Skip to main content
sharethis

อภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรคก้าวไกล ชี้ปัญหาที่ดินซับซ้อน ต้องรับฟังผู้ได้รับผลกระทบ แนะเร่งกระบวนการพิสูจน์สิทธิประชาชน ตอกรัฐบาล ตอนหาเสียงบอกจะออกโฉนด 50 ล้านไร่ ไม่มีคำว่าเช่าสักคำ

4 มี.ค.2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า อภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความเห็นว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พูดถึงปัญหาที่ดินในพื้นที่ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ว่าเป็นการพูดเพื่อใช้ในทางการเมือง ควรไปดูรายละเอียดก่อนมาวิจารณ์ 

อภิชาติกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ต่อเนื่องถึงพรรคก้าวไกล เราตามเรื่องที่ดินมาตลอด ตนทำงานเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ดินมาเกือบ 5 ปี พิธาอภิปรายในสภาฯ ครั้งแรกก็พูดว่าเรื่องที่ดินเป็นกระดุมเม็ดแรกในการแก้ปัญหาเกษตรกรของไทย ดังนั้นถ้าคุณภูมิธรรมได้ติดตาม จะเห็นว่าเรื่องที่ดิน เราศึกษาข้อมูลมานานและเสนอแนวทางแก้ไขด้วย 

สำหรับกรณีหนองวัวซอ จากการลงพื้นที่จริง พูดคุยสอบถามและตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ พบว่ามีข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณา คือมีหลักฐานการมีอยู่ของชุมชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2468 และพื้นที่บางแปลงมีเอกสารแจ้งการครอบครองทำประโยชน์ (ส.ค.1) โดยออกเมื่อปี พ.ศ. 2498 ที่ระบุว่ามีการครอบครองทำประโยชน์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ด้วยการบุกเบิก 

พื้นที่หนองวัวซอ ประชาชนคัดค้านการเป็นที่ดินของทหารมาตลอด เรียกร้องการพิสูจน์สิทธิ์มาตลอด แต่ไม่เคยมีกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์จากรัฐ ที่ผ่านมาเคยมีกระบวนการขึ้นทะเบียนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) ใน พ.ศ. 2529 และ ใบขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินราชพัสดุในความดูแลของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เมื่อ พ.ศ. 2553 ก็มีหลักฐานว่าประชาชนคัดค้านทั้ง 2 กระบวนการมาตลอด

ที่ดินที่ทหารครอบครอง (ตามแผนที่แนวเขต) 39,235 ไร่ พื้นที่ที่จะนำมาเข้าร่วมโครงการซึ่งซ้อนทับกับที่ดินของประชาชนมีอยู่ 9,255 ไร่ มีประชาชนใช้ประโยชน์อยู่ 1,597 ราย การมอบสัญญาเช่าโดยนายกรัฐมนตรี พบว่าผู้มีสิทธิ์เช่าตามโครงการกว่า 1,597 ราย/แปลง มีการเซ็นสัญญาเพียง 400 กว่าฉบับ แต่วันที่จัดพิธีรับสัญญาเช่าจริงปรากฏว่ามีคนมารับ 290 กว่าคนเท่านั้น อยากถามกลับไปถึงรัฐบาลว่า นี่คือข้อมูลตัวเลขที่ตรงกับข้อเท็จจริงในพื้นที่หรือไม่ และตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าโมเดลนี้สำเร็จจริงหรือ

เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวว่า มุมมองของพรรคก้าวไกลต่อการดำเนินนโยบายนี้ของรัฐบาล ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การเหมารวมประชาชนทุกคนในพื้นที่ เอาที่ดินไปเช่าแล้วจบๆ กันไป แต่ประเด็นสำคัญคือการ “พิสูจน์สิทธิ์” 

การพิสูจน์สิทธิ์ที่ล่าช้าคือความไม่เป็นธรรมต่อประชาชน การรวบรัดตัดความตัดสิทธิ์การพิสูจน์ของประชาชนไม่ได้ทำให้ปัญหาจบ ในฐานะที่ท่านเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล เราเรียกร้องให้อย่าลืมหลักการของนโยบายที่ดินที่พรรคของท่านใช้ในการหาเสียงว่า “จะออกโฉนด 50 ล้านไร่ ให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งโฉนดอย่างถูกต้องและเป็นธรรม” ตรงนี้ขอให้ท่านดำเนินนโยบายอย่างตรงไปตรงมาตามที่ท่านสัญญาไว้กับประชาชน 

“ในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดิน ตอนหาเสียงผมก็ไม่ได้ยินคำว่า ‘เช่า’ สักคำ ในมุมมองของผม ปัญหาที่ดินนั้นมีความซับซ้อนและมีความเป็นมาที่ยาวนาน นโยบายการแก้ไขปัญหาที่ดินที่ดีจึงต้องเข้าใจรากฐานความเป็นมาของปัญหา รับฟังข้อเท็จจริงของผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายในพื้นที่จริงด้วยตัวเอง ไม่รีบด่วนสรุป และยัดเยียดวิธีการใดวิธีการหนึ่งให้ประชาชน ด้วยการตัดเสื้อโหลทางนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่ดินที่มีบริบทเฉพาะในแต่ละพื้นที่” อภิชาติกล่าว

อภิชาติ กล่าวว่า ที่ดินในเขตทหารเป็นที่ดินของรัฐ จัดอยู่ในประเภทที่ราชพัสดุ อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์มีพื้นที่ 12.51 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 3.83 ของพื้นที่ประเทศไทย โดยที่ดินในเขตทหาร (กระทรวงกลาโหม) คิดเป็นพื้นที่ร้อยละ 47 ของพื้นที่ราชพัสดุทั้งหมดและอีกส่วนหนึ่งเป็นการขอใช้ประโยชน์หรือเช่าจากหน่วยงานภายนอก 

กองทัพบก เนื้อที่ประมาณ 4,600,000 ไร่เศษ แบ่งเป็นที่ราชพัสดุ 3,800,000 ไร่ พื้นที่ขอใช้หน่วยงานอื่น (ป่าไม้) ประมาณ 550,000 ไร่ และขอใช้หน่วยงานอื่น ๆ ประมาณ 50,000 ไร่ โดยมีพื้นที่ที่มีปัญหาขัดแย้งกับราษฎรประมาณ 1 ล้านไร่  อ้างอิงข้อมูลจาก กมธ.วิสามัญที่ดินฯ สภาชุดที่ 25 

อภิชาติกล่าวว่า ก่อนจะดำเนินการใดๆ รัฐบาลควรทบทวนการถือครองและการใช้ประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุและที่ดินรัฐอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่หรือเป็นการสวมสิทธิการถือครองที่ดินราชพัสดุโดยหน่วยงานราชการบางแห่งที่มีเป็นล้าน ๆ ไร่ เพื่อเหตุผลด้านความมั่นคงหรือการราชการลับ อาจเกินความจำเป็นและไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน  ต้องพิจารณาทบทวน ควรส่งมอบคืนกรมธนารักษ์ เพื่อให้กรมฯ พิจารณาแนวทางในการให้ชุมชนในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้ใช้ประโยชน์ต่อไป แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตทหารของพรรคก้าวไกล การจัดทำหลักฐานการถือครองที่ดินของรัฐทุกประเภท และจัดทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินของรัฐให้ชัดเจน 

ดำเนินการผลักดันการพิสูจน์สิทธิให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ที่ผ่านมากระบวนการพิสูจน์สิทธิของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) จังหวัด มีความล่าช้าในหลายพื้นที่ ทำให้มีผลกระทบกับราษฎรที่ยังไม่กล้าตัดสินใจว่าจะไปทางใด เช่น จะขอเช่าที่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าผลการพิสูจน์สิทธิออกมาแล้วมีผลบวกต่อตนเอง เมื่อไปเช่าแล้วจะทำให้ราษฎรรายนั้นหมดสิทธิในการจะได้ที่ดินมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง เร่งรัดการออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าราษฎรได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อนและรัฐควรเร่งดำเนินการสำรวจแนวเขตที่ดินของรัฐให้ชัดเจน 

ที่ดินที่ส่วนราชการได้มาควรกำหนดแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างชัดเจน และต้องมีการประกาศแผนการใช้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน ซึ่งส่วนใหญ่ที่ดินที่ส่วนราชการได้มา ไม่มีแผนการใช้ประโยชน์ จึงทำให้เกิดปัญหาการบุกรุกและไม่มีทิศทางในการแก้ไขที่ดินที่ประกาศสงวนหวงห้ามแต่ไม่ใช้ประโยชน์เต็มพื้นที่ ให้ส่วนราชการส่งคืนเพื่อให้กรมธนารักษ์มาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net