Skip to main content
sharethis

'จิรภพ รอง ผบช.ก.' ชี้ 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' เพียงทำทีเป็นจิตอาสาทำความดีเพื่อสร้างเครดิต จึงไม่เข้าข่าย ม.112  ด้าน ผบ.ตร.ลั่นใครผิด ดำเนินคดี ปล่อยไม่ได้ ขณะที่ 'ก้าวไกล' ยื่นหนังสือชง กมธ. เชิญหน่วยงานร่วมติดตามเงินที่ถูกฉ้อโกงคืนเหยื่อ

20 พ.ค.2564 ความคืบหน้ากรณีการจับกุม โครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ”  ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยต่มาประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการ “คืนคุณแผ่นดิน” หัวหน้าเครือข่ายเข้ามอบตัว เมื่อวันที่ 17 พ.ค.นั้น และศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังโดยระบุว่าคดีร้ายแรงความเสียหายมีมูลค่ามาก ประกอบกับพนักงานสอบสวนกองปราบฯคัดค้านการประกันตัว มีเหตุอันควรเชื่อหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ให้ยกคำร้องขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว แล้วออกหมายขังส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

นั้นเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ. หนึ่งในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี กล่าวว่า สอบปากคำนายประสิทธิ์ยังคงยืนกรานปฏิเสธ ส่วนเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุน การชักชวนผู้เสียหายหรือการโอนย้ายทรัพย์สินต่างๆนั้น ยังไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน และยืนยันธุรกิจต่างๆ ของบริษัทในเครือยังสามารถดำเนินการต่อไปได้

'จิรภพ' ชี้ 'ประสิทธิ์' เพียงทำทีเป็นจิตอาสาทำความดีเพื่อสร้างเครดิต จึงไม่เข้าข่าย ม.112

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานชุดคลี่คลายคดี กล่าวถึงกรณีเพจโครงการคืนคุณแผ่นดิน โพสต์ภาพนายประสิทธิ์ หารือร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำกัด เมื่อวันที่ 4 ก.พ. โดยมีนายตำรวจระดับสูงให้การต้อนรับว่า ตรวจสอบบริษัทสหกรณ์ออมทรัพย์การค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน จำกัด ในเครือข่ายของนายประสิทธิ์พบยกเลิกและปิดตัวบริษัทไปก่อน เพราะดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ ยังไม่มีการดำเนินงานใดๆร่วมกับสหกรณ์ตำรวจ ภาพที่ปรากฏเป็นเพียงการหารือกันเท่านั้น

“ส่วนประเด็นนายประสิทธิ์กระทำการเข้าข่ายความผิดตาม ม.112 นั้น ตรวจสอบพบพฤติกรรมของนายประสิทธิ์ที่ทำทีเป็นจิตอาสาทำความดีเพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเอง ยังไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ไม่ได้เป็นการระดมทุน ขอให้แยกแยะเรื่องการทำความดีกับการกระทำผิดไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายว่ายักย้ายถ่ายเทไปที่ใด ถึงญาติหรือคนใกล้ชิดบ้างหรือไม่นั้น ยอมรับยากพอสมควร แต่ตำรวจจะทำงานอย่างละเอียดและเต็มที่แน่นอน” พล.ต.ต.จิรภพกล่าว

ต่อมาเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน (18 พ.ค.64)พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุมตัว กิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ ผู้ต้องหาคนสุดท้ายในคดีนี้ตามหมายจับศาลอาญา ขณะหนีไปกบดานอยู่ในซอยงามวงศ์วาน 51 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ บก.ป. เบื้องต้นทราบว่ากิตติศักดิ์ เป็นกรรมการบริษัท เหนือโลก จำกัด หนึ่งในเครือบริษัทเอ็มกรุ๊ป มีการเปิดบัญชีรับโอนเงินจากการซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนม ที่เป็น 1 ใน 5 รูปแบบการชักชวนให้มาลงทุนของเครือข่าย รวมทั้งยังเป็นผู้ลงนามเซ็นเอกสารทางธุรกรรมต่างๆของบริษัทในช่วงที่มีการหลอกลวงเหยื่อ ทั้งนี้ หลังสอบปากคำนานกว่า 5 ชม. เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ

'ก้าวไกล' ยื่นหนังสือชง กมธ. เชิญหน่วยงานร่วมติดตามเงินที่ถูกฉ้อโกงคืนเหยื่อ

วันนี้ (20 พ.ค.64) ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานวา เวลา 11.00 น. ที่พรรคก้าวไกล วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล นำกลุ่มผู้เดือดร้อนจากการฉ้อโกง และอดีตลูกจ้างของประสิทธิ์ เข้ายื่นข้อมูลร้องเรียนต่อศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ ของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ กมธ. ติดตามสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีต่อไป

วิโรจน์ เปิดเผยว่าตนได้ทำหนังสือถึงนางสาวศิริกัญญา ในฐานะประธาน กมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินการเชิญหน่วยงานของกองทัพและหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีนี้ เบื้องต้นทราบว่าเป็นกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. และอาจไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ด้วย เพื่อหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้กระบวนการอายัดทรัพย์สินเครือข่ายธุรกิจที่มีส่วนทำให้ประชาชนเสียหายให้มาอยู่ในกระบวนการชดใช้เยียวยาประชาชนให้มากและเร็วที่สุด

ณัฐพล พรหมเวช เปิดเผยว่าตนเป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้เสียหายมีมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเสียหายของเงินในกระเป๋า เงินในอดีต เงินในปัจจุบัน และเงินในอนาคตด้วย เพราะว่าเครือข่ายของคุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก มีการให้ผู้เสียหายต้องหยิบยืมกู้เงินจากธนาคารมาอีก มีการสอนว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะกู้ธนาคารได้ ใช้บัตรเครดิตอย่างไร แค่ละคนเป็นหนี้รวมราว 2-3 ล้านบาท ทั้งที่หลายท่านอยู่ในวัยเกษียณแล้ว หลายคนเอารถเอาบ้านไปจำนองกับไฟแนนซ์ เพราะดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่คุณประสิทธิ์สัญญาไว้ว่าจะให้ราวๆ 4-10% ต่อเดือน ทำให้ผู้หลงเชื่อเสียหายค่อนข้างมาก แต่ทั้งดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยจำนอง แต่ทั้งรายได้ในภาวะเศรษฐกิจช่วงโควิด ทำให้เขาค่อนข้างสิ้นหวัง เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ หน่วยงานหรือองค์กรใดที่สามารถนำเงินคืนให้ผู้เสียหายได้มากที่สุดเพื่อบรรเทาความเสียหาย ผมคิดว่าก็เป็นการดีต่อทุกคน

วิมุตพงษ์ จันทร์แก้ว หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่าเหตุผลที่ตนเชื่อมั่นใจตัวประสิทธิ์ เจียวก๊ก และร่วมลงทุนเพราะว่าเชื่อโดยสนิทใจจากการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ลงไปช่วยเหลือชุมชน และที่สำคัญคือเป็นจิตอาสา 904 ด้วย และผลตอบแทนที่ได้รับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็เป็นตัวการันตีว่าธุรกิจไปรอดแน่ๆ โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ยังได้รับผลตอบแทนดี เราจึงลงเงินไปโดยไม่ถามสักคำว่าเอาเงินเราไปทำอะไร เราไม่เคยคิดเลยว่าถ้าเขาจ่ายช้าสัก 1-2 วันเราจะทำอย่างไรนี่จึงเป็นเหตุผลที่ตอนแรกเราไม่กล้าดำเนินคดีกับเขาแม้เขาจะปฏิเสธการจ่ายมาแล้ว 3 ครั้งก็ตาม

“อยากฝากบอกถึงทุกคนที่ได้รับความเสียหาย ว่าอย่ากลัวเลยครับ เงินที่ทุกคนหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงอยู่ในนั้น ที่จะออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าคลิปก่อนหน้านี้ที่เขาพูดอะไรกับท่าน ข่มขู่หรืออะไรก็ตาม ต้องกล้าออกมายืนอยู่ข้างเรา ต้องกล้าออกมาปกป้องสิทธิ์ของท่านเอง ขอบคุณครับ”

ศิริกัญญาในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าคดีนี้ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก สิ่งกมธ.พัฒนาเศรษฐกิจจะทำได้ คือการเรียกหน่วยงานกองทัพและราชการที่เกี่ยวข้องที่อาจจะได้รับบริจาคจากคุณประสิทธิ์ เจียวก๊ก มาก่อน เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์และกันไว้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับผู้เสียหายได้
นอกจากตรงนี้แล้ว ทางผู้เสียหายได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ากระบวนการของคดีจะเป็นอย่างไรเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะได้รับการชดใช้ชดเชยอย่างไร

สุดท้าย เรายังสามารถให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) หรือว่าธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเข้ามาคุ้มครองตรงนี้ได้ เพราะว่าความเสียหายไม่ได้เกิดเฉพาะกับลูกค้าที่ถูกล่อลวงให้เกิดการลงทุน แต่ส่วนหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการ รวมถึงการตั้งสถาบันการเงินเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ด้วย ดังนั้นเราต้องมีอีกหน่วยงานที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือทางด้านกฎหมายด้วย เพราะผู้เสียหายคือประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือส่วนนี้ด้วย

ส่วนขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ ศิริกัญญาเปิดเผยว่าได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว และจะเตรียมบรรจุวาระประชุม เพื่อส่งหนังสือเรียกเชิญไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้ต่อไป ทั้งหน่วยงานที่รับบริจาคเงินจากเครือข่ายนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก และหน่วยงานที่รับผิดชอบในการติดตามเงิน รวมทั้งหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ประชาชนด้วย
ศิริกัญญาเปิดเผยเพิ่มว่าคดีนี้มีความแยบยลมากกว่าคดีแชร์ลูกโซ่ทั่วไป เพราะมีการสัญญาให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 5% ต่อเดือน ไม่ได้มีผลตอบแทนหวือหวาเหมือนกรณีแชร์ลูกโซ่อื่นๆ พร้อมทั้งมีโมเดลการบริหารจัดการเงินและธุรกิจ อย่างเช่นการบอกว่าจะนำเงินไปสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนที่ผู้ลงทุนเองก็จะได้รับซื้อสินค้าในราคาถูกกว่าราคาสินค้าตามท้องตลาดด้วย อย่างไรก็ตามแม้คดีนี้ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด คุณประสิทธิ์ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่นอกจาก ปปง. จะสั่งอายัดแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับบริจาคต่างๆ ก็สามารถอายัดเงินส่วนที่ได้ในทันทีก่อนที่จะถูกยักย้ายถ่ายเทจนไม่สามารถติดตามคืนให้ผู้เดือดร้อนได้ จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนตรงนี้ด้วย

ผบ.ตร.ลั่นใครผิด ดำเนินคดี ปล่อยไม่ได้

มติชนออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ ประสิทธิ์  พร้อมพวก 6 คน ข้อหาฉ้อโกงประชาชน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้มูลค่าความเสียหายพันกว่าล้าน ถ้ามีผู้เสียหายมาแจ้งเพิ่มพนักงานสอบสวนก็พร้อม เรื่องการดำเนินคดีขอยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่ได้มีใครเป็นพิเศษ ใครที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมยินดีรับฟังทุกคน แต่ถ้าใครผิดก็ต้องดำเนินคดีปล่อยไม่ได้

“ในคดีนี้มีการวิพากษณ์วิจารย์กันแพร่หลายในโลกโซเชียลนั้น เรียนว่าเรามีโลกที่วิ่งควบคู่กับโลกความเป็นจริงคือโลกโซเชียล มีการสืบสวนตัดสินกันในโลกโซเชียล บางทีข้างล่างยังไม่ได้ไปไหนโซเชียลตัดสินแล้ว โลกโซเชียลมีทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยก็ว่ากันไป เจ้าหน้าที่ยึดเอาหลักกฎกติกาความเห็นใครจะรักใครชอบใครไปห้ามกันไม่ได้” ผบ.ตร.กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net