Skip to main content
sharethis

"เพื่อไทย" แถลงจัดตั้งรัฐบาลกับ 6 พรรคจำเป็นต้องขอความร่วมมือทุกฝ่ายต้องสลายขั้ว เพื่อแก้วิกฤติประเทศ ภูมิธรรมย้ำขอ "ก้าวไกล" เป็นฝ่ายค้านแต่ยังทำงานร่วมกันได้เรื่องไหนเป็นประโยชน์ก็จะรับไปทำยกเว้นเรื่อง ม.112 

9 ส.ค.2566 ที่รัฐสภา เกียกกาย ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอ่านแถลงการณ์จัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่าขณะนี้สามารถรวบรวมเสียงได้จาก 6 พรรคการเมืองแล้วได้แก่พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว

ชลน่านยังแถลงถึงประเด็นถึงความคาดหวังของพรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองว่าจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์การเมืองและสลายขั้วการเมืองและขอความร่วมมือจากทุฝ่ายทั้ง ส.ส.และส.ว.เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พร้อมไปกับการทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ท่ามกลางวิกฤติรัฐธรรมนูญ เศรษฐกิจและความขัดแย้งในสังคม จึงต้องสลายขั้วการเมืองดึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤติและนำประชาชนให้พ้นทุกข์สร้างความสามัคคีโดยถือเป็นวาระของประเทศ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนครั้งนี้ว่าจะช่วยกันฝ่าวิกฤติไปได้เพื่อประโยชน์ของประชาชน

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวหลังชลน่านอ่านแถลงจบว่ายินดีที่พรรคเพื่อไทยเชิญเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยทางพรรคยินดีเข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำเพราะว่าพรรคมีเหตุผลอยู่ 5 ข้อได้แก่ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีความชอบธรรมในฐานะเป็นพรรคที่ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับสองในเมื่อพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จึงเป็นหน้าที่ของพรรคอันดับสองในการจัดตั้งรัฐบาล

สุวัจน์กล่าวถึงประเด็นต่อมาที่ประชุมวันนี้ทางพรรคเพื่อไทยก็ได้ยืนยันกับทุกพรรคการเมืองว่าขณะนี้รวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่งอย่างแน่นอนจึงสามารถมั้นใจได้ว่าการตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้นจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้ากล่าวด้วยนอกจากนั้นพรรคเพื่อไทยยืนยันด้วยว่าภายใต้การนำของพรรคจะไม่มีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขมาตรา 112 อีกทั้งพรรคเพื่อไทยยังมีความแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ชาติพัฒนากล้ามีความมั่นใจต่อการนำของพรรคเพื่อไทยเพราะเคยมีประสบการณ์ในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาและมีนโยบายเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้วซึ่งขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่พี่น้องประชาชนต้องการให้แก้ไข ซึ่งประเด็นเหล่านี้ตรงกับนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าด้วย

สุวัจน์กล่าวเหตุผลสุดท้ายที่พรรคเข้าร่วมตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทยว่า หลังเลือกตั้งมาแล้ว 3 เดือนยังไม่มีรัฐบาล ส่วนรัฐบาลรักษาการณ์ในเวลานี้ก็มีขีดจำกัดในการบริหารประเทศทั้งที่วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศนั้นรอไม่ได้ วันนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศและนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงลดความกังวลของประชาชนว่าไทยกำลังจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การปล่อยให้มีสุญญากาศที่ไม่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งจะไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย พรรคชาติพัฒนากล้าจึงเห็นว่าจะต้องสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลและเป็นรัฐบาลทีมีเสถียรภาพและความชอบธรรม

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึงจุดยืนพรรคในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า พรรคประชาชาติได้ร่วมกับ 8 พรรคการเมืองเดิมว่าจะจัดตั้งรัฐบาลและเคยตกลงกันไว้ว่าถ้าเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมามีการโหวตเลือกนายกฯ ก็จะโหวตนายกฯ ให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งในภาระของสภาผู้แทนราษฎรในขณะนี้คือจะต้องรับภารกิจของรัฐธรรมนูญมาเห็นชอบในการแต่งตั้งนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในเวลานี้

