Skip to main content
sharethis

ศปปส. ยื่นหนังสือถึง 250 ส.ว. ขออย่าโหวตเลือกผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับสถาบันกษัตริย์ทำหน้าที่นายกฯ ด้าน ส.ว.สมชาย แสวงการ ขอ 'ก้าวไกล' ลดเพดานจุดยืนเรื่องแก้กฎหมายกระทบสถาบันกษัตริย์และความมั่นคง หวั่นความขัดแย้งภายในประเทศปะทุ

 

4 ก.ค. 2566 เพจเฟซบุ๊ก "ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน" ถ่ายทอดสดวันนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.59 น. อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ซึ่งเป็นกลุ่มปกป้องสถาบัน เนื่องด้วยติดภารกิจไปเป็นพยานโจทก์คดีมาตรา 112 จึงมอบหมายให้ ระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ ผู้ประสานงานของกลุ่ม เป็นตัวแทนยื่นหนังสือเรื่อง "เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา ไม่ให้ความเห็นชอบคนที่มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันฯ เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" ถึงสมาชิกวุฒิสภา โดยมี สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา และ เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ 

ระพีพงษ์ กล่าวก่อนยื่นหนังสือว่า ถึงรายละเอียดในหนังสือระบุว่า สืบเนื่องจาก รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้กล่าวในเวทีเสวนาหัวข้อ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ” ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อ 24 มิ.ย. 2566 โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุชัดเจนว่า “รอบนี้ฟ้าใหม่ ไม่ว่าประธานสภาฯ ก็คงจะไม่ใช่คนเดิม รวมถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เราจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง และเราจะได้เฉลิมฉลองวันที่ 24 มิถุนายน ในฐานะวันชาติด้วยกัน” 

ระพีพงษ์ กล่าวว่า วันชาติเป็นวันมหามงคลของประเทศไทย ซึ่งทางหน่วยงานราชการถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันมหามงคล เนื่องจากเป็นวันเฉลิมพระชมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เรียกว่าวันพระราชสมภพของพระองค์ท่าน เป็นวันมหามงคล แต่รังสิมันต์ โรม จะดึงวันมหามงคลออก และใส่วันอัปมงคลเข้าไป ซึ่งก็คือ 24 มิถุนา ซึ่งวันที่ 24 มิถุนา 2475 ก็คือวันที่คณะราษฎร ปฏิวัติยึดอำนาจจากล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 ทำให้เราใจไม่ดี

ดังนั้น เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศปปส. จึงทำหนังสือถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยวันที่ไปยื่นหนังสือ พิธา ไม่ได้ลงมารับเอง แต่มี ส.ส. บัญชีรายชื่อลงมารับ และชี้แจงว่า นั่นเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว และพรรคสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งทางกลุ่ม ศปปส. มองว่าคำชี้แจงดังกล่าวยังไม่เพียงพอ

ระพีพงษ์ ตั้งคำถามถึงท่าทีของพรรคก้าวไกลว่ามี 'ความย้อนแย้ง' เนื่องจากก่อนการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลเปิดเวทีหาเสียง ได้มีการเชิญผู้ต้องหามาตรา 112 ที่มาทำกิจกรรมโพลสอบความเห็น เรื่อง การยกเลิก/แก้ไข มาตรา 112 ขึ้นไปบนเวทีปราศรัย และพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ได้หยิบสติกเกอร์มาแปะที่ช่อง ‘ยกเลิก/แก้ไขมาตรา 112’ ซึ่งชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลมีความคิดที่จะยกเลิกมาตรา 112 

ทั้งนี้ เมื่อ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา 'แบม' อรวรรณ ภู่พงษ์ และ 'ตะวัน' ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมการเมือง ได้ไปทำโพลสอบถามความคิดเห็นประชาชนเรื่อง '1. คุณเห็นด้วยหรือไม่กับการยุติการดำเนินคดีกับนักโทษการเมืองทุกคน และ2. คุณคิดว่า ม.112 สมควร ยกเลิก หรือ แก้ไข' ที่ปราศรัยใหญ่ของพรรคก้าวไกล ณ สวนสาธารณะเทศบาลนครแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

