เจนีน อันเยซ ผู้เคยดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีหลังการรัฐประหารในโบลิเวียเมื่อปี 62 ถูกจับกุมตัวและถูกตั้งข้อหา "ก่อการร้าย" "ยุยงปลุกปั้น" และ "สมคบคิดทำรัฐประหาร" เหตุช่วงหลังการรัฐประหารปราบปรามผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยความรุนแรง
คาร์ลอส เอ็ดดูอาร์โด เดล คาสติลโล รัฐมนตรีประจำรัฐบาลของโบลิเวียประกาศเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า เขาได้ทำการจับกุมตัวเจนีน อันเยซ อยู่ภายใต้การควบคุมของตำรวจ หลังจากที่มีหมายจับในข้อหา "ก่อการร้าย", ยุยงปลุกปั่น, และสมคบคิดก่อการรัฐประหาร ซึ่งพาดพิงถึงกรณีที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2562
ในวิกฤตการเมืองในช่วงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้ง จนกระทั่งมีการรัฐประหารโค่นล้ม อีโว โมราเลส ผู้นำพรรคสังคมนิยมโบลิเวีย (MAS) และมีการแต่งตั้งอันเยซขึ้นเป็นรักษาการประธานาธิบดีทั้งที่ไม่ได้มีการโหวตอนุมัติจากรัฐสภา นอกจากนี้ยังมีการใช้กำลังรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
วิกฤตการเมืองในโบลิเวียดำเนินต่อเนื่องมาจนกระทั่งมีการเลือกตั้งเมื่อเดือน ต.ค. 2563 ที่มีการตรวจสอบไม่ให้มีโกงการเลือกตั้งอย่างเข้มข้น หลังจากที่รัฐบาลรักษาการจากการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปถึง 2 ครั้ง โดยที่ ลูอิซ อาร์เก ผู้นำพรรค MAS คนใหม่ได้รับชัยชนะ ขณะที่อันเยซประกาศถอนตัวโดยมีผลโพลระบุว่าเธอมีคะแนนเป็นอันดับที่ 4
"ผมต้องการให้ข้อมูลกับประชาชนชาวโบลิเวียว่า เจนีน อันเยซ อยู่ภายใต้การควบคุมตัวแล้วและในตอนนี้อยู่ในมือของตำรวจ" คาสติลโลแถลงว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้คาสติลโลยังกล่าวชื่นชมตำรวจด้วยว่าทำงานได้ดีเยี่ยมและ "เป็นการปฏิบัติหน้าที่ให้ความยุติธรรมครั้งประวัติศาสตร์" ต่อชาวโบลิเวีย ขณะที่อันเยซกล่าวหาว่าเธอกำลังตกเป็นเหยื่อ "การปราบปรามทางการเมือง" และบอกอีกว่าเธอควรจะได้รับการละเว้นโทษในฐานะที่เป็นอดีตประธานาธิบดี
อันเยซถูกควบคุมตัวที่บ้านเกิดของเธอในเมืองตรินิแดด ก่อนที่จะถูกนำตัวไปที่เมืองหลวงกรุงลาปาซ เธอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อโทรทัศน์เมื่อถึงกรุงลาปาซว่า ข้อกล่าวหาที่เธอเผชิญนั้นเป็นเรื่องที่ "อุกอาจอย่างแท้จริง" อันเยซกล่าวว่า "ไม่มีความจริงแม้เพียงเศษเสี้ยวเดียวในข้อกล่าวหา มันเป็นแค่การคุกคามทางการเมือง มันไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น" และอ้างว่าเธอ "สืบทอดอำนาจอย่างเป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ"
นอกจากอันเยซแล้วอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและคนอื่นๆ ก็ถูกกล่าวหาในเรื่องการมีส่วนร่วมกับการรัฐประหารปี 2562 ด้วย
หลังจากที่มีการประกาศเรื่องจับกุมตัวอันเยซ อีโว โมราเลส อดีตประธานาธิบดีจากพรรค MAS ผู้เคยต้องหลบหนีออกจากประเทศในช่วงที่ถูกรัฐประหารประกาศว่า "ผู้สั่งการและผู้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับเผด็จการที่ทำลายเศรษฐกิจและโจมตีชีวิตและประชาธิปไตยในโบลิเวีย" ควรจะต้อง "ถูกสืบสวนสอบสวนและถูกลงโทษ"
วิกฤตการเมืองในโบลิเวียเมื่อปี 2562 นั้นเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งในเดือน ต.ค. 2562 มีการประท้วงอย่างต่อเนื่องของประชาชนเป็นเวลา 21 วัน หลังจากที่มีการกล่าวหาว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเกิดขึ้น จนกระทั่งในวันที่ 10 พ.ย. 2562 ต่อมาโมราเลสและนักการเมืองระดับท็อปรายอื่นๆ ก็พากันลาออกตามข้อเรียกร้องของกลุ่มตำรวจและทหาร แต่ก็มีบางคนบอกว่าพวกเขาลาออกเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว โดยที่โมราเลสขอลี้ภัยทางการเมืองไปประเทศเม็กซิโก
ในวันที่ 12 พ.ย. 2562 อันเยซที่กำลังดำรงตำแหน่ง ส.ว. ฝ่ายค้านก็เข้ามาดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีแทน ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และถกเถียงกันว่าเรื่องนี้ถือเป็นรัฐประหารหรือไม่ แต่ต่อมาก็มีการประท้วงต่อต้านการประทำของอันเยซและมีการปราบปรามผู้ชุมนุมเกิดขึ้นจนมีผู้เสียชีวิต และต่อมาในปี 2563 ฮิวแมนไรท์วอทช์ก็ออกรายงานระบุว่ารัฐบาลรักษาการของโบลิเวียนั้น "ใช้อำนาจกระบวนการยุติธรรมในทางที่ผิดโดยนำมาใช้ล่าแม่มดอดีตประธานาธิบดีอีโว โมราเลสและพรรคพวกของเขา ซึ่งเป็นการกระทำที่มีแรงจูงใจทางการเมือง"
เรียบเรียงจาก
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/2019_Bolivian_political_crisis