ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชน เคลื่อนไปหน้าทำเนียบรัฐบาลเรียกร้องครม. ยกเลิกการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ด้าน จนท.วางคอนเทนเนอร์-ลวดหนามกั้นขวาง
30 พ.ค.2565 หลังจากกลุ่มขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชนปักหลังชุมนุมเข้าสู่วันที่ 8 ที่หน้าองค์การสหประชาติ(UN) โดยกลุ่มฯ ใช้ชื่อบริเวณดังกล่าวว่า หมู่บ้านราษฎร์ธรรมนูญ เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... วันนี้ (30 พ.ค.) เวลาประมาณ 9.00 น. กลุ่มดังกล่าว ไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกเลิกการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่าก่อนถึงทำเนียบที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เจ้าหหน้าที่นำตู้คอนเทนเนอร์กีดขวางการจราจร ทำให้การสัญจรไปมาของประชาชนติดขัด และมีการระดมกำลังจากเจ้าหน้าที่หลายร้อยนายจอดรถเรียงรายเตรียมพร้อมรับมือขบวนผู้ชุมนุม
กลุ่มฯ ดังกล่าวออกคำประกาศสำหรับวันนี้ด้วยดังนี้
คำประกาศ ต้องยกเลิกการผลักดัน ‘ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ….’ โดยเด็ดขาด
คุณค่าและความหมายของการรวมกลุ่มไม่ควรเป็นกฎหมาย เพราะคุณค่าและความหมายที่แท้จริงของการรวมกลุ่ม คือ สังคม วัฒนธรรม อุดมคติและอุดมการณ์ ซึ่งเป็นคุณค่าและความหมายหลากหลายมิติในเจตจำนงของชีวิตมนุษย์ แต่รัฐบาลเผด็จการทหารของประยุทธ์พยายามใช้อำนาจโดยสร้างกฎหมายเพื่อควบคุม ทำลาย หรือจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการรวมกลุ่ม หรือพยายามลดทอนคุณค่าและความหมายของการรวมกลุ่มให้เป็นแค่กฎหมาย นี่จึงเป็นสิ่งที่เรา 'ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน' ยอมไม่ได้
การรวมกลุ่มในสังคมมนุษย์เต็มไปด้วยอุดมคติ อุดมการณ์ และความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม ซึ่งจะใช้อำนาจโดยการสร้างกฎหมายมาลดทอนคุณค่าและความหมายเหล่านี้มิได้
แม้แต่ตัวกฎหมายเองก็มีคำถามถึงความชอบธรรมในการใช้กฎหมายแบบเลือกปฏิบัติ หรือเอาตัวเองและพรรคพวกอยู่เหนือกฎหมายของเผด็จการประยุทธ์ ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐสภากึ่งเลือกตั้งที่เป็นผลพวงจากการใช้อำนาจรัฐประหารให้ได้มามีความชอบธรรมในการออกกฎหมายเพื่อบริหารกิจการบ้านเมืองหรือไม่
เป้าหมายเดียวของพวกเราคือจะต้องล้มร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... ให้จงได้ เรารู้ว่าเส้นทางนี้ยังทอดยาว นี่ไม่ใช่ยกแรกและไม่ใช่ยกสุดท้าย เรากำลังอยู่ในเส้นทางสู่ชัยชนะด้วยความหวัง ความฝัน ความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างเต็มเปี่ยม
เราขอให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่า วันนี้ไม่ว่าจะบรรลุตามข้อเรียกร้องให้เผด็จการประยุทธ์ยกเลิกการผลักดัน ‘ร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ….’ โดยเด็ดขาดหรือไม่ เราจะไม่ย่อท้อสิ้นหวังใด ๆ ทั้งสิ้น เราเชื่อมั่นว่าตลอดแปดวันที่เราได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ณ หมู่บ้านราษฎร์ธรรมนูญ เรากำลังอยู่บนเส้นทางสู่ชัยชนะ
เรากำลังปีนบันไดไปทีละขั้น ๆ เพื่อสู่หนทางแห่งชัยชนะในท้ายที่สุด
ถ้าวันนี้ไม่บรรลุผลทั้งหมดนั่นหมายความว่าหนทางสู่ชัยชนะยังต้องใช้เวลา และเราจะไม่ย่อท้อสิ้นหวังใด ๆ เพื่อเดินทางไปถึงจุดนั้นใช่ไหมพี่น้อง