ทวีกล่าวต่อว่าเราตระหนักว่าพรรคที่จะเป็นนายกฯ นั้นพรรคที่ได้อันดับหนึ่งและอันดับสองนั้นมีความชอบธรรม ในเวลานี้จึงยอมสนับสนุนและส่งเสริมเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการรวบรวมเสียงจากทั้งสองสภาให้ได้ 375 ขึ้นไปเพื่อให้ได้นายกฯ เมื่อได้นายกฯแล้วก็จะสู่กระบวนการผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศ

“พรรคประชาชาติมีการประชุมเราจะขอให้เดินทางไปถึงแค่พรรคที่สองคือพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีถ้าออกนอกไปจากนั้นมันไม่ใช่หลักประชาธิปไตย” ทวีกล่าว

เลขาฯ พรรคประชาชาติกล่าวว่า ณ วันนี้ยังไมได้คุยกันเรื่องนโยบายจะเป้นอย่างไรแต่เห็นว่าปัญหาของประเทศมีความสำคัญที่จะต้องมีนายกฯ เพื่อให้ได้นายกฯ ที่มีสิทธิในการสรรหารัฐมนตรีมาแก้วิกฤติของประเทศ แต่ยังไม่ได้คุยเรื่องรัฐมนตรีเลยและวันนี้ก็ยังเดินตามเงื่อนไขเดิม พรรคประชาชาติก็ยังยืนยันในเรื่องนโยบายของพรรคโดยเชื่อว่าพรรคที่เป็นแกนนำและพรรคที่เข้ามาร่วมคงต้องรับฟังไปประกอบในการแก้ปัญหาของชาติ

ประยุทธ์ไม่อยู่-ประวิตรยอมแพ้แล้ว ควรเก็บไพร่พลไว้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลที่ได้อันดับหนึ่งก็มีมติว่าจะหนุนพรรคก้าวไกลมาบริหารประเทศก็ได้สนับสนุนทุกอย่างแต่พรรคก้าวไกลก็ไม่สามารถที่จะไปถึงได้ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศและได้เสนอชื่อนายกฯ แทน และพรรคเพื่อไทยขณะนี้ก็ได้เดินหน้าสลายขั้วเพื่อให้เข้ามาบริหารประเทศได้ ดังนั้นที่ตอนนี้เข้าใจผิดกันว่าตอนหาเสียงเคยพูดอะไรไว้แล้วจะต้องยึดมั่นละเมิดไม่ได้นั้นก็ต้องเข้าใจกันว่าการหาเสียงก็คือการหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงเข้ามาบริหารประเทศไม่ใช่นโยบายพรรค แต่ถ้าอันใดเป็นนโยบายพรรคเข้ามาแล้วไม่ทำให้กับประชาชนถึงจะเป็นเรื่องผิดสัญญา

“เรื่องการหาเสียงเป็นเรื่องปกติ เมื่อจบไปแล้วได้คะแนนมาเท่าไหร่ก็บริหารกันไป ขณะนี้มีเสียงบางเสียงบอกว่าให้รวมพรรคนั้นได้ ไม่รวมพรรคนี้ได้ อยากจะเรียนว่าทางลองไปดูสามก๊กก็ดีหรือไปดูประวัติศาสตร์ชาติไทยก็ดีกษัตริย์สมัยก่อนถ้าฆ่าแม่ทัพตายไปแล้วเราจะเอาไพร่พลไว้เลี้ยงดูต่อไปมั้ยเอามาปลูกข้าวดำนำหรือฆ่าทิ้งให้หมด”

เสรีพิสุทธ์กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเปรียบเสมือนแม่ทัพไม่ได้อยู่กับรวมไทยสร้างชาติแล้วควรจะต้องพิจารณาให้รวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมรัฐบาลได้หรือไม่นั้นซึ่งเขาเห็นว่าควรจะเอามาเลี้ยงดูไว้ หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐที่แม้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณจะยังอยู่แต่ก็ยอมแพ้ไปแล้วก็อยากให้ประชาชนเปิดใจรับและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้จัดตั้งรัฐบาลได้

