มศึกษาฯขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนการจัดทำร่างกฎหมายว่าด้วยการเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ และส่งเสริมกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางตั้งแต่ขั้นตอนนี้ พร้อมกับเปิดเผยร่างความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นต่อประชาชน
000
ก ลุ่ ม ศึ ก ษ า ข้ อ ต ก ล ง เ ข ต ก า ร ค้ า เ ส รี ภ า ค ป ร ะ ช า ช น
125/356 ม. 3 หมู่บ้านนราธิป ซ.1 ถ.รัตนาธิเบศร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 โทร 02-985-3837 ถึง 8 โทรสาร 02-985-3836
email: info@ftawatch.org www.ftawatch.org
17 มกราคม 2550
เรื่อง การประชุมหารือเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น
เรียน นายพิศาล มาณวพัฒน์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
อ้างถึง หนังสือเลขที่ กต.0200.7/17979 ลงวันที่ 9 มกราคม 2550
สิ่งที่แนบมาด้วย ข้อเสนอเรื่องการจัดทำกฎหมายเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือเชิญกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) ไปประชุมหารือเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น เพื่อติดตามการเผยแพร่ข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศภายหลังการจัดประชุมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2549 นั้น กลุ่มศึกษาฯขอขอบคุณ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มศึกษาฯ ใคร่ขอเรียนชี้แจงอีกครั้งหนึ่งว่า กลุ่มศึกษาฯ ยังคงเรียกร้องเช่นเดิมที่จะให้มีการเปิดเผยร่างความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นให้กับสาธารณชนเพื่อการมีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างแท้จริงจะได้เกิดขึ้น ที่ผ่านมา แม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศได้พยายามเผยแพร่ข้อมูลบางส่วนและจัดประชุมมาโดยตลอด ซึ่งรวมถึงการประชุมในวันที่ 22 ธันวาคม แต่การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางนั้นมิอาจเกิดขึ้นได้หากขาดซึ่งการเข้าถึงข้อมูลและการศึกษาวิเคราะห์ถึงผลกระทบอย่างรอบด้านจากทุกฝ่าย ดังนั้น การเข้าร่วมประชุมหารือของกลุ่มศึกษาฯ กับกระทรวงการต่างประเทศจึงไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยยะสำคัญแต่อย่างใด
ในขณะนี้ หลายองค์กร ทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และกลุ่มศึกษาฯ ได้มีแนวคิดเห็นพ้องต่อการมีกฎหมายที่ว่าด้วยการเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ กลุ่มศึกษาฯ เองได้จัดทำรายละเอียดข้อเสนอเบื้องต้นไว้ (โปรดดูเอกสารแนบ) ซึ่งในระหว่างที่จะมีการปฏิรูปการเมืองนี้ รัฐบาลควรระงับการลงนามในข้อตกลงฯใด เพื่อผลักดันกติกาที่โปร่งใสและเป็นธรรมให้เกิดขึ้นจริงเสียก่อน
นอกจากนี้ ในการประชุมชี้แจงข้อมูลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นต่อคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมานั้น มีข้อสรุปว่า "
ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่ารักษาประโยชน์ของประเทศชาติเต็มที่ ฝ่ายกลุ่มต่างๆ ที่ติดตามเรื่องนี้ก็อยากให้ศึกษามากกว่านี้ ไม่เห็นควรรีบร้อน ควรรอบคอบกว่านี้ และอีกประเด็นคือ สภานี้ก็เป็นสภาแต่งตั้ง
การพูดว่าประเทศอื่นอาจได้ข้อมูลไปแล้วไทยจะเสียประโยชน์นั้น มันเป็นเรื่องของคนละประเทศเก็บเป็นความลับ พอเอาเข้าสภามันก็กลายเป็นลักษณะยัดเยียด ประชาชนก็ไม่มีเวลาศึกษา ถ้าเปิดเผยข้อมูลมากกว่านี้ก็จะดีกว่านี้
"
ดังนั้น เพื่อให้เจตนาที่ดีของกระทรวงการต่างประเทศก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในกระบวนการจัดทำความตกลงฯ กลุ่มศึกษาฯขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนการจัดทำร่างกฎหมายว่าด้วยการเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ และส่งเสริมกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางตั้งแต่ขั้นตอนนี้ พร้อมกับเปิดเผยร่างความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นต่อประชาชน
จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
|
(ภญ. สำลี ใจดี)
กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน
(เอฟทีเอว็อทช์)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)