Skip to main content
sharethis

สัมผัสวิถีชนเผ่าม้งเชียงดาว...ตามหาปราชญ์ช่างตีมีดและคนเป่าเฆ่ง EP1
สัมผัสวิถีชนเผ่าม้งเชียงดาว...ตามหาปราชญ์ช่างตีมีดและคนเป่าเฆ่ง EP2

หากนักท่องเที่ยว นักเดินทางมีโอกาสมาเยือนเชียงดาว แล้วได้แวะเดินเที่ยวตามตลาดม้งห้วงลึก และตลาดนัดแสงจันทร์ เชียงดาว ก็จะมองเห็นบรรดาพี่น้องชนเผ่าม้ง มานั่งขายของ เรียงรายกันไปตามริมถนน  สินค้าที่นำมาตั้งวางขาย ส่วนใหญ่จะเป็นผลผลิตจากสวนจากไร่ เช่น ผักกาด แตงกวา ฟักทอง เผือก มัน อะโวคาโด ดอกไม้ฯลฯ แน่นอน การที่พี่น้องชนเผ่าม้ง มานั่งขายของทำให้ตลาดนั้นมีเสน่ห์ มีสีสันกันมากยิ่งขึ้น

เมื่อพูดถึงชนเผ่าพื้นเมืองในเชียงดาว  ชาติพันธุ์ม้ง ถือว่าเป็นกลุ่มชนที่มีความสัมพันธ์กับผู้คนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคนพื้นราบหรือคนชนเผ่าอื่นๆ เนื่องจากชนเผ่าม้ง นั้นจะชอบทำมาค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า สืบทอดกันมาช้านาน แต่เมื่อสืบค้นหาประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ม้ง แล้วกลับพบว่าชนเผ่านี้น่าสนใจ ไม่ธรรมดา ม้ง คือเผ่าพันธุ์ที่เดินทางมาไกล เป็นนักสู้แห่งดอยสูง และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน

ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ม้ง...เดินทางไกลเพื่อแสวงหาดินแดนใหม่ที่สงบ

เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ของชนเผ่าม้ง (Hmong) มีการสันนิษฐานกันว่า ม้ง อพยพมาจากแถบที่ราบสูงธิเบต ไซบีเรีย และมองโกเลีย เข้าสู่ประเทศจีน และตั้งหลักแหล่งอยู่แถบลุ่มแม่น้ำเหลือง (แม่น้ำฮวงโห) เมื่อราว 3,000 ปีมาแล้ว ซึ่งชนเผ่าม้งจะตั้งถิ่นฐานอยู่ในมณฑลไกวเจา ฮุนหนำ กวางสี และมณฑลยูนนาน ม้งอาศัยอยู่ในประเทศจีนมาหลายศตวรรษ จนกระทั่ง ประมาณคริสตศตวรรษที่ 17 ราชวงค์แมนจู (เหม็ง) มีอำนาจในประเทศจีน กษัตริย์จีนในราชวงค์เหม็งได้เปลี่ยนนโยบายเป็นการปราบปราม เพราะเห็นว่าม้งที่เป็นผู้ชายส่วนใหญ่แล้วรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคนรัสเซีย ทำให้คนจีนคิดว่า ม้งเป็นคนรัสเซีย จึงเป็นเหตุให้มีการปราบปรามม้งเกิดขึ้น โดยให้ชาวม้ง ยอมจำนน และยอมรับวัฒนธรรมของจีน และอีกประการหนึ่งคือถูกด้อยค่า ถูกมองว่า ม้งเป็นพวกอนารยชนแห่งขุนเขา หรือคนป่าเถื่อน จึงได้มีการต่อสู้กันอย่างรุนแรงในหลายแห่ง เช่น ในเมืองพังหยุนในปี พ.ศ.2009 และการต่อสู้ในมณฑลไกวเจาในระหว่าง พ.ศ. 2276 - 2278 และการต่อสู้ในมณฑลเสฉวนในระหว่าง พ.ศ. 2306 – 2318     

