Skip to main content
sharethis

'ก้าวไกล' พร้อมจัดหนักกลางสภา 'พิจารณ์' ย้ำจุดยืน  3 พ.ร.ก.-1 พ.ร.บ. งบประมาณ ที่ใช้เงินภาษีประชาชน 3.6 ล้านล้าน "เราไม่ไว้ใจประยุทธ์ให้บริหารงบประมาณประเทศอีกต่อไป" 

26 พ.ค.64 พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นภายหลังการประชุม ส.ส. พรรคก้าวไกลว่า ตลอด 4 เดือนที่ปิดสมัยประชุมสภา พวกเราเห็นแล้วว่าการบริหารของรัฐบาลล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19, การจัดหาและกระจายวัคซีน, การฟื้นฟูเศรษฐกิจ, และการช่วยเหลือเยียวยาชีวิตคน พรรคก้าวไกลจึงตั้งหน้าตั้งตารอการเปิดประชุมสภาในครั้งนี้ เพื่อสะท้อนปัญหา และติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเพื่อให้งบประมาณของประเทศ เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ พิจารณ์ ยังชวนให้จับตาดูการเปิดสภาช่วง 7 วันแรกหลัง ที่จะมีการพิจารณากฎหมายสำคัญ ได้แก่ พ.ร.ก. 3 ฉบับ และ พ.ร.บ. งบประมาณ 1 ฉบับ ซึ่งประกอบไปด้วย

พ.ร.ก. แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เรื่อง ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องดีที่มีการแก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมสำหรับลูกหนี้เสียทีหลังจากที่กฎหมายฉบับนี้บังคับใช้มาแล้วกว่า 95 ปี แต่การแก้กฎหมายฉบับนี้ฉบับเดียวไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือประชาชนที่มีภาระหนี้สินในช่วงโควิด พรรคก้าวไกลจะใช้โอกาสในการพิจารณากฎหมายนี้สะท้อนเสียงความเดือดร้อนของลูกหนี้และนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่ควรจะเป็น

"กฎหมายอีกฉบับที่เราพยายามเสนอแนะมาตลอดคือ พ.ร.ก. ให้สินเชื่อช่วยเหลือ SMEs หรือ พ.ร.ก. Softloan 1 ปี หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้อภิปรายและมีข้อเสนอแนะต่อ พ.ร.ก. Softloan  ในที่สุดรัฐบาลก็แก้กฎหมายตามที่พรรคก้าวไกลแนะนำ แต่เราคิดว่าการแก้กฎหมายครั้งนี้ยังไม่เพียงพอ เพราะถึงแม้จะมีการแก้ไขหลักเกณฑ์บางอย่าง แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้สินเชื่อไปสู่ SMEs ตัวเล็กตัวน้อยที่ได้รับความยากลำบากจริงๆ โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม และภาคอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ดี เราจะใช้โอกาสพิจารณา พ.ร.ก. นี้สะท้อนเสียงความเดือดร้อนของ SMEs ทั่วประเทศ"

"ร่างกฎหมายอีกฉบับที่สังคมกำลังสนใจมากคือ พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท แน่นอนว่าเราไม่ได้คัดค้านการกู้เงินในสถานการณ์วิกฤต แต่ผลของเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เราเห็นแล้วว่าการกู้เงินมาให้รัฐบาลประยุทธ์บริหาร ไม่ได้อะไรนอกจากภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านบาทอนุมัติไปแล้วเกือบเต็มวงเงิน แต่ก็ยังไม่เห็นผลสัมฤทธิ์จากการสร้างหนี้ของรัฐบาล"

"ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข ที่ถึงเราจะกู้เงินไปแล้ว แต่ก็ยังไม่พร้อมรับมือกับโรคระบาด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแพทย์หรือวัคซีน ในด้านการเยียวยาเราก็เห็นแต่มาตรการช่วยประชาชนระยะสั้น ไม่เห็นการพยุงการจ้างงานในระยะยาว และเราไม่เห็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการหลายภาคส่วนที่ได้รับความเดือดร้อน

"เรากำลังจะเห็นสิ่งที่เคยทำมาใน พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้าน อีกครั้งในการกู้เงินครั้งใหม่ 5 แสนล้าน คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทำแบบเดิมๆ แล้วจะคาดหวังให้ไม่ล้มเหลวในแบบเดิม"

สำหรับ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 65 พิจารณ์ ระบุว่า เป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดที่ต้องจับตามองในการเปิดประชุมสภา ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีถูกลดลง แน่นอนว่ารายจ่ายแต่ละกระทรวงจะต้องถูกลดไปตามสัดส่วน แต่ภายใต้งบประมาณที่ลดลง เรายังเห็นการจัดสรรงบที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญ

"งบประมาณด้านสวัสดิการถูกปรับลดลงอย่างน่าเป็นห่วงในขณะที่การจัดซื้ออาวุธยังเพิ่มขึ้น เราเห็นการจัดซื้อยุทโธปกรณ์โครงการใหม่ที่สร้างงบผูกพันข้ามปีรวมทั้งสิ้น 9,500 ล้านบาท ที่ผูกพันไป 3 ปี การซื้อยุทธโธปกรณ์แบบปีเดียวที่กองทัพเรือมีการจัดซื้อเพิ่มถึง 2.6 เท่า เป็นต้น เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลเราจะติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนรอติดตาม"

"ผมอยากฝากไปถึงส่วนราชการที่มีหน้าที่จัดสรรสวัสดิการให้กับประชาชน และอปท. ต่างๆ ที่ถูกปรับลดงบประมาณอย่างไม่เป็นธรรม ทำการอุทธรณ์งบประมาณเข้ามาที่กรรมาธิการงบประมาณเข้ามามาก ๆ เพราะถ้า พ.ร.บ. ฉบับนี้ผ่านไปได้ ในชั้นกรรมาธิการพรรคก้าวไกลจะทำการตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็น เพื่อเติมงบประมาณให้กับพวกท่านที่มีหน้าที่นำงบประมาณไปดูแลชีวิตประชาชน" พิจารณ์ กล่าวทิ้งท้าย

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net