Skip to main content
sharethis

ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวโต๊ะกรรมการความมั่นคงไซเบอร์ ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิตามมติ ครม. นั่งกรรมการมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติ กำหนดทิศทางนโยบายระดับชาติ 

ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ที่มา:ข่าวทำเนียบรัฐบาล)

13 ม.ค. 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ที่ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (เดิม) ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ กมช. ในครั้งนี้ด้วย

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ พ.ร.บ. มั่นคงไซเบอร์แล้ว นิยามภัยกว้าง ค้นบ้าน-ยึดคอมได้

ตั้งข้อสังเกต 8 คำชี้แจง พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ ของรัฐบาลที่อ้างว่าไม่คุกคามสิทธิประชาชน

ตามมติคณะรัฐมนรี (ครม.) เมื่อ 11 ธ.ค. 2562 อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมช. จำนวน 7 คนเพื่อดำเนินงานตามรูปแบบคณะกรรมการ กมช. ขับเคลื่อนงานในการวางแผนนโยบายที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ. ไซเบอร์ ดังนี้

  1. ปริญญา หอมเอนก ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
  2. พล.ท.มโน นุชเกษม ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
  3. พันตำรวจเอก ญาณพล ยั่งยืน ด้านวิศวกรรมศาสตร์
  4. ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ด้านกฎหมาย
  5. วิเชฐ ตันติวนิช ด้านการเงิน
  6. บดินทร์ ทรัพย์สมบูรณ์ ด้านสาธารณสุข
  7. รศ.ปณิธาน วัฒนายากร ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ที่ประชุมรับทราบภาพรวมความคืบหน้าการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) หน่วยงานกลางที่ดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ แผนการดำเนินงานในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง และนโยบายและแผนระดับชาติภายใต้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 

อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ ระบุว่าวาระการประชุมที่สำคัญวันนี้มีการพิจารณาหลักเกณฑ์การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) และคณะกรรมการบริหารสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กบส.) และได้เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ของคณะกรรมการทั้งสองคณะดังกล่าวด้วย

ประวิตรยังกล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้เป็นการผลักดันความคืบหน้าในการขับเคลื่อนกลไกการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศใน 4 เรื่องสำคัญด้วยกัน คือ 1.การกำหนดทิศทางนโยบายและแผนไซเบอร์ซิเคียวริตี้ระดับชาติ เพื่อให้เกิดการปกป้อง รับมือ ป้องกันและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และเกิดความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน 2. ให้สำนักงานเร่งการดำเนินงานในภารกิจสำคัญตามที่ พ.ร.บ. กำหนด 3. แนวทางในการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และ 4. การดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดผลดีต่อการเตรียมการประเมินอันดับและยกระดับความพร้อมของไทยด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ในเวทีสากลต่อไป พร้อมทั้งขอให้คณะกรรมการฯ ร่วมกันกำกับติดตามและผลักดันการดำเนินงาน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยขอฝากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และเลขาธิการช่วยกำกับการพัฒนาด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของประเทศ ให้เป็นไปตามทิศทางที่คณะกรรมการชุดนี้ได้กำหนดไว้ต่อไป”

นอกจากนั้น ที่ประชุมยังพิจารณามอบหมายให้ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย หรือ ThaiCERT ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ทำหน้าที่ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ตาม พ.ร.บ. ไปพลางก่อน ระหว่างการจัดตั้งสำนักงานยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง หากเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ ThaiCERT จะทำหน้าที่ตอบสนองและจัดการกับเหตุการณ์ โดยให้คำแนะนำและสนับสนุนในการแก้ไขภัยคุกคามไซเบอร์ให้ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศได้อย่างทันท่วงที

อนึ่ง คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) มีหน้าที่คร่าวๆ คือการเสนอนโยบาย แผนปฏิบัติการ มาตรฐาน แนวทางและการบริหารจัดการเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 7 คน

ที่มา: ข่าวทำเนียบรัฐบาล

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net