Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 


ในขณะที่ความคิดทางการเมืองกระแสหลักในสังคมไทย กลายเป็นอนุรักษ์นิยม ต่อต้านประชาธิปไตย ลิตมีแนวโน้มขวาจัดมากขึ้น กระแสหนึ่งที่เกิดขึ้นและพัฒนาอย่างรวดเร็ว คือ กระแสต่อต้านและเกลียดกลัวอิสลาม ซึ่งมีรากฐานโดยตรงมาจากกระแสต่อต้านอิสลามสากล และหลอมรวมกับแนวคิดอันคับแคบและอคติแบบศาสนาพุทธ

ในทางสากล แนวคิดและปฏิบัติการในการต่อต้านอิสลาม เรียกว่า “โรคกลัวอิสลาม(Islamophobia)” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หนึ่ง ที่มาจากการสร้างโลกทัศน์ให้มองชาวมุสลิมในฐานะสิ่งแปลกปลอมและเป็นศัตรู ซึ่งโดยทั่วไปก็เกิดจากอคติของชาวคริสต์ที่มีต่อศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะในระยะหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มหาอำนาจตะวันตกไปสนับสนุนการก่อตั้งรัฐอิสราเอลบนแผ่นดินปาเลสไตน์ และทำให้ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายตะวันตกกับโลกมุสลิมขยายตัว และตะวันตกเริ่มกลายเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายอิสลามฝ่ายก้าวหน้า แต่ความขัดแย้งยังไม่รุนแรงนัก เพราะยังมีกลุ่มอิสลามอนุรักษ์นิยมที่ร่วมมือกับตะวันตกต่อต้านคอมมิวนิสต์

ต่อมาเมื่อเกิดการล่มสลายของโลกคอมมิวนิสต์ สถานการณ์กลับนำมาสู่การเผชิญหน้ากันโดยตรงระหว่างมหาอำนาจตะวันตกกลับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง โดยเฉพาะหลังจากที่เกิดสงครามอิรัก-คูเวตเมื่อ ค.ศ.1992 จากนั้น เหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 ที่กลุ่มคนร้ายพลีชีพใช้เครื่องบินโจมตีตึกเวิร์ลเทรดที่กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา กลายเป็นหลักหมายสำคัญที่ก่อให้เกิดการสร้างกระแสหวาดระแวงและเกลียดชังชาวมุสลิมอย่างเพิ่มทวีในสหรัฐและโลกตะวันตก และกระแสยิ่งรุนแรงเมื่อเกิดกระแสการก่อการร้ายของกลุ่มไอซิสในยุโรป เช่น ในระยะไม่นานมานี้ มีการสำรวจทัศนคติของประชาชนในยุโรปตะวันตกและออสเตรเลีย พบว่าประชาชนจำนวนมากเชื่อว่า ชาวมุสลิมมีแนวโน้มจะเป็นผู้ก่อการร้ายหรืออย่างน้อยก็สนับสนุนผู้ก่อการร้าย และมีกระแสเรียกร้องให้จับตาคนมุสลิมเป็นพิเศษ

ที่กล่าวว่า โรคกลัวอิสลามนั้นเป็น”อคติ” เพราะความจริงแล้ว แม้กระทั่งในทางสากล ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่ไม่ได้นิยมความรุนแรง ไม่ได้สนับสนุนการก่อการร้าย และชาวอิสลามเองจำนวนมากก็ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายด้วย ยิ่งกว่านั้น ปัญหาสำคัญยังมาจากการใช้อคติทางศาสนานำเสนอข่าวของสื่อตะวันตก เช่น ถ้าผู้ก่อการร้ายเป็นมุสลิม ก็จะออกข่าวว่า เป็นมุสลิมหัวรุนแรง หรือกลุ่มก่อการร้ายมุสลิม แต่ถ้าคนร้ายเป็นชาวคริสต์หรือศาสนาอื่น ก็จะไม่เรียกด้วยลักษณะทางศาสนา ทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า มีแต่พวกอิสลามเท่านั้นที่ชอบก่อความรุนแรง

สำหรับในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ถือว่า สถานการณ์การก่อการร้ายไม่รุนแรง และไม่ใครปรากฏกระแสต่อต้านศาสนาอิสลามมาก่อน แต่ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา กระแสการต่อต้านอิสลามเริ่มเกิดขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขยายตัวของความรุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้ ที่มีการเสนอข่าวถึงความรุนแรงในการปฏิบัติการของฝ่ายก่อการร้ายต่อต้านรัฐอยู่เสมอ และเมื่อความรุนแรงยืดเยื้อ กระแสการต่อต้านอิสลามก็ขยายตัวไปยังภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และภาคเหนือ ทั้งที่ปัญหาในสามจังหวัดภาคใต้ความจริงแล้วเป็นปัญหาการเมืองเสียยิ่งกว่าปัญหาทางศาสนา และปฏิบัติการของฝ่ายทหารที่หวาดระแวงคนมุสลิม ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปัญหาขยายตัว

โรครังเกียจและต่อต้านอิสลามอาจจะเห็นได้ชัดเป็นรูปธรรมจากกรณีชาวพุทธจังหวัดน่าน ได้เคลื่อนไหวคัดค้านการสร้างมัสยิดที่จังหวัดน่านเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2558 ต่อมา เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 ก็เกิดกระแสการต่อต้านการตั้งโรงงานผลิตอาหารฮาลาลที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งที่โรงงานลักษณะนี้ ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดข้อเสียหายทางศาสนาอะไรเลย

แต่ที่มากกว่านั้น คือการสร้างข่าวลวงอันน่าสะพรึงกลัวจากชาวพุทธหัวรุนแรง เช่น การกระพือข่าวว่าอิสลามวางแผนยึดประเทศไทย หรือที่ย่อยลงมาคืออิสลามจะยึดภาคใต้ของไทยตั้งแต่ชุมพรลงไป ซึ่งข่าวเหล่านี้ ล้วนไม่มีแหล่งข้อมูลหรือที่มาอันชัดเจน และที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือ การออกข่าวในลักษณะที่ว่ารัฐบาลไทยเผด็จการทหารของไทยให้การสนับสนุนศาสนาอิสลาม แต่ไม่สนับสนุนศาสนาพุทธ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่มีหลักเหตุและผล และใช้ข้อมูลเท็จหรือข้อมูลด้านเดียวทั้งสิ้น

กระแสการต่อต้านและรังเกียจอิสลามยังมาจากอคติแบบพุทโธเลียน ที่เชื่อว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาอันยอดเยี่ยม ดีที่สุดในโลก เป็