ในที่สุด ชาวม้งประสบกับความพ่ายแพ้ สูญเสียพลรบ และประชากรเป็นจำนวนมาก ชนเผ่าม้งจึงตัดสินใจพากันอพยพถอยร่นสู่ทางใต้ และกระจายเป็นกลุ่มย่อยๆ กลับขึ้นอยู่บนที่สูงป่าเขาในแคว้นสิบสองจุไทย สิบสองปันนา และอีกกลุ่มได้อพยพไปตามทิศตะวันออกเฉียงเหนือของราชอาณาจักรลาว บริเวณทุ่งไหหิน เดียนเบียนฟู โดยมีหัวหน้าม้งคนหนึ่ง คือ นายพลวังเปา ได้รวบรวมม้ง และอพยพเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณ พ.ศ. 2400 เศษ เป็นต้นมา

ชนเผ่าม้ง มีจุดเด่น จุดแข็ง มากกว่าชนเผ่าอื่น ก็คือ ระบบครอบครัวและเครือญาติ นั้นมีผูกพันแน่นแฟ้นในสายเลือดและเครือญาติเป็นอย่างมาก

ม้ง มีสองกลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ ม้งเด้อ (ม้งขาว) และม้งจั้ว (ม้งดำ หรือม้งน้ำเงิน) มีการจัดระบบเครือญาติตามตระกูลแซ่ ซึ่งตระกูลแซ่ของชาวม้งในประเทศไทยมีด้วยกันมากกว่า 13 ตระกูลแซ่ เช่น แซ่ย่าง แซ่ลี แซ่สง แซ่ท่อ แซ่เฮ่อ แซ่ว่าง แซ่ฟ่า แซ่มัว แซ่หัน แซ่คัง แซ่เล่า แซ่วือ แซ่จ๊ะ ฯลฯ ในแต่ละตระกูลแซ่จะมีผู้นำตระกูลแซ่เป็นหลัก จะไม่มีการแต่งงานในตระกูลแซ่เดียวกัน เมื่อมีงานหรือกิจกรรมทางประเพณีวัฒนธรรมสมาชิกในตระกูลแซ่ทุกคนจะมาช่วยเหลือร่วมไม้ร่วมมือกัน ปัจจุบันแต่ละตระกูลแซ่ จะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือสมาชิกในตระกูลแซ่ด้วยกันเกือบทุกตระกูลแซ่

ปัจจุบัน ชาวม้ง อาศัยอยู่กระจัดกระจายในประเทศจีน ไทย เวียดนาม ลาว และสหรัฐอเมริกา ในขณะกลุ่มชาติพันธุ์ม้งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ยังคงตั้งถิ่นฐานอยู่ตามภูเขาสูง หรือที่ราบเชิงเขาในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำปาง กำแพงเพชร เลย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และตาก โดยมีจำนวนประชากรทั้งสิ้นประมาณ 153,080 คน โดยชุมชนชาวม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นั้นอยู่ที่ตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

ส่วนในพื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มีชนเผ่าม้ง อพยพมาตั้งถิ่นฐานกัน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ คือ บ้านสันปาเกี๊ยะ มีจำนวนประชากร ประมาณ 700 กว่าคน บ้านแม่มะกู้ มีประมาณ 300 กว่าคน และบ้านห้วยลึก ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนเผ่าม้งที่มีประชากรอาศัยอยู่รวมกันหนาแน่นมากที่สุดของอำเภอเชียงดาว ประมาณ 1,200 คน

