Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาพิพากษาจำคุกไรเดอร์ "สิทธิโชค" 3 ปี 6 เดือนคดีม.112 จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเผาพระบรมฉายาลักษณ์ร.10 และพระราชินี ระหว่างมีการชุมนุมของเยาวชนปลดแอกเมื่อก.ค.64 ทนายความยื่นประกันแต่เรื่องถูกส่งต่อศาลอุทธรณ์พิจารณาต้องรอผลประกันอีก 2-3 วัน

 

17 ม.ค. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วันนี้ (17 ม.ค.) ศาลอาญา รัชดาฯ อ่านคำพิพากษาในคดีของสิทธิโชค เศรษฐเศวต ไรเดอร์ส่งอาหารวัย 26 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 217 และ 358 พร้อมกับข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการถูกกล่าวหานำของเหลวคล้ายว่าเป็นน้ำมันไปฉีดพ่นใส่กองเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บริเวณฐานพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และพระราชินี บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินนอก แยกผ่านฟ้าลีลาศ ระหว่างการชุมนุม #ม็อบ18กรกฎา2564

ศูนย์ทนายความฯ สรุปคำพิพากษาศาลไว้ 2 ประเด็น

ประเด็นแรกความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เป็นประจักษ์พยานฝ่ายโจทก์ เบิกความในทำนองเดียวกันว่า เห็นจำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุจริง รวมถึงมีภาพกับคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานยืนยัน พยานไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ศาลจึงเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความตามความเป็นจริง การที่จำเลยอยู่ในที่ชุมนุมขณะที่มีการประกาศบังคับใช้ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงถือว่าเป็นความผิด 

แม้จำเลยจะอ้างว่า ขณะนั้นตนกำลังทำหน้าที่รับส่งอาหารหน้าร้านแมคโดนัลด์ และแวะหยุดดูการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าวแต่อย่างใด ศาลเห็นว่าคำเบิกความของจำเลย เป็นเพียงการเบิกความลอยๆ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าจำเลยกำลังทำงานรับส่งอาหารตามที่กล่าวอ้าง

ประเด็นที่สอง ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ และมาตรา 112 พยานโจทก์ผู้เป็นประจักษ์พยาน เบิกความในทำนองเดียวกันว่า เห็นจำเลยบีบของเหลวสีม่วงใส่ผ้าประดับซุ้มฯ และไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นมา รวมถึงมีภาพและคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการดังกล่าวจริง

ตามข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่โจทก์นำสืบรับฟังได้ว่า หากของเหลวดังกล่าวเป็นน้ำจริง ไฟจะไม่ลุกไหม้ขึ้นมา ศาลจึงเชื่อว่าของเหลวดังกล่าวเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือวัตถุไวไฟบางชนิด แม้ผลจากกองตรวจพิสูจน์หลักฐานจะไม่ปรากฎว่าผ้าประดับซุ้มฯ มีคราบน้ำมันเชื้อเพลิงหรือวัตถุไวไฟ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะการส่งตรวจพิสูจน์ล่าช้า ทำให้สารดังกล่าวระเหยออกไปหมด

การที่จำเลยเบิกความว่าต้องการช่วยดับไฟนั้น เป็นการเบิกความลอยๆ ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ แม้ไฟจะไม่ได้ไหม้ลามไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ แต่การที่จำเลยบีบของเหลวใส่ฐานประดับที่มีไฟลุกไหม้อยู่แล้วนั้น ถือว่าจำเลยได้เล็งเห็นผลของการกระทำแล้วว่าไฟจะลุกลามไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ จึงถือว่าจำเลยเจตนาต้องการเผาพระบรมฉายาลักษณ์

ศาลวินิจฉัยต่อว่า พยานผู้เชี่ยวชาญของโจทก์ยังเบิกความว่าในทรรศนะของสังคมไทย พระบรมฉายาลักษณ์มีค่าเท่าตัวบุคคล มีไว้กราบไหว้และเป็นที่เคารพสักการะ ต้องเก็บรักษาและดูแลไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติ ไม่ควรแสดงเสรีภาพที่เป็นปฎิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด

พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, มาตรา 217, มาตรา 358 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ลงโทษบทหนักสุด โดยลงโทษจำคุก 3 ปี ในความผิดตามมาตรา 112 และจำคุกอีก 6 เดือน ในฐานความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุกรวม 2 ปี 4 เดือน 

หลังฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว ตำรวจศาลได้ใส่กุญแจมือสิทธิโชค และพาเขาลงไปรอที่ห้องเวรชี้ ขณะที่ทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมขอวางเงินประกันตัวเพิ่มเติมจำนวน 100,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ 

อย่างไรก็ตาม เวลา 12.27 น. ศาลอาญามีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา โดยศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งออกมาในอีก 2-3 วันข้างหน้า ในระหว่างนี้ สิทธิโชคจะถูกนำตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อน

สำหรับ “สิทธิโชค” เป็นไรเดอร์ประกอบอาชีพส่งอาหาร อายุ 26 ปี เขาต่อสู้คดีนี้ว่าเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ระหว่างทำงานรับส่งอาหาร ได้ผ่านเข้าไปสังเกตการณ์ในการชุมนุมของ #เยาวชนปลดแอก บริเวณถนนราชดำเนินนอก เมื่อพบเห็นเหตุเพลิงไหม้ใต้ฐานซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 และตนเองมีประสบการณ์ทำอาสาหน่วยกู้ภัยมาก่อน จึงเข้าไปช่วยดับเพลิงไหม้ดังกล่าว โดยใช้น้ำเปล่าที่ผสมกับน้ำโคล่าสีม่วง ไม่ได้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด โดยตัวเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าบุคคลใดเป็นผู้ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ โดยหลังเกิดเหตุพระบรมฉายาลักษณ์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด มีเพียงผ้าประดับซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่ได้รับความเสียหาย

ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี ทำผิดซ้ำ

19 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญายกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว สิทธิโชค เศรษฐเศวต ไรเดอร์ส่งอาหาร วัย 26 ปี เนื่องจากให้เหตุผลว่าพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว มีอัตราโทษสูงไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งยังกระทบต่อความรู้สึกและศีลธรรมอันดีของประชาชน เกรงว่าหากอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาอาจไปก่ออันตรายประการอื่น หรืออาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net