ในวันดังกล่าว พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เชิญ แบม และตะวัน ขึ้นไปบนเวทีปราศรัย  และร่วมทำโพล แสดงความคิดเห็น ว่า 'เห็นด้วยว่าควรแก้ไข / ยกเลิก มาตรา 112'    

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"มาตรา 112 ไม่ดีตรงไหน ประชาชนทั่วไปโดนหมิ่นประมาทไม่ว่าจะต่อหน้าห รือก  รโฆษณา เราก็มีกฎหมายคุ้มครอง ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือการโฆษณา แต่พระองค์ท่านโดนหมิ่นประมาท แต่กลับจะไปยกเลิกกฎหมายที่คุ้มครองพระองค์ท่าน มันดีแล้วเหรอครับ นี่คือสิ่งที่ประชาชนอยากจะฟังจุดยืนพรรคก้าวไกล" ผู้ประสานงาน ศปปส. ตั้งคำถาม 

ผู้ประสานงาน ศปปส. เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา 250 คน ไม่เลือกคนที่เป็นปรปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นนายกรัฐมนตรี 

"ท้ายสุดนี้ สมมติอนาคตข้างหน้าอีกไม่กี่วัน ถ้าพรรคก้าวไกลได้รัฐบาล ยังดึงดันยื่นญัตติยกเลิกมาตรา 112 หรือไปแตะต้องรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นหมวด 1 หมวด 2 ไม่ว่าจะเป็นมาตราใดๆ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า อุปสรรคของรัฐบาลก้าวไกล" ระพีพงษ์ กล่าว

'สมชาย' เผยขอให้ 'ก้าวไกล' ลดเพดานจุดยืนแก้ ม.112-รธน.หมวด 1-2

เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวหลังรับหนังสือว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นวาระสำคัญของ ส.ว. แม้ว่าจะไม่มีประชุมสภาใหญ่ ทุกครั้งที่เจอกัน ก็มีการพูดคุยกันเรื่องการแก้กฎหมายที่กระทบกับพระราชอำนาจ ดังนั้น ใน ส.ว. เองให้ความสำคัญในเรื่องเล่านี้

สมชาย ระบุว่า เขาไม่เชื่อว่า ประชาชน 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล ไม่ได้มีความต้องการให้แก้ไขมาตรา 112 หรือร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แก้ไข หมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ทุกคน และทาง ส.ว. สื่อสารไปยังพรรคก้าวไกลหลายครั้งแล้วให้มีการลดเพดานจุดยืนเรื่องการแก้ไข มาตรา 112 หรือแก้รัฐธรรมนูญ หมวด 1-2 เพราะอาจจะกระทบต่อความสงบสุข และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในประเทศ โดยทางสมาชิกวุฒิสภาไม่ต้องการเห็นคนไทยขัดแย้งกันเอง 

สมชาย ระบุต่อว่า เขาอยากให้พรรคก้าวไกล ไปโฟกัสที่นโยบายทางเศรษฐกิจ และปากท้องประชาชนมากกว่า 290 ใน 300 นโยบายที่เขาอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงขั้นต่ำ สวัสดิการแห่งรัฐ เรื่องเงินเบี้ยยังชีพคนชรา นโยบายมีเยอะแต่ทำไมถึงไปผลักดันเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือกฎหมายที่กระทบความมั่นคง

"เราขอให้ลดเพดานลง ลดได้ เราก็เดินหน้าประเทศได้ ถ้าเดินต่อยิ่งเพิ่มเงื่อนไขไปเรื่อยๆ มันก็นำไปสู่ความขัดแย้ง และทำให้ ส.ว.ไม่สบายใจมากขึ้น ในการที่จะโหวต ส.ว.ก็จะต้องมีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนไทย 67 ล้านคน ไม่ใช่ผู้เลือกตั้งคนใดคนหนึ่ง" สมชาย กล่าว และระบุว่า จะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกัน” สมชาย กล่าว และระบุต่อว่าจะนำเรื่องนี้ไปคุยต่อ 

ในวันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก The Reporters รายงานเมื่อเวลา 11.15 น. รามคำแหงรักสถาบัน ได้เข้ายื่นหนังสือต่อในกรณีเดียวกันกับ ศปปส. เพื่อขอให้สมาชิกวุฒิสภายึดหลักปกป้องสถาบันในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเข้าสู่ขั้นตอนของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 66 ประชาชนคาดหวังว่า การเปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารประเทศจะเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถบริหารประเทศเพื่อสร้างการพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อคนในชาติ ยืนอยู่บนเวที โลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่การณ์กลับปรากฏว่า นักการเมือง พรรคการเมืองบางพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลกลับยังคงสร้างประเด็นที่ส่อไปในทางสร้างความแตกแยกของคนในชาติด้อยค่าสถาบันหลักจากนโยบายแก้ไขมาตรา 112

โดยกลุ่มรามคำแหงรักสถาบัน เห็นว่า พรรคก้าวไกล ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่ได้แสดงท่าทีจุดยืนที่ชัดเจนต่อเรื่องดังกล่าว อ้างแต่เพียงจุดขึ้นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นมุข และยังมีพฤติกรรมปกป้องสมาชิกพรรครายดังกล่าว พวกเราจึงขอเรียกร้องวุฒิสภา ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการออกเสียงให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้โปรดนำพฤติกรรมของสมาชิก และแกนนำพรรคก้าวไกลมาประกอบการตัดสินใจออกเสียงบนพื้นฐานของการยุติความขัดแย้งสร้างความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ

รายละเอียดหนังสือของ ศปปส.

เรื่อง เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบคนที่มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันฯ เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

จากกรณีการอภิปรายของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในเวทีเสวนาหัวข้อ "ชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ" ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า “รอบนี้ฟ้าใหม่ ไม่ว่าประธานสภาก็คงจะไม่ใช่คนเดิม รวมถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เราจะได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง และเราจะได้เฉลิมฉลองวันที่ 24 มิถุนายน ในฐานะวันชาติด้วยกัน” ซึ่งได้สร้างความไม่สบายใจให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมากว่าจะเป็นการสร้างเงื่อนไข ซึ่งนำไปสู่การล้มล้าง, สร้างความแตกแยก ให้เกิดขึ้นกับบ้านเมืองและคนในชาติ โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ศปปส.ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล เพื่อขอทราบจุดยืนของพรรคต่อแนวคิดดังกล่าว โดยมีผู้แทนของพรรคก้าวไกลมารับหนังสือและชี้แจงว่า นั่นเป็นเพียงการแสดงความเห็นส่วนตัว และพรรคมีจุดยืนในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งคำชี้แจงดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาการอภิปรายที่เชื่อมโยงกับพรรคก้าวไกล ประกอบกับนายรังสิมันต์ เป็นสมาชิกระดับแกนนำที่ย่อมรู้ทิศทางยุทธศาสตร์ระดับเชิงลึก ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาของแกนนำพรรคคนอื่นๆ ที่อ้างวาทกรรมปฏิรูปสถาบัน และสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้น ศปปส.จึงขอเรียกร้องไปยังสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 ท่านที่จะมีส่วนร่วมในการออกเสียงให้ความเห็นชอบต่อบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โปรดพิจารณาข้อเท็จจริงข้างต้น ตลอดถึงเหตุผลอื่นๆ ที่สมาชิกวุฒิสภาย่อมสามารถเข้าถึงได้อย่างลึกซึ้งกว่าประชาชนทั่วไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิกวุฒิสภาจะเป็นกลไกอันเป็นที่พึ่งของประชาชน เพื่อสกัดกั้นความพยายามที่จะบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ เพื่อหยุดวิกฤตความขัดแย้งของคนในชาติโดยอาศัยกระบวนการรัฐสภา โปรดพิจารณาไม่ให้ความเห็นชอบต่อบุคคลที่มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบันหลักของชาติเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net