ขอให้พี่น้องประสานมือประสานใจต่อกัน รำลึกถึงช่วงเวลาอันงดงามเหล่านี้ จดจำเอาไว้เป็นความภาคภูมิใจของชีวิต เรากำลังเขียนประวัติศาสตร์เพื่อบอกเล่าไล่เรียงเรื่องราวบนท้องถนนที่กำลังนำเราไปสู่เส้นทางแห่งชัยชนะด้วยการล้มร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ….’ ให้จงได้
หยุดมรดก คสช. หยุด พ.ร.บ. การรวมกลุ่ม
เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ
ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มของประชาชน
ณ หมู่บ้านราษฎร์ธรรมนูญ หน้าอาคาร UN ถนนราชดำเนินนอก
30 พฤษภาคม 2565
ประมวลสถานการณ์การเคลื่อนไหวจากเพจ 'No NPO Bill'
หลังจากกลุ่มขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชนปักหลังชุมนุมเข้าสู่วันที่ 8 ที่หน้าองค์การสหประชาติ(UN) วันนี้ช่วงสายกลุ่มดังกล่าวเคลื่อนขบวนมาทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกเลิกการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. .... โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจวางตู้คอนเทนเนอร์และลวดหนามกั้นขวางผู้ชุมนุมที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ก่อนถึงทำเนียบฯ
3 ข้อเรียกร้องต่อนายกฯ และ ครม. ประกอบด้วย 1. ยกเลิกมติ ครม.ที่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวโดยทันที ยุติดการเสนอกฎหมายควบคุมเสรีภาพทุกฉบับ 2. ทำ ข้อตกลงว่าจะไม่ผลักดันร่าง พ.ร.บ.นี้และกฎหมายควบคุมเสรีภาพทุกฉบับ เป็นล่ยลัะกษณะอักษร 3. และรับรองว่าจะไม่มีใครตกเป็นเป้าหมายถูกคุกคาม ใช้ความรุนแรง จับกุมคุมขังหรือตั้งข้อหาจากการชุมนุมแสดงออกโดยสันติ
สถานการณ์ช่วงบ่าย No NPO Bill รายงานอัพเดทสถานการณ์ดังนี้
เวลา 16.00 น. No NPO Bill รายงานว่า ยังไม่มีสัญญานใดตอบรับจากรัฐบาลไทย ขณะที่มีรายงานพบนักการเมืองจากหลายพรรคร่วมสังเกตการณ์ ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะใกล้เวลาที่จะมีการอำนวยความสะดวกและเปิดการจราจรในเย็นวันนี้
เวลา 13.40 น. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม หลังมีการยื่นหนังสือคัดค้านพ.ร.บ.การรวมกลุ่มไปเมื่อช่วงเช้า ซึ่งเป็นการมาเจรจาแบบไร้ความหมาย เมื่อผู้เเทนรัฐบาลบอกชัด “เอาไว้ค่อยมาเจรจากันใหม่พรุ่งนี้ได้ไหม เพราะรัฐมนตรีไม่ว่าง” -ขณะที่ผู้ชุมนุมขอให้ประสานนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาเจรจาภายในเวลา 15.00 น.
ต่อมาขบวนฯ ได้เปิดเวทีปราศรัย โดยเริ่มจากภาคี Save บางกลอยที่พูดถึงรายละเอียดในร่างพ.ร.บ.ควบคุมการรวมกลุ่มที่จะกระทบอย่างชัดเจน โดยระบุ “มนุษย์ทุกคนนั้นมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกมาตั้งแต่กำเนิด รวมไปถึงตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของรัฐ ไม่ปล่อยให้รัฐบาลตัดสินใจจัดสรรทรัพยากรที่เป็นของทุกคนโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของประชาชน”
ขณะที่ สุไลพร ชลวิลัย ตัวแทนกลุ่มคนทำทางได้ขึ้นมาปราศรัยต่อโดยระบุว่า “วันนี้ตนจะมาพูดใน 2 ประเด็นคือเรื่อง LGBT หรือความหลากหลายทางเพศ และเรื่องทำแท้งปลอดภัย ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน การที่เพศอะไรจะชอบกับเพศอะไรเป็นสิทธิมนุษยชนที่สากลรับรอง กลุ่มทำทางเป็นกลุ่มคนเล็ก ๆ เราทำเรื่องยิ่งใหญ่ คือเราให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับคนท้องไม่พร้อมเพื่อให้เขารู้สิทธิตัวเอง และมีทางเลือกที่รัฐไม่เคยให้ข้อมูล ในส่วนประเด็น LGBT นักการเมืองหลายพรรคก็บอกสนับสนุนประเด็นนี้ แต่ก็ยังไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของคนที่มีความหลากหลายทางเพศเลย กลุ่มคนทำทางของเราคือกลุ่มคนที่เผชิญปัญหาด้วยตัวเอ งถ้าเรามีรัฐที่มองเห็นปัญหากว่าเราฉลาดกว่าเรามากกว่านี้ เราก็จะไม่ต้องออกมาต่อสู้กับรัฐบาลที่ออกกฎหมายมาควบคุมการรวมกลุ่มของพวกเรา นี่เป็นเหตุผลที่เราจึงต้องออกมาสู้ร่วมกับทุกคน"