มีเสียง ส.ส.เกินครึ่ง

ชลน่านให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ณ เวลานี้เสียง ส.ส.ที่สามารถรวบรวมได้แล้วมีอยู่ 238 เสียง ส่วนเรื่องที่จะไม่เอาพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาตินั้นจะมีวิธีการอย่างไรในการพูดคุยให้ ส.ส.จากทั้งสองพรรคมาให้การสนับสนุน ประเด็นที่จะมีพรรคไหนบ้างที่จะทำให้ได้เสียงเพิ่มก็จะมีการแถลงในวันพรุ่งนี้เพิ่มเติมอีกว่าในส่วนของพรรคที่เหลือโดยจะพยายามแถลงให้สื่อและประชาชนทราบโดยเร็วที่สุดและคาดว่าสัปดาห์นี้จะจบทั้งหมด

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้กล่าวย้ำตามแถลงการณ์แล้วว่าจะเปิดโอกาสขอความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่ายโดยเข้าไปประสานและพูดคุยว่าเป็นเอกสิทธิ์แต่ละฝ่ายว่าถ้าเห็นว่าเป้นประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมืองและเป็นการสลายขั้วแก้วิกฤติได้เราก็ยินดีเป็นแนวทางที่เราวางไว้ในการขอเสียงสนับสนุน

ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่าตอนนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้เดินหน้าเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆ และบ่ายนี้ก็จะได้คุยกับพรรคก้าวไกล พรุ่งนี้ก็จะไปคุยกับชาติไทยพัฒนา แต่ยืนยันว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรมเพราะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เวลานี้ปัญหาของเราคือการทำให้ทุกพรรคทุกฝ่ายทุกคนพยายามเข้าร่วม

“รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลพิเศษในสถานการณ์ที่มีวิกฤติต่างๆ ทั้งสามด้าน วิกฤติรัฐธรรมนูย วิกฤติปากท้องของประชาชน วิกฤติความขัดแย้ง เราต้องการให้รัฐบาลนี้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับการที่เราขัดแย้งเป็นกลุ่มเป็นฝักฝ่ายมาตลอดเกือบ 20 ปี” ภูมิธรรมกล่าว

ภูมิธรรมกล่าวต่อว่าถ้าเป็นบุคคลก็เป็นคำร้องขอจากเราไม่ใช่กระบวนการหรือเป็นงูเห่าอะไรทั้งสิ้นถ้าเป็นพรรคหรือกลุ่มบุคคลก็ไม่ได้เป็นการทำลายกระบวนการอะไรต่างๆ ที่มีมา สิ่งที่ต้องการวันนี้คือการคิดจากกระบวนทัศน์ใหม่ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถฝ่าวิกฤติไปได้ จึงคุยกับทุกพรรคทุกคนแล้ววันนี้หลายกลุ่มก็แสดงเจตจำนงมา ที่มีการคุยในเวลานี้นอกจาก ส.ส.แล้วยังรวมถึง ส.ว.ด้วยเพราะมีเป้าหมายที่จะทำให้ได้เกิน 375 เสียงเพื่อให้ตั้งรัฐบาลได้ตามกติกาอย่างเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาของประเทศชาติ พรรคที่มาร่วมก็เอาวาระของประเทศเป็นที่ตั้งถ้าโหวตนายกฯ เป็นรัฐมนตรีได้ก็จะนำนโยบายของทุกพรรคมาพูดคุยกันซึ่งรวมถึงนโยบายที่ดีและมีประโยชน์ของพรรคฝ่ายค้านด้วย แต่ยืนยันชัดเจนว่าข้อเสนอหรือนโยบายที่กระทบกับสถาบันหลักของประเทศและมาตรา 112 จะไม่แตะต้องและไม่สนับสนุน

