Skip to main content
sharethis

สมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ APHR ออกแถลงการณ์ประณามการบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารของรัฐบาลเมียนมา ซึ่งจะบังคับให้พลเมืองเมียนมาเพศชายอายุ 18-35 ปี และเพศหญิง อายุ 18-27 ปี เข้ารับราชการทหารเป็นเวลาอย่างน้อยสองปี

23 ก.พ. 2567 วานนี้ (22 ก.พ.) เว็บไซต์สมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ APHR เผยแพร่แถลงการณ์ประณามการบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารของรัฐบาลเมียนมา

กษิต ภิรมย์ คณะกรรมการรัฐสภาอาเซียน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า

“เรามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับผลกระทบที่กฎหมายเกณฑ์ทหารจะมีต่อคนหนุ่มสาวในเมียนมา นี่เป็นอีกหนึ่งความพยายามที่น่าอับอายของรัฐบาลทหารในการปกครองด้วยความหวาดกลัวและการบ่อนทำลาย” 

บีบีซีไทยรายงานอ้างคำพูด พล.ต.ซอ มิน ตุน โฆษกของรัฐบาลทหาร บอกกับผู้สื่อข่าวบีบีซี แผนกภาษาพม่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (13 ก.พ.) ว่า มีความต้องการเกณฑ์ทหารจำนวน 5,000 คน ทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย โดยทางรัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติจำนวน 18 คน เพื่อดูแลการบังคับใช้กฎหมายการเกณฑ์ทหาร ต่อจากนี้จะจัดตั้งหน่วยเกณฑ์ทหารในระดับภูมิภาค รัฐ อำเภอ และตำบล หากผู้ใดหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี

บีบีซีไทยรายงานด้วยว่า สำหรับกฎหมายเกณฑ์ทหารของเมียนมา เคยถูกเสนอขึ้นมาเมื่อปี 2553 แต่ไม่เคยบังคับใช้จนถึงปัจจุบัน ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ การบังคับเกณฑ์ทหารอาจขยายได้ถึง 5 ปี ในช่วงที่ประเทศอยู่ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยบุคคลที่ไม่ไปรายงานตัวตามหมายเรียกอาจถูกลงโทษจำคุกเท่ากับจำนวนปีที่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร

“กฎหมายฉบับนี้มุ่งทำลายขบวนการต่อสู้ที่นำโดยกลุ่มเยาวชนที่ต่อต้านเผด็จการ และจงใจทำให้พวกเขาหลายคนหันมาเผชิญหน้ากับกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่พวกเขาเองสนับสนุน การประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงความขี้ขลาดอย่างยิ่งของรัฐบาลเมียนมา พวกเขาไม่สามารถสู้ด้วยตัวเองได้แล้ว” กษิต กล่าว

การประกาศดังกล่าวส่งผลให้คนหนุ่มสาวในเมียนมาและครอบครัวของพวกเขารู้สึกไม่มั่นใจ พวกเขาไม่ปรารถนาที่จะรับราชการภายใต้ระบอบเผด็จการทุจริตที่เต็มไปด้วยการใช้ความรุนแรง และก็ไม่ได้รับความนิยมจากคนส่วนใหญ่ของประเทศ

คณะกรรมการรัฐสภาอาเซียน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า

“เราขอเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศช่วยเหลือเยาวชนเมียนมาที่ต้องการหลบหนีไปยังประเทศอื่นให้สามารถเข้าถึงวีซาและโอกาสทางการศึกษาได้ และเราขอให้ประชาคมระหว่างประเทศรับรู้ว่า 

นี่เป็นความพยายามเฮือกสุดท้ายจากระบอบการปกครองที่กำลังจะล้มเหลวในการรักษาอำนาจ ขอเรียกร้องให้ช่วยดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยของเมียนมาเพื่อนำมาซึ่งจุดจบของการปกครองโดยรัฐบาลทหาร"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net