หมู่บ้านม้งห้วยลึก นั้นเกิดขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2522 ชนเผ่าม้งได้อพยพจากบ้านบ่อเหล็ก อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากประสบกับปัญหาพื้นที่ทำกินเดิมไม่เหมาะสมแก่การเพาะปลูกและได้ยื่นถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ขอพระราชทานที่ดินทำกิน ต่อมา มูลนิธิโครงการหลวงได้เข้าไปช่วยเหลือชาวไทยภูเขาในพื้นที่ โดยร่วมกับกรมป่าไม้แบ่งพื้นที่ในเขตป่าเสื่อมโทรม ให้เป็นแหล่งทำกินแก่ราษฎรชาวไทยภูเขาหมู่บ้านห้วยลึก หลังจากนั้น จึงมีชาวเขาเผ่าม้ง จากหมู่บ้านป่าเกี๊ยะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และจาก จ.แม่ฮ่องสอน  อพยพเข้ามาสมทบ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2523 มูลนิธิโครงการหลวง ได้จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก เพื่อส่งเสริมด้านเกษตรกรรมแก่ชาวไทยภูเขา ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านห้วยลึกนั่นเอง

ทศพัฒน์ เลาจาง นายกเทศมนตรีตำบลปิงโค้ง และเป็นผู้นำชนเผ่าม้งบ้านห้วยลึก ได้บอกเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อน ครอบครัวเขามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่บ้านแม่โถ ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาได้ย้ายตามครอบครัวมาอยู่ที่หมู่บ้านห้วยลึก จนถึงปัจจุบัน 

“สาเหตุที่ครอบครัวของเราย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านห้วยลึก ก็เพราะว่าตอนนั้นพี่น้องม้ง ได้มีการขอพระราชทานที่ดินอาศัยและที่ทำมาหากิน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.9 มีชาวม้งขอพระราชทานที่อยู่อาศัยและที่ทำมาหากิน จำนวนทั้งหมด 42 ครอบครัวด้วยกัน ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่โครงการหลวง ก็เริ่มเข้ามาบุกเบิกพื้นที่เพื่อจัดสรรพื้นที่ให้กับชาวบ้าน จนกลายเป็นหมู่บ้านม้งที่ใหญ่ที่สุดในเชียงดาว” 

ทศพัฒน์ เลาจาง นายกเทศมนตรีตำบลปิงโค้ง และเป็นผู้นำชนเผ่าม้งบ้านห้วยลึก

ทางด้าน สมโภชน์ ดำรงไพรวัลย์  ชาวบ้านชนเผ่าม้งบ้านแม่มะกู้ ก็บอกว่า เมื่อก่อนครอบครัวของพี่น้องม้งบ้านแม่มะกู้ จะอยู่ที่บ้านขุนห้วยแม่เปา ต.สบเปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ต่อมาได้ย้ายอพยพมาตั้งชุมชนกันที่บ้านแม่มะกู้นี้ กว่า 50 ปีแล้ว

“ชุมชนม้งบ้านแม่มะกู้ ส่วนใหญ่จะมาจากอำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย และบางส่วนมาจากอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ต่อมา จึงมีพี่น้องชนเผ่าลาหู่ และพี่น้องคนพื้นราบ ย้ายเข้าตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ กัน จนกลายเป็นหมู่บ้านแม่มะกู้ที่มีความหลากหลายชาติพันธุ์กันไปเลย”

ค้นหาปราชญ์ม้ง ช่างตีมีด และคนเป่า “เฆ่ง” หรือแคนม้ง

เมื่อมีโอกาสเข้าไปเที่ยวชมวิถีชุมชน ก็จะพบว่าในแต่ละชนเผ่านั้นจะมีปราชญ์ในแต่ละแขนงวิชา แตกต่างกันออกไป สำหรับชนเผ่าม้ง นั้นที่โดดเด่นมากที่สุด ก็คือ งานช่างฝีมือ ตีเหล็ก ทำเครื่องใช้ เครื่องประดับ การจักสาน การก่อสร้าง การเย็บผ้าปัก การเขียนลายเทียน   งานช่างตีเหล็ก ตีมีด ก็เป็นอีกหนึ่งวิชาที่มีความสำคัญต่อพี่น้องชนเผ่า ซึ่งส่วนใหญ่จะพบได้เฉพาะหมู่บ้านชนเผ่าม้ง ที่มีการสืบทอดวิชามาจากบรรพบุรุษ รุ่นปู่ รุ่นพ่อสืบต่อกันมา

