Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ผมคิดว่าสาเหตุหนึ่งที่พรรคพลังประชารัฐล้มเหลวในการทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ จนต้องรีบไปลบภาพกราฟฟิกที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตก็คือรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีมาจากแคนดิเดตที่พรรรคการเมืองเสนอนั่นเอง แทนที่จะเป็นจารีตแบบเดิมนั่นคือหัวหน้าพรรคการเมืองที่ได้จำนวน ส.ส.มากที่สุดจะเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นต้นแบบมาจากอังกฤษ 

การที่รัฐธรรมนูญฉบับร่างโดยเนติบริกรที่รับใช้ คสช.กำหนดไว้เช่นนี้ ก็เพื่อให้ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่จำเป็นต้องมาลงเป็นนักการเมือง เพราะตัวประยุทธ์ไม่ชอบการเมืองแบบรัฐสภาและการเลือกตั้ง ด้วยอาชีพนักการเมืองนั้นต้องเดินไปไหว้ประชาชนเพื่อหาเสียงเหมือนเซลส์แมนซึ่งเป็นสิ่งที่ลุงแกรับไม่ได้ แกจะชอบเดินสายเพื่อให้มวลชนที่มาจากการจัดตั้งประจบประแจง อันเป็นการจำลองภาพของเจ้าขุนมูลนายในอดีต หรือไม่ก็เหมือนภาพของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เดินชมตลาดเท่านั้น นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็ช่วยไม่ให้สาธารณชนมองประยุทธ์ว่าเป็นนักการเมืองหรือนักเลือกตั้ง ภาพที่แกต้องการให้สาธารณชนเชื่อคือการเป็นนักปกครองที่ทำเพื่อประเทศชาติ 

ดังนั้นในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประยุทธ์จึงใช้พรรคพลังประชารัฐเป็นแค่พาหนะในการพาแกเป็นนายกรัฐมนตรีผ่านลิ่วล้อคือนักการเมือง และคนเหล่านี้ก็พร้อมจะถูกกำจัดออกไปถ้าไม่มีประโยชน์หรือขัดผลประโยชน์กัน และหนึ่งในนั้นก็อาจรวมถึงพลเอกประวิตรซึ่งลงมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยตัวเอง (ซึ่งอาจเป็นหอกข้างแคร่ พร้อมที่จะแทงแกเมื่อไรก็ได้) กลยุทธ์เช่นนี้มีวัตถุประสงค์คือเวลารัฐบาลทำงานล้มเหลว ก็มีข้ออ้างว่าเป็นเพราะการเมืองในรัฐสภา อย่างเช่นนักการเมืองและพรรคต่างๆ ทั้งปีกรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ไม่ใช่ตัวประยุทธ์ แต่ในปัจจุบันข้ออ้างดังกล่าวประสบความสำเร็จในบรรดาพวกอนุรักษ์นิยมและแฟนคลับของประยุทธ์เท่านั้น เพราะอย่างไรคนจำนวนมากก็ยังโยงว่าเป็นความล้มเหลวของตัวนายกรัฐมนตรีอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม เวลาประยุทธ์บริหารประเทศ แกไม่ได้รู้สึกกดดันเหมือนหัวหน้าพรรคการเมืองในประเทศประชาธิปไตยทั่วไป ที่ต้องพยายามทำให้ตามนโยบายที่หาเสียงให้ได้ นโยบายจำนวนมากนั้นจึงน่าจะมาจากระบบราชการและกลุ่มผลประโยชน์ที่ป้อนขึ้นมาให้แก โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับนโยบายพรรคที่แกแทบไม่ได้เกี่ยวข้องเสมอไป และวัตถุประสงค์คือความนิยมของตัวประยุทธ์มากกว่าพรรคการเมืองและสมาชิกในฐานะรัฐมนตรีซึ่งถูกแกยึดอำนาจหลายครั้งเช่นช่วงระบาดของโควิด-19
ทั้งที่ความจริงนโยบายพรรคเป็นสิ่งสำคัญในระบอบประชาธิปไตยและรัฐสภา นโยบายเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองสัญญาไว้กับประชาชน และประชาชนเลือกพรรคการเมืองนั้นเพราะนโยบายอันเหมือนการทำสัญญาประชาคมไว้

แต่หากการเมืองไทยเป็นเช่นนี้ เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป นโยบายของพรรคโดยเฉพาะของพรรคร่วมรัฐบาลจึงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะอย่างไรแล้ว ด้วยกติกาในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็เอื้อให้ประยุทธ์เป็นนายกฯ และจะบริหารงานอย่างไรก็ได้ หากแค่สามารถหาพรรคใหญ่ๆ ซึ่งอาจมีการตั้งเฉพาะกิจหรืออาจใช้พรรคพลังประชารัฐนั่นแหละ (ถ้าผลประโยชน์ลงตัว) ในการเสนอชื่อแกเป็นนายกรัฐมนตรี และบรรดาพรรคน้อยใหญ่ก็จะแห่สนับสนุนเพราะรู้ว่าประยุทธ์มี ส.ว. 250 คนและกลไกอำนาจของรัฐอยู่ในมือ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net