'ก้าวไกล' ระบุ ของบราวกับจะบินทั้งวันทั้งคืน! สำนักนายกฯตั้งงบ "ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง" สูงเกินไป โดยงบดังกล่าวในปี 65 ทั้งสิ้นราว 1,557 ล้านบาท เฉพาะรายการนี้รายการเดียวก็เกิน 1 ใน 3 ของงบสำนักนายกฯทั้งหมด ชี้ 3 ไตรมาส พบว่ามีการเบิกจ่ายไปแล้วเพียง 470 ล้านบาท หรือเพียงแค่ 24% เท่านั้น

18 ส.ค. 2564 วันนี้ในการพิจารณางบประมาณวาระ 2-3 ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ได้อภิปรายตั้งคำถามถึงการจัดสรรงบประมาณที่สิ้นเปลืองของสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนของ "ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง"

ทั้งนี้ก่อนเริ่มการอภิปรายไม่นาน ทางสภาผู้แทนราษฎรโดยศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่อนุญาตให้ฉายสไลด์ประกอบเนื้อหาโดยอ้างว่า "กล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงขัดข้อบังคับการประชุมสภา

ณธีภัสร์กล่าวว่าสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับงบประมาณถึง 4,001 ล้านบาท แต่เป็นการตั้งค่าใช้จ่ายมากเกินจริง สามารถปรับลดลงได้อีกโดยไม่กระทบกับการทำงานเป็นจำนวนอย่างน้อย 400 ล้านบาท จาก "ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง"

"ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ที่มีงบประมาณในปี 65 ทั้งสิ้นราว 1,557 ล้านบาท เฉพาะรายการนี้รายการเดียวก็เกิน 1 ใน 3 ของงบประมาณทั้งหมด"

หากพิจารณาการเบิกจ่าย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งก็ผ่านมาแล้วกว่า 3 ไตรมาส พบว่ามีการเบิกจ่ายไปแล้วเพียง 470 ล้านบาท หรือเพียงแค่ 24% เท่านั้น

จึงเกิดคำถามว่า งบประมาณรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งจะสามารถใช้ได้เต็มจำนวน จริงหรือไม่?

และเมื่อสอบถามเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณรายการนี้ ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็ได้ชี้แจงว่า ผลเบิกจ่าย 470 กว่าล้านบาท เป็นการเบิกจริง ณ วันที่ 30 มิถุนายน และได้มีการผูกพันสัญญาไปแล้วอีก 400 กว่าล้านบาท หากเราคำนวณอย่างตรงไปตรงมา โดยอ้างอิงการใช้จ่ายในรายการนี้ตามเอกสารงบประมาณ รวมกับค่าใช้จ่ายในไตรมาสสุดท้ายโดยประมาณ ก็จะพบว่า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง ก็จะอยู่ที่ราว 1,027 ล้านบาท เท่านั้นเอง

"ดังนั้นงบประมาณปี 65 ที่ขอมาจำนวน 1,557 ล้านบาท เงินจำนวนนี้ มันไม่สูงไปเหรอครับ" นี่เป็นคำถามที่ณธีร์ภัสร์ถามถึงความเหาะสมในการตั้งงบประมาณ

นอกจากการของบมากเกินความจำเป็นแล้ว รายละเอียดแนบมาในภาคผนวกเพียงแค่หน้าเดียวและมีเพียงบรรทัดเดียวเท่านั้น

"เงินที่เหลืออยู่นี้ หากนำไปใช้อย่างถูกที่ถูกทาง ก็จะช่วยก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าการเอาไปกองไว้เฉยๆครับ ยกตัวอย่างเช่น สถานการณ์โควิดทำให้ผู้ที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการบินไม่สามารถดำเนินกิจการได้เนื่องจากนโยบายของรัฐ ทำให้นักบินและลูกเรือประมาณ 15,000 คนได้รับผลกระทบอย่างหนัก" ณธีภัสร์กล่าวทิ้งท้าย

โดยก่อนเริ่มการอภิปรายไม่นาน ทางสภาผู้แทนราษฎรโดยศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่อนุญาตให้ฉายสไลด์เนื้อหาดังกล่าวโดยอ้างว่า "กล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงขัดข้อบังคับการประชุมสภา"