ชลน่านตอบคำถามเรื่องที่จะมี ส.ส.จากประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ หรือรวมไทยสร้างชาติมาร่วมเป็นรายบุคคลหรือไม่ว่าเป็นไปตามแถลงการณ์ที่จะแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรค ทุกฝ่ายและทุกบุคคล เพราะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นเอกสิทธิ์ของทุกคนที่จะตัดสินใจได้ว่าจะโหวตให้หรือไม่ แต่เรื่องการร่วมรัฐบาลก็จะดำเนินการตามที่แถลงการณ์ไป เพราะเวลานี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคดังกล่าวเหล่านี้

มั่นใจ ส.ว.โหวตให้ ไม่มีเงื่อน ม.112 และก้าวไกลเป็นค้านแล้ว

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตอบถึงประเด็นที่ว่าถ้ามีพรรคก้าวไกลมาโหวตนายกฯ ให้จะทำให้ ส.ว.ไม่ไว้ใจหรือไม่นั้นว่า มีข้อจำกัดอย่างมากในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลแล้วรัฐสภาก็ไม่ให้ความเห็นชอบ พรรคก้าวไกลจึงได้ส่งต่อภารกิจมาให้พรรคเพื่อไทยแล้วเราจึงได้แสวงหาความร่วมมือให้ได้มากที่สุด แต่เราก็เคารพเอกสิทธิ์ของก้าวไกลว่าจะมาสนับสนุนมาเลือกนายกฯ ให้เราหรือไม่ แต่เราก็ปราถนาจากทุกพรรคที่จะสามารถทำให้การเลือกนายกฯ แล้วสถานการณ์การเมืองขณะนี้ก้าวเข้าสู่ความเรียบร้อยจัดการกับวิกฤติรัฐธรรมนูญได้ก็ยินดีที่พรรคก้าวไกลจะมาร่วม แล้วก็มีหลายเรื่องที่ร่วมมือกันได้ในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางด้านกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างต่างๆ ก็ยินดี

ชลน่านกล่าวต่อว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำอยู่ไม่ได้เป็นเงื่อนไขให้ ส.ว.มีข้อกังวลเพราะไมได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลโดยประกาศอย่างชัดเจนแล้ว แต่ถ้าทำงานร่วมกันก็ต่างสถานะคือฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ส่วนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่มีในแนวนโยบายก็น่าจะเป็นความชัดเจนที่ ส.ว.ไว้ใจได้ว่าไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้และ ส.ว.ก็จะให้เสียงสนับสนุนกับเราได้

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตอบคำถามประเด็นที่มี ส.ส.ในพรรคไม่พอใจที่จะมีการข้ามขั้วนั้น เมื่อวานนี้ทางพรรคได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.ในพรรคได้เปิดใจคุยกันอย่างเต็มที่ก็ยังไม่มี ส.ส.แสดงแนวคิดที่ไม่เห็นด้วยถ้าหากเกิดการย้ายขั้วก็ยังเป็นข้อห่วงใยเพราะก็ดูเรื่องผลกระทบและสิ่งที่ประกาศเป็นสัญญาประชาคมไป แต่ไม่ถึงขั้นจะมีย้ายออกไปจากพรรคยังไม่มีและยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยยังเป็นเอกภาพและรับกับที่เป็นอยู่ได้ แม้ว่า ส.ส.บางคนจะเจอแรงกดดันในพื้นที่ก็ยังพร้อมชี้แจงกับประชาชนอยู่ถึงเป้าหมายที่จะเป็นรัฐบาลของประชาชนมาแก้วิกฤติปากท้องและความขัดแย้งได้

ภูมิธรรมกล่าวย้ำสิ่งที่ชลน่านกล่าวไปว่า ส.ส.ของพรรคยังสนับสนุนทีมเจรจาทั้งหมดให้สามารถเดินหน้าไปตามเป้าหมายได้ทุกคนก็รู้ว่าบางพื้นที่มีความแตกต่างกัน บางพื้นที่ก็มีความเจ็บปวด บางพื้นที่ก็เข้าใจ บางพื้นที่ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ ส.ส.ทุกคนก็จะทำหน้าที่ของตัวเองในการชี้แจงกับประชาชน