ขณะที่ วิภาศศิ ช้างทอง ตัวแทนประชาชน 5 ภาค ปราศรัยว่า “เราพยายามจะปกป้องทรัพยากร ทำไมเราจึงถูกจำกัดสิทธิผ่านร่างพ.ร.บ.การรวมกลุ่มนี้ด้วย เรื่องนี้เราจะไม่ยอม เราจะสู้ต่อไป ที่ผ่านมาเรามีสภาองค์กรชุมชน กลุ่มนี้ถูกทำร้ายทำลาย เราต้องสู้ เพื่อรักษาดิน น้ำป่าให้ลูกหลานเรา เราต้องให้ร่างพ.ร.บ.นี้ตกไปให้ได้”
ในท้ายที่สุด ณัฐปคัลภ์ ศรีคำภา จากเครือข่ายแก่งเสือเต้น ปราศรัย ให้ข้อมูลกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มเติมว่า
“วันนี้ผมซึ่งเป็นตัวแทนจากพี่น้องจังหวัดแพร่ ได้เดินทางมาหลายร้อยกิโล วันนี้มาร่วมกับขบวนฯเพื่อคัดค้าน ร่าง พรบ. ควบคุมการรวมกลุ่มของประชาชน ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อชุมชนและบ้านของผม ซึ่งภาครัฐจะทำสิ่งที่ไม่ควรทำ คือการจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งเป็นการลิดรอนสิทธิความเป็นมนุษย์ของพี่น้อง และลิดรอนสิทธิในการต่อสู้หรือคัดค้าน หากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน แม้การรวมกลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ก็จะผิดกฎหมาย ดังนั้น วันนี้ผมในฐานตัวแทนพี่น้องจังหวัดแพร่และตัวแทนของพี่น้องทั่วประเทศ จะมาช่วยกันคัดค้านไม่ให้ ร่าง พรบ.ฉบับนี้ผ่าน หากร่าง พรบ .ผ่าน เราจะไม่สามารถมานั่งรวมกลุ่มกันอย่างนี้ได้”
12.05 น.ขบวนฯ ร่วมกันขยับรั้วกั้นออกพร้อมตั้งเวทีปราศรัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดตู้คอนเทนเนอร์ทึบเสริมสูง 2 ชั้น กั้นเต็มพื้นที่ของถนน โดยไม่เหลือที่ว่าง และไม่ทิ้งกำลังตำรวจยืนอยู่แม้แต่รายเดียว
“เป็นเวลานานมากแล้ว แต่ตัวแทนรัฐบาลยังไม่ลงมาเจรจากับเรา เพราะรัฐบาลไม่แยแส ไม่ใส่ใจประชาชนที่มาปักหลักกันเป็นเวลา 8 วันแล้ว เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้รับคำตอบจากรัฐบาล และขอทุกท่านอย่าได้ตื่นตระหนกจากการยั่วยุหรือเสียงที่เกิดขึ้นจากอีกฝั่งของตู้คอนเทนเนอร์ หากมีการสลายการชุมนุมเกิดขึ้น เราจะไม่ตอบโต้ใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนั่งลงไปคล้องแขนกันอยู่ตรงนี้ นี่คือสิ่งที่เราจะทำ ไม่มีวิธีการรับมืออื่นใดทั้งสิ้น” เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ตัวแทนขบวนได้ขึ้นปราศรัย
10.30 น. ทีมการ์ดของขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันนำรั้วลวดหนามที่กีดขวางออกแล้ว แต่ตู้คอนเทนเนอร์ยังตั้งตระหง่าน พร้อมแนวตำรวจหลายนาย ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมช่วยกันกางผ้าใบบังแดดให้กันและกัน ภาพรวมบรรยากาศยังคงปกติ แต่ยังต้องติดตามจับตาอย่างใกล้ชิด
10.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบเต็มยศ พ.ต.อ. สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.นางเลิ้ง ยืนยักแย่ยักยันหลังรั้วลวดหนาม ใต้เงาตู้คอนเทนเนอร์ ตะโกนข้ามมาเจรจากับแกนนำขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชน ขณะที่ประชาชนยืนสนทนากลางแดด เบื้องต้นตำรวจแจ้งว่า