พ่อเฒ่าไซตุ๊ แซ่หาง อายุ 75 ปี บอกว่า เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้ไม่นาน ไซตุ๊ หรือซะตุ๊ เป็นชื่อม้ง หมายถึง ลูกผู้ชาย พ่อเฒ่าเกิดและเติบใหญ่ที่บ้านขุนห้วยแม่เปา ต.สบเปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย หลังจากนั้น จึงพากันอพยพย้ายมาอยู่ที่บ้านแม่มะกู้(แม่ป๋ามนอก) แห่งนี้ เมื่อประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา

พ่อเฒ่าไซตุ๊ ถือว่าเป็นปราชญ์ชนเผ่าม้ง หลายแขนงเลย ที่ทุกคนสัมผัสเห็นทุกเมื่อเชื่อวันก็คือ การตีมีด ซึ่งความรู้ภูมิปัญญาเรื่องการตีมีดนั้นสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ จากพ่อสู่ลูกเรื่อยมา

โรงตีมีดของพ่อเฒ่า สร้างด้วยเพิงหมาแหงนอย่างง่ายๆ หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่าๆ ตั้งอยู่ด้านหน้ากระท่อมไม้ไผ่  ข้างๆ มีกองฟืนไม้สีแดงอมดำ วางซ้อนๆ กันไว้

“อันนี้คือไม้ฮัก เป็นไม้ที่ใช้สำหรับทำเป็นถ่านสำหรับตีมีด ไม้ที่ใช้เป็นถ่านแดงๆ สำหรับเอาแท่งเหล็กเผาไฟ ใช้ตีมีดนี้ ต้องเป็นไม้ฮักเท่านั้นนะ ถ้าเป็นถ่านไม้อื่น ไฟมันจะแตกใส่เรา แต่ไม้ฮักนี่มันไม่แตก แล้วก็ไฟมันจะร้อนพอดีๆ สม่ำเสมอ จะไม่ร้อนจนเกินไป” พ่อเฒ่าอธิบายคุณสมบัติของไม้ฮัก

ต้นฮัก หรือต้นรัก เป็นต้นไม้ในตระกูล Anacardiaceae มักพบในป่าดิบเขา และป่าเบญจพรรณ ชาวล้านนา เรียกว่า “ฮัก” หรือ “ฮักหลวง”

พ่อเฒ่าไซตุ๊ แซ่หาง ปราชญ์ชนเผ่าม้ง

ที่ผ่านมา ชุมชนม้งบ้านแม่มะกู้ พยายามสืบทอดรักษาภูมิปัญญาชนเผ่าเรื่องการตีมีดนี้เอาไว้ ไม่ให้สูญหาย เมื่อสิบปีก่อน ได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งเทศบาลตำบลปิงโค้ง และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ก็ได้จัดหางบประมาณมาจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือการตีมีดให้กับพ่อเฒ่า ได้สืบทอดความรู้เรื่องการตีมีดเอาไว้ โดยพ่อเฒ่าได้ถ่ายทอดความรู้นี้ให้กับลูกชายเอาไว้แล้ว

ลักษณะมีดของชนเผ่าม้ง จะไม่เหมือนกับชนเผ่าอื่น ชนเผ่าม้งจะมีการตีมีดตามสภาพการใช้งาน ถ้าเป็นงานหนักตัวมีดก็จะมีลักษณะใหญ่ แต่ถ้าใช้ในการดายหญ้าจะทำด้ามมีดให้ยาวเพื่อสะดวกในการฟันหญ้าหรือถ้าตัดไม้ก็จะทำตัวมีดใหญ่ขึ้น มีดของชนเผ่าม้ง ได้แก่ มีดด้ามยาว (เม้าจั๊ว) เคียวเกี่ยวข้าว  ขวาน (เต่า) เป็นต้น