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตอบคำถามประเด็นว่าต่อให้รวม ส.ส.จากประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วยแล้วก็ยังมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งมาไม่มากนักว่า รัฐบาลนี้ไม่สามารถที่จะจับมือกับเพียงไม่กี่พรรคแล้วจะตั้งรัฐบาลได้วันนี้จึงต้องใช้การมีส่วนร่วมของ ส.ส.จากทุกพรรคทุกฝ่ายอย่างเต็มที่แล้วก็เจรจากัน ถ้ามาเป็นพรรคการเมืองก็เป็นไปตามระบบแต่ถ้ามาเป็นกลุ่มถ้าเข้าใจจุดหมายร่วมกันก็ไปตามนั้น ถ้ามาเป็นบุคคลอยากสนับสนุนแล้วสามารถชี้แจงได้ว่าประชาชนในพื้นที่สนับสนุนก็มาได้ ซึ่งวันนี้ยังพูดชัดเจนทั้งหมดไม่ได้ แต่ที่มีการคุยกับเราข้างหลังเวลานี้จำนวนได้เกินไปแล้ว แต่ยังต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและเข้มแข็งเพื่อผลักดันนโยบายทั้งหมดให้เป็นไปได้ ก็อยากให้ ส.ว.และ ส.ส.ใช้เอกสิทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ในการเข้ามาแก้ไขวิกฤติของประเทศ

จาตุรนต์และ 24 ส.ส.เพื่อไทยยังอยู่กับพรรค

ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าจาตุรนต์ ฉายแสง และส.ส.ของพรรคเพื่อไทยจะมีการย้ายพรรคไปพรรคก้าวไกลนั้น ทั้งชลน่านและภูมิธรรมยังยืนยันว่าไม่ได้มีการย้ายและทางจาตุรนต์เองในการประชุมวันจันทร์ก็สนับสนุนแนวทางของพรรคในเวลานี้ด้วย

ชลน่านตอบคำถามเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคว่าพรรคยังยืนยันว่าเป็นเศรษฐา ทวีสินและมั่นใจว่าแน่นอนว่าจะได้รับการโหวตให้เป็นนายกฯ และจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เศรษฐาจะได้รับเสียงไม่ถึง

ภูมิธรรมย้ำประเด็นนี้ว่าได้ตรวจสอบคุณสมบัติของเศรษฐาแล้วและผ่านการคัดสรรจากพรรคแล้วว่าไม่มีปัญหาทางกฎหมายทั้งสิ้น เมื่อไม่มีปัญหาทางกฎหมายแล้วปัญหาทางจริยธรรมก็ไม่มีซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย

ภูมิธรรมกล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลว่าจุดยืนสุดท้ายได้ตกลงกันชัดเจนแล้วว่าพรรคก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้านแล้วเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายรัฐบาล แต่จะทำงานการเมืองร่วมกันในลักษณะที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและสนับสนุนกันในสภาเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ และเขาได้ย้ำอีกครั้งว่าไม่สนับสนุนเรื่องมาตรา 112 แต่ถ้าเป็นเรื่องนอกเหนือจากเรื่องนี้ถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชนก็จะเป็นฝ่ายรัฐบาลแบบใหม่ที่จะไม่คัดค้านอะไร ส่วนเรื่องไหนที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลก็คงไปมีส่วนร่วมไม่ได้ จึงเป็นเรื่องการแบ่งแยกหน้าที่กันทำงานไม่ใช่เรื่อรวมกันเป็นรัฐบาล
 

คำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองต่างๆ

• วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงเพิ่มเติม และได้รับการสนับสนุนจาก 6 พรรคการเมืองประกอบด้วย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคท้องที่ไทย และรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว

• พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองคาดหวังอย่างยิ่งว่า จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ สลายขั้วการเมือง ทุกฝ่าย เดินหน้าขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง และเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว ที่ขณะนี้กำลังเผชิญความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

• เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางวิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน และวิกฤตความขัดแย้งในสังคม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งขั้ว

• การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็น “วาระประเทศ” ที่สำคัญอย่างสูงสุด

• เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน

เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ

9 สิงหาคม 2566

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net