Skip to main content
sharethis

พล.อ.ประยุทธ์ แจงไม่ได้เลิกรถตู้ เข้มไม่มีคุณภาพห้ามออกมาวิ่ง ยันใช้มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดธรรมกาย เพื่อรักษาพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ทำงานรวดเร็วขึ้น แต่ยันไม่ใช้ ม.44 แก้ปัญหาหุ้นชินคอร์ป ระบุกรมสรรพากรต้องดำเนินการเรียกเก็บภาษีให้ทันก่อนวันที่ 31 มี.ค.นี้

ที่มาภาพ เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา รายงานข่าวระบุว่า เวลา 15.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีการใช้อำนาจมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดธรรมกาย หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยุติการค้นภายในวัด เเละถอดกำลังออกมาเเล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารยังคงตรึงกำลังภายนอกวัดเช่นเดิมว่า การใช้มาตรา 44 สำหรับเรื่องนี้ เป็นเเค่การเขียนให้ครอบคลุม เพื่อให้ดำเนินการสะดวก ไม่ใช่เขียนไว้เเล้วต้องทำตามทุกอย่าง  พร้อมกล่าวว่า ขอให้เข้าใจว่ามาตรา 44 เป็นกฎหมายที่รัดกุม ครอบคลุมไม่ต้องใช้หลายกฎหมาย เเต่เเท้ที่สุดเเล้วจะนำไปสู่การใช้กฎหมายปกติ ตอนนี้มีเเค่ใช้รักษาพื้นที่เท่านั้น ให้เจ้าหน้าที่ทำงานเร็วขึ้น เเต่ทางคดีนั้น กระบวนการยุติธรรมจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของสงฆ์เป็นเรื่องของพระธรรมวินัย เกี่ยวกับ พ.ร.บ.พระสงฆ์ให้ไปดูรายละเอียดตรงนี้ โดยขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประสานกับมหาเถรสมาคมให้ทำตามขั้นตอน โดยตนยึดกฎหมาย พ.ร.บ.สงฆ์มาตลอด

ยันไม่ใช้ ม.44 แก้ปัญหาเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ป

กรณีที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เมื่อวันที่ 13 มี.ค.) เพื่อหารือความคืบหน้าการเรียกเก็บภาษี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีขายหุ้นชินคอร์ป เมื่อปี 2549 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้ให้แนวคิดไปแล้วว่ารัฐบาลจะต้องไม่ทำขัดกับหลักยุติธรรม และจะไม่ใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปและมอบหมายให้กรมสรรพกร กระทรวงการคลังดำเนินการเรียกภาษี ส่วนจะได้หรือไม่นั้น ต้องไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ทุกฝ่ายมีโอกาสโต้แย้งในชั้นศาล และต้องดูความเป็นมาของศาลที่ผ่านมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นศาลฎีกา เพราะหลายอย่างมีความซับซ้อน โดยกรมสรรพากรต้องดำเนินการเรียกเก็บภาษีให้ทันก่อนวันที่ 31 มี.ค.นี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำด้วยว่า การดำเนินการเรื่องนี้เป็นผลมาจากการประชุมของคณะกรรมการร่วมทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เสนอมา หากรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย จะกลายเป็นปัญหาอีกเหมือนคดีอื่น ๆ พร้อมกล่าวยืนยันว่าไม่ได้รังแกใคร

ไม่ได้เลิกรถตู้ เข้มไม่มีคุณภาพห้ามออกมาวิ่ง

สำหรับความคืบหน้ามาตรการคุมเข้มการจัดระเบียบความปลอดภัยรถตู้บริการสาธารณะ หลังมีผู้ประกอบการออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม จากกระเเสข่าวว่า จะมีคำสั่งยกเลิกรถตู้บริการสาธารณะเเละเปลี่ยนมาใช้รถมินิบัสเเทนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ดูเเลเรื่องดังกล่าวเเล้ว โดยมีการหารือกับสมาคมรถตู้ ยืนยันว่าไม่มีการบังคับ เป็นไปตามความสมัครใจ ทั้งนี้ กรณีรถตู้ไม่มีคุณภาพ สภาพใช้การไม่ได้ ไม่มีความปลอดภัยต้องยกเลิก ถ้าปล่อยไว้ก็จะเป็นปัญหาเเบบเดิม โดยในวันนี้ได้ออกคำสั่งมาตรา 44 เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรทางบก และมาตรการรักษาความปลอดภัยของการขนส่งสาธารณะ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลเป็นห่วงความปลอดภัยของประชาชน เเละก็เป็นห่วงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่ดี ๆ ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่มีความรับผิดชอบ ใช้รถไม่มีมาตรฐานต้องยกเลิก จึงต้องมาหารือกันเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก ถ้ารถตู้ไม่พอก็จะมีมินิบัสเสริม พร้อมให้กรมขนส่งออกข้อกำหนดเพิ่มเพื่อความปลอดภัยทั้งเรื่องรถ พลขับ เทคโนโลยีติดรถ ที่นั่งตามจำนวนจริง และมีเข็มขัดนิรภัย  พร้อมกล่าวยืนยันว่า ไม่ได้ยกเลิกรถตู้ เเต่ห้ามรถตู้ไม่ได้มาตรฐานออกมาวิ่ง และเสริมด้วยรถมินิบัสเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกในการใช้บริการมากขึ้น  

ต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงเรื่องความคาดหวังต่อคณะผู้แทนไทย ในการนำเสนอรายงานด้วยวาจาต่อที่ประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (Human Rights Committee) หรือคณะกรรมการประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights – ICCPR) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส  พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เข้าใจดีว่าทุกประเทศที่เป็นสมาชิกของ ICCPR ต้องโดนซักถามอยู่แล้ว สำหรับประเทศไทยนั้นถูกซักถามประมาณ 10-11 คำถาม ซึ่งในเบื้องต้นคณะผู้แทนของไทยสามารถตอบคำถามได้ในทุกประเด็น ซึ่งทางคณะกรรมการฯรับทราบดีและไม่ได้สอบถามรุกไล่ประเทศไทยแต่อย่างใด หลังจากนี้ ทุกฝ่ายควรหันกลับมามองปัญหาและหาวิธีที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างไร 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net