ทุกวันนี้ พ่อเฒ่าไซตุ๊ ในวัย 70 กว่าปี ยังคงตีมีดอยู่ตามสภาพกำลังเริ่มถดถอย เมื่อมีชาวบ้านทั้งพี่น้องชนเผ่าและคนพื้นราบเข้ามาว่าจ้าง  โดยพ่อเฒ่าตั้งราคาค่าตีมีดไว้ตามแต่ขนาดของมีด ในราคาไม่แพงนัก

“ถ้าเอามีดเก่ามาให้ตีใหม่ เฮาจะคิดเล่มละ 40-50 บาท แต่ถ้าจะสั่งทำมีดใหม่ ให้เฮาหาเหล็กแผ่นมาเผา มาตี ทำมีดให้ใหม่ ก็จะตกอยู่เล่มละ 300 - 700 บาท แล้วแต่ขนาดอีกทีหนึ่ง”

ในแต่ละปี พ่อเฒ่าไซตุ๊ จะทำการเลี้ยงผีให้กับโรงตีมีดนี้ ตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ

“เตาไฟตีมีดนี้มีผีด้วยนะ เฮาต้องเลี้ยงผีด้วย พอถึงช่วงปีใหม่ เฮาจะฆ่าไก่ ทำพิธีเลี้ยงผีตรงนี้”

หากใครเดินทางมาเยือนชุมชนม้งบ้านแม่มะกู้ ก็จะเห็นพ่อเฒ่าไซตุ๊ ง่วนสาละวนอยู่ในโรงตีมีดหน้ากระท่อมไม้ไผ่แบบนี้ เป่าไฟให้ร้อนจนเป็นสีแดง ใช้คีมเหล็กคีบแผ่นเหล็กซุกเตาถ่านร้อนๆ สักพัก ก็คีบแผ่นเหล็กออกมาตีตรงท่อนเหล็กขนาดใหญ่ที่ตั้งปักยึดเข้ากับตอไม้ เสียงตีเหล็กดังปั๊กๆ ผ่านความชำนาญและเจนจัดของพ่อเฒ่า เสร็จแล้ว ก็ใช้คีมเหล็กคีบแผ่นเหล็กนั้นไปซุกในเตาไฟอันร้อนแรงนั้นอีกครั้ง ลงมือทำแบบนี้ หลายครั้งหลายรอบ จนกระทั่ง จากแผ่นเหล็กกลายมาเป็นมีดเล่มสวย โค้งงอ แข็งแรง และคม สำหรับใช้งานได้เลย

หรือบางครั้ง เราจะเห็นพ่อเฒ่าไซตุ๊ เดินถือมีด สะพายดาบ ย่างเดินไปตามหมู่บ้านโน้นหมู่บ้านนี้ ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อเร่ขายมีดที่เกิดจากฝีมือและภูมิปัญญาของเขา เมื่อขายมีด มีรายได้แล้ว พ่อเฒ่าจะเดินวกกลับมานั่งตรงด้านกระท่อมไม้ไผ่ของเขา เงียบๆ ตามลำพัง

                       

ข้อมูลประกอบ

  • วิถีชนคนปิงโค้ง,วารสารเทศบาลตำบลปิงโค้ง,ฉบับที่ 2,ปีที่ 1 กันยายน-พฤศจิกายน 2556
  • ฐานข้อมูล เรื่อง ชนเผ่าม้ง อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร,กำแพงเพชรศึกษา, สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร, https://acc.kpru.ac.th
  • พิพิธภัณฑ์ชนเผ่าออนไลน์
  • ภู เชียงดาว,ม้งเชียงดาว คนเป่าเฆ่งและตีเหล็ก,นิตยสารสารคดี ฉบับมกราคม 2565

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net