“ผมอาจจะเอารั้วลวดหนามออกให้ได้ แต่ผมไม่มีอำนาจ รับมาแค่ให้มาเจรจา” พร้อมประวิงเวลาโอ้โอมผู้ชุมนุม ขอให้ถอยออกไปก่อน ด้านแกนนำยืนยันชัดรั้วลวดหนามแหลมคม เป็นอันตรายต้องเอาออก
คล้อยหลังราว 3 นาที เจ้าหน้าที่กลับคำ “จะนำรั้วลวดหนามออกให้”
9.50 น. ขบวนฯ แปรขบวนแถวเป็นหน้ากระดาน เพราะต้องเจอกับตู้คอนเทนเนอร์และลวดหีบเพลงหลายชั้น พร้อมร่วมกันคล้องแขนแน่น เผื่อเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน ...แกนนำประกาศเปลี่ยนเส้นทางโดย หัวแถวกำลังตั้งหลักที่หน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม พร้อมขออภัยครู นักเรียน และแจ้งเจ้าหน้าที่ขอให้นำรั้วลวดหนามออก
“ขออภัยทั้งคุณครู นักเรียน และประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการสัญจรไปมา เพราะวันนี้ประชาชนจำเป็นต้องออกมาคัดค้านร่างพรบ.นี้ และรัฐหมดความสามารถในการบริหารประเทศ มีความพยายามจะออกกฎหมายมาควบคุมประชาชน รัฐไม่เคยสนใจแก้ปัญหาใด ๆ ในประเทศเลย เอาแต่ใช้กำลัง ใช้รถถัง ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ในการแก้ปัญหา ไม่มีประเทศไหนใช้ลวดหนามมาคุยกับประชาชน วันนี้อย่างน้อย ครม.ต้องยุติร่างกฎหมายนี้ตามความต้องการของประชาชน
อย่างไรก็ตามขอความกรุณาเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่ามาใช้ไมค์ประกาศว่า ผู้ชุมนุมกำลังทำผิดกฎหมาย และตู้คอนเทนเนอร์เอย ลวดหนามเอย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการทำงานของท่าน วันนี้ตัวแทนจากเครือข่ายทั่วประเทศกำลังจะเดินทางมาร่วมปักหลักที่นี่เพื่อคัดค้านร่วมกัน เบื้องต้นขอให้ตำรวจนำรั้วลวดหนามและแผงเหล็กกั้นออกเพื่อการพูดคุยอย่างสันติ”
9.09 น. ขบวนฯ ตั้งขบวนเต็มพื้นที่ ภรณ์ทิพย์ สยมชัย ตัวแทนขบวนอ่านคำประกาศ"ต้องยกเลิกการผลักดัน ‘ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยเด็ดขาด ก่อนเคลื่อนขบวนสู่ทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางกาารปิดล้อมโดยเจ้าหน้าที่และตู้คอนเทนเนอร์
8.00 น. วันนี้ สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังที่ชุมนุมหน้าตึกทำการองค์การสหประชาชาติเพื่อรับข้อเรียกร้องจากตัวแทนขบวนการต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่ม ก่อนเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล
โดย สมบูรณ์ คำเเหง ตัวแทนขบวนฯ กล่าวย้ำหลังจากยื่นหนังสือเสร็จว่า "ขอให้ผู้แทนที่มารับมอบหนังสือนำข้อเรียกร้องของเราไปบรรจุในวาระการประชุมของคณะรัฐมนตรี ไม่ว่าจะวาระจรหรือวาระประจำ เพราะเรายืนยันว่าหลักการของร่างกฎหมายฉบับนี้ผิดเพี้ยน ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายมิชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งร่างกฎหมายนี้นั้นขัดต่อหลักการสากลระหว่างประเทศหลายฉบับ
รวมทั้งกระบวนการรับฟังความคิดเห็นโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่มีหลายวาระซ่อนเร้นไปด้วยความไม่ตรงไปตรงมา ทั้งความคิดเห็นออนไลน์และ on site หากไม่มีการบรรจุวาระของเราเข้าประชุมครม.เราจะปักหลักชุมนุมกันต่อ"
โดยผู้เเทนรัฐบาลกล่าวหลังจากรับมอบอย่างรวดเร็วและรีบออกจากพื้นที่ไปในเวลาไม่ถึง 7 นาทีว่า "ผมจะนำเรื่องนี้ไปเสนอครม. และขอให้ทุกท่านรอคำตอบอยู่ที่นี่อย่าเพิ่งเคลื่อนขบวนกันเลยนะ..."
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)