Skip to main content
sharethis

สถานทูตโต้ ‘สถาบันทิศทางไทย’ หลังโพสต์ อ้างคณะทูตจ้อนักการเมือง ‘ยกเลิก 112’

13 พ.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “สถาบันทิศทางไทย” ซึ่งเป็นองค์กรผู้นำความคิดของกลุ่มอนุรักษนิยมในโลกออนไลน์ ได้เผยแพร่ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพบปะระหว่างคณะทูตจากกลุ่มชาติตะวันตกและพันธมิตรจำนวนหนึ่ง กับตัวแทน 3 พรรคการเมืองในประเทศ เพื่อพูดคุยกันเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และการยกเลิกกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์

 

 

“ความลับไม่มีในโลก! รายงานลับจากหน่วยความมั่นคง เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา คณะทูตจากสหรัฐ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และตัวแทนอียู เชิญตัวแทน พท. ก้าวไกล พปชร. ไปคุยที่บ้านทูตนิวซีแลนด์ เรื่องการตั้งรบ.ใหม่ และการยกเลิก ม.112” สถาบันทิศทางไทยระบุ 

ต่อมา ข้อความดังกล่าวได้รับการเผยแพร่และส่งต่ออย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้สนับสนุนของสถาบันทิศทางไทย ซึ่งตรงกับช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค. ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ 

วานนี้ (12 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวประชาไท ได้ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงไปยังสถานทูตนิวซีแลนด์ ซึ่งได้ถูกกล่าวอ้างในข้อความของสถาบันทิศทางว่าเป็นเจ้าภาพการพูดคุย และได้รับคำชี้แจงจากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศและการค้านิวซีแลนด์ระบุว่า การพบปะดังกล่าวมีขึ้นเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของแต่ละพรรคการเมือง 

“เจ้าหน้าที่การทูตมักจะพบปะกับคนไทยจากหลากหลายภาคส่วนบ่อยครั้ง รวมถึงพรรคการเมืองด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศและการค้านิวซีแลนด์กล่าวผ่านอีเมล

“ในกรณีนี้ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของพรรคการเมืองที่เข้าร่วมการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่การทูต ได้อธิบายเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจของแต่ละพรรค และความปรารถนาที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้แก่ประเทศ[ไทย]” 

นอกจากนี้ แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการพูดคุยข้างต้นได้ยืนยันกับประชาไท ด้วยอีกทางหนึ่งว่า ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมการพูดคุยตามคำเชิญของสถานทูตนิวซีแลนด์ เพื่อหารือเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ การลงทุน และนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง

แหล่งข่าวคนดังกล่าวยืนยันว่า มาตรา 112 มิได้อยู่ในประเด็นการหารือตามคำกล่าวอ้างของสถาบันทิศทางไทยแต่อย่างใด และกล่าวเสริมว่า นอกจากทั้ง 3 พรรคการเมืองแล้ว สถานทูตนิวซีแลนด์ได้เชิญพรรคการเมืองอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งด้วย แต่ไม่สามารถส่งตัวแทนมาได้เพราะติดภารกิจ 

ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้สถาบันวิจัยเอเชีย เซ็นเตอร์ ได้เผยแพร่รายงานศึกษารูปแบบข้อมูลบิดเบือนออนไลน์โดยรัฐ หรือที่เรียกว่า “ไอโอ” เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค. เช่น การบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้งและการทำลายความน่าเชื่อถือของ นักการเมือง พรรคการเมือง และนโยบายของพรรค หรือการสร้างความเกลียดชังและขยายความแตกแยกทางอุดมการณ์ในสังคม อันนำไปสู่การแบ่งขั้วการเมืองแบบสุดโต่ง

ในการเปิดตัวรายงานดังกล่าว เจมส์ โกเมซ นักรัฐศาสตร์และผู้อำนวยการภูมิภาคของเอเชีย เซ็นเตอร์คาดการณ์ว่า “ในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป ประเทศไทยจะประจักษ์ถึงการขยับไปสู่การใช้ปฏิบัติการข่าวสารในการทำลายประชาธิปไตย แทนที่การยึดอำนาจโดยทหาร โดยปฏิบัติการข่าวสารจะกลายเป็นอาวุธในการสร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้กับทหารผ่านกระบวนการเลือกตั้งโดยการปลุกปลั่นกลุ่มอนุรักษ์นิยมและใส่ร้ายขบวนการประชาธิปไตย”

โกเมซเสริมว่า “ไอโอในประเทศไทยมีความเป็นสถาบันสูง และหากไม่มีมาตรการจัดการปฏิบัติการเหล่านี้ อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ การเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนจะเป็นตัวชี้ขาดในการเลือกตั้งทั่วไปในครั้งนี้”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net