Skip to main content
sharethis

โครงการ "บลัดมันนีแคมเปญ" หรือโครงการต่อต้าน "เงินเปื้อนเลือด" ที่เป็นโครงการของกลุ่มแนวร่วมนักกิจกรรมต่อต้านเผด็จการพม่าผู้เรียกร้องให้มีการหยุดยั้งไม่ให้รายได้ไปถึงมือเผด็จการทหาร ได้ทำการออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลสิงคโปร์ทำการกดดันกองทัพเผด็จการพม่าหนักกว่านี้ ผ่านแฮชแท็กว่า #SingaporeDoMore (แปลตรงตัวว่า "สิงคโปร์ต้องทำให้มากกว่านี้")

โครงการ "บลัดมันนีแคมเปญ" ซึ่งเป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยเรียกร้องตัดท่อน้ำเลี้ยงเผด็จการพม่า ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลสิงคโปร์ยกระดับการกดดันเผด็จการทหารพม่ามากขึ้น โดยระบุว่ากองทัพพม่าที่ "โหดเหี้ยมและไร้ความชอบธรรม" อาศัยสิงคโปร์เป็นแหล่งเงินทุนและแหล่งสั่งสมอาวุธยุทโธปกรณ์, เทคโนโลยี และ เชื้อเพลิงเครื่องบินรบ ซึ่งเปิดทางให้นำมาใช้โจมตีประชาชนในพม่า

นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2564 เป็นต้นมาเผด็จการทหารพม่าได้ทำสงครามก่อการร้ายต่อประชาชนโดยการโจมตีทางอากาศแบบไม่เลือกเป้าหมาย รวมถึงมีการยิงปืนใหญ่, สังหาร, ทารุณกรรม, คุมขังโดยพลการ, ข่มขืน และทำลายบ้านเรือนกับที่กักเก็บอาหารของประชาชน

เมื่อไม่นานนี้ ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติในด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพม่าเปิดเผยว่าสิงคโปร์เป็นผู้จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับพม่ารายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่ที่มีการก่อรัฐประหารเป็นต้นมา โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 254 ล้านดอลลาร์ จากบริษัทสัญชาติสิงคโปร์อย่างน้อย 138 บริษัท

สิงคโปร์ยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่สำหรับกลุ่มพรรคพวกชนชั้นนำกองทัพพม่าด้วย มีคนอย่าง Tay Za และ Naing Htut Aung ที่ไปใช้ชีวิตอย่างหรูหราในสิงคโปร์ในขณะเดียวกับที่ทำกำไรจากการทำลายชีวิตประชาชนชาวพม่า

ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ และอังกฤษจะทำการคว่ำบาตรไปแล้ว แต่กลุ่มบริษัท Shoon Group ก็ยังคงมีปฏิบัติการในสิงคโปร์ คอยจัดหาเชื้อเพลิงเครื่องบินรบให้กับเผด็จการทหารพม่าที่จะถูกนำมาใช้ในการก่อสงครามทางอากาศต่อผู้คนชาวพม่า

"เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนว่ามีการติดต่อทำธุรกิจกับกองทัพพม่าและกลุ่มชนชั้นนำเผด็จการพม่ามาจากสิงคโปร์ กลายเป็นการสร้างความมั่งคั่งให้กับพวกอาชญากรสงคราม และส่งเสริมอาชญากรรมข้ามชาติของคนพวกนั้น แต่เรื่องนี้สามารถหยุดยั้งได้และควรจะหยุดยั้ง"

สิงคโปร์มีพันธกรณีที่จะต้องไต่สวนเกี่ยวกับบริษัทที่จัดหาอาวุธและสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (ซึ่งหมายถึงสินค้าที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ แต่ก็นำไปดัดแปลงใช้ในการทหารได้ด้วย) และธนาคารยูโอบีที่มีบริษัทแม่อยู่ในสิงคโปร์ก็เพิ่งจะมีมาตรการจำกัดการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับพม่า สิงคโปร์ควรจะทำให้มากกว่านี้ในการช่วยหยุดยั้งการก่อเหตุเลวร้ายของเผด็จการทหาร

ทางโครงการ "บลัดมันนีแคมเปญ" มีเรียกร้อง 3 ข้อคือ

1.) เรียกร้องให้สิงคโปร์ออกมาตรการคว่ำบาตรเพื่อหยุดยั้งการส่งอาวุธ, สินค้าที่ใช้ได้สองทาง, เทคโนโลยี, เชื้อเพลิงเครื่องบินรบ และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมกับกองทัพพม่า

2.) เรียกร้องให้ปิดกั้นเผด็จการทหารไม่ให้เข้าถึงระบบการเงินของสิงคโปร์ได้ผ่านโดยใช้วิธีการคว่ำบาตร รวมถึงการคว่ำบาตรธนาคารของเผด็จการทหารด้วย

3.) ขอให้มีการเร่งกระบวนการและเปิดให้สาธารณะรับรู้เกี่ยวกับกระบวนการไต่สวนที่กำลังดำเนินอยู่กับบริษัทสิงคโปร์ในเรื่องการเป็นผู้จัดหาอาวุธ, สินค้าที่ใช้ได้สองทาง และเทคโนโลยีให้แก่กองทัพพม่า

ในแถลงการณ์ระบุทิ้งท้ายด้วยแฮชแท็ก #DoMoreSingapore  (แปลตรงตัวว่า "สิงคโปร์ต้องทำให้มากกว่านี้") และมีการเปิดล่ารายชื่อซึ่งจากข้อมูลวันที่ 13 ต.ค. 2566 พบว่ามีรายชื่อมากกว่า 16,000 รายแล้ว


เรียบเรียงจาก
#DoMoreSingapore! Block the Myanmar junta’s access to funds, arms, equipment and jet fuel.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net