Skip to main content
sharethis

ต้นสังกัดของ 'ลูกหนัง ศีตลา วงษ์กระจ่าง' ออกแถลงการณ์ยืนยันให้เดบิวต์ร่วมวง พร้อมระบุว่า "การกระทำในอดีตของบิดาอยู่นอกเหนือการรับผิดชอบของเธอ" ด้านผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียดันแฮชแท็ก #แบนSITALA และ #BANH1KEY ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย

8 ธ.ค. 2564 วันนี้ (8 ธ.ค. 2564) เวลา 08.00 น. ตามเวลาไทย Grandline Group ต้นสังกัดของศิลปินเกาหลีวง H1-KEY ออกแถลงการณ์ผ่านทวิตเตอร์กรณีการเดบิวต์ของศีตลา วงษ์กระจ่าง หรือลูกหนัง หนึ่งในสมาชิกของวงซึ่งเป็นบุตรของศรัณยู วงษ์กระจ่าง นักแสดงและแกนนำพันธมิตร ที่ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง จนนำมาสู่การรัฐประหารใน พ.ศ.2549 โดยต้นสังกัดของศีตลายืนยันจะให้ศีตลาเปิดตัวและทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกอีก 3 คนของวง H1-KEY ต่อไป และระบุว่าการกระทำในอดีตของบิดาไม่เกี่ยวข้องกับบุตร

 

 

แถลงการณ์ของ Grandline Entertainment

สวัสดี นี่คือ GLG (Grandline Group) บริษัทต้นสังกัดของ H1-KEY

GLG ต้องการแสดงความขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อทุกคนที่ได้รับความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะพบเจอความสงบสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เราระมัดระวังเป็นอย่างมากในการแสดงท่าทีต่อประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นการต่อต้านศีตลา หนึ่งในสมาชิกวง H1-KEY และบิดาของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเราต้องพิจารณาภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ และบริบททางสังคมของประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจประเด็นต่างๆ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

จากช่วงเวลาที่เรารับรู้ถึงความเป็นห่วงและความกังวลของประชาชนไทย เราจึงได้ทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นในกรณีของศีตลาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งรวมถึงการกระทำในอดีตของบิดาของเธอ ตลอดจนการถูกเลี้ยงดูขณะที่ยังเป็นผู้เยาว์ จนกระทั่งเธอเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ โดยบริษัทมีข้อสรุปว่าเราไม่อาจปล่อยให้ศีตลาต้องรับผิดชอบในการกระทำและการตัดสินใจต่างๆ ในอดีตของผู้เป็นบิดา ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านั้นอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของเธอ

ด้วยเหตุนี้ เราจึงตัดสินใจไม่เปลี่ยนแปลงสมาชิกของวง และเราต้องการเน้นย้ำว่าการตัดสินใจของศีตลาที่ระบุว่าบิดาของเธอคือต้นแบบการใช้ชีวิต (Role Model) นั้นหมายถึงเป็นต้นแบบในบทบาทของบิดาผู้เลี้ยงดูครอบครัว นักแสดง และผู้กำกับ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับมุมมองและการแสดงออกทางการเมือง

ในขณะนี้ ศีตลากำลังไตร่ตรองความคิด เพราะเธอรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดจากข้อกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเสียงที่ดังมาจากประเทศบ้านเกิดของเธอ สิ่งนี้ทำให้บริษัทได้เรียนรู้และทำความเข้าใจความเป็นของประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น

ศีตลาที่เรารู้จักเป็นคนที่สุภาพและตั้งใจทำงานเป้นอย่างมาก เธอมีความภาคภูมิใจในประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ ทั้งยังรักและเห็นคุณค่าของวัฒนธรรม รากเหง้า และประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง เธอพูดเสมอว่าหนึ่งในเป้าหมายและความฝันของเธอคือการนำเกียรติภูมิและมอบคืนความอบอุ่นให้แก่ประเทศ ตามที่เธอเคยได้รับจากคนไทย ศีตลาตั้งใจทำงานมาตลอดในที่ต่างบ้านต่างเมืองเพื่อเติมเต็มความฝันนี้ เราจึงขอให้ทุกคนส่งเสียงเชียร์และสนับสนุนศีตลา และปฏิบัติต่อเธอด้วยความอบอุ่นและใจดี เพื่อให้เธอมีโอกาสได้ตอบแทนความรักและการสนับสนุนต่อประเทศไทยอย่างเต็มความสามารถ

บริษัท GLG ต้องการใช้เวลานี้เพื่อสัญญาและให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดต่อความรักและความกังวลของแฟนคลับทั้งในเกาหลีใต้และต่างประเทศ และเราขอให้ประเทศไทยพบเจอความสงบสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดีอีกครั้ง

ขอแสดงความนับถือ

GLG (Grandline Group)

อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชาวไทยบางส่วนได้ตอบกลับทวีตแถลงการณ์ของต้นสังกัด วง H1-KEY โดยระบุในทำนองเดียวกันว่าศีตลาก็เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนเผด็จการและการรัฐประหาร โดยเธอได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองร่วมกับกลุ่ม กปปส. เมื่อปี 2556-2557 เพื่อขับไล่รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งชนะการเลือกตั้งในปี 2554 และการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในครั้งนั้นนำมาสู่การรัฐประหารในวันที่ 22 พ.ค. 2557 โดย คสช. ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า พร้อมโพสต์รูปเก่าจากโซเชียลมีเดียของศีตลาที่ปิดไปแล้ว เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าศีตลาก็เป็นผู้สนับสนุนกลุ่มเผด็จการและเรียกร้องการรัฐประหารเช่นเดียวกับบิดาของเธอ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานทวิตเตอร์จำนวนไม่น้อยระบุว่าจะไม่สนับสนุนศีตลาและศิลปินวง H1-KEY รวมถึงไม่สนับสนุนต้นสังกัดด้วย จนเกิดแฮชแท็ก #BANH1KEY และ #แบนSITALA และ #BANSITALA

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา บัญชีทวิตเตอร์ทางการของวง H1-KEY (@H1KEY_official) ทวีตข้อความพร้อมรูปเพื่อเปิดตัวสมาชิกคนสุดท้ายของวง หลังจากที่เปิดตัวสมาชิกคนอื่นๆ ไปแล้วในวันก่อนหน้า เมื่อผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชาวไทยพบข้อมูลดังกล่าวก็นำไปแชร์ต่อพร้อมระบุว่าศีตลาคือบุตรของศรัณยู และหัทยา วงษ์กระจ่าง นักแสดงและแกนนำพันธมิตร ทำให้เกิดกระแสโต้แย้งและข้อถกเถียงตามมาในสื่อสังคมออนไลน์เป็นวงกว้าง ตามมาด้วยแฮชแท็ก #แบนลูกหนัง ซึ่งมียอดทวีตสูงกว่า 2 ล้านครั้งภายในเวลา 2 วัน

 

 

หลังจากนั้น สำนักข่าวบันเทิงเกาหลีใต้หลายสำนัก เช่น Top Star NewsDispatch, The Korea Times และ YTN ก็เริ่มนำเสนอปรากฎการณ์กระแสต่อต้านศีตลา ซึ่งมีที่มาจากเรื่องราวในอดีตของบิดาของเธอ พร้อมนำเสนอข่าวย้อนไปถึงเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อปี 2549 ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ และเรียกร้องให้เกิดการทำรัฐประหาร ไม่เพียงแค่สำนักข่าวออนไลน์ของเกาหลีใต้เท่านั้น แต่สื่อกระแสหลักของเกาหลีใต้อย่าง KBS ก็นำเสนอข่าวการเปิดตัวเป็นศิลปินเคป็อปของศีตลา และเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรในปี 2549 จนถึงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในปี 2557 พร้อมนำรูปของศีตลาและครอบครัวที่เข้าร่วมการชุมนุมมาเผยแพร่ อีกด้วย ในขณะที่รายการข่าวของสถานีโทรทัศน์ SBS ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสถานีโทรทัศน์สาธารณะของเกาหลีใต้ได้รายงานข่าวกรณีการเดบิวต์ของศีตลา และเหตุการณ์การเมืองไทยตั้งแต่ปี 2549-2557 ด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ สื่อเกาหลีใต้หลายสำนักเรียกศีตลาว่าเป็น 'ลูกสาวของผู้สนับสนุนเผด็จการ'

ทั้งนี้ การนำเสนอข่าวของสำนักข่าว Dispatch ในครั้งแรกนั้น ไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อและใบหน้าของศีตลา แต่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (8 ธ.ค. 2564) สำนักข่าว Dispatch ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักข่าวบันเทิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาหลีใต้ได้นำเสนอข่าวแถลงการณ์ของ GLG Group ซึ่งเป็นต้นสังกัดของศีตลา พร้อมเปิดเผยชื่อและใบหน้าของเธอ

นอกจากสำนักข่าวในไทยและเกาหลีใต้ที่นำเสนอเรื่องนี้แล้ว NME (New Musical Express) นิตยสารชื่อดังด้านวงการเพลงและดนตรีของสหราชอาณาจักรยังได้เผยแพร่ข่าวการเดบิวต์ของศีตลา รวมถึงประเด็นข้อถกเถียงในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับบิดาและความเห็นทางการเมืองของเธออีกด้วย

GLG Group เป็นค่ายเพลงฮิปฮอปขนาดเล็ก ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ.2553 มีศิลปินในสังกัด 10 รายชื่อ โดยหนึ่งในนั้นคือ Stella Jang ศิลปินเดี่ยวหญิง และ Geeks วงดูโอ้ฮิปฮอป ทั้งนี้ กำหนดการเปิดตัวของวง H1-KEY ซึ่งมีศีตลาเป็นหนึ่งในสมาชิกจะมีขึ้นในวันที่ 5 ม.ค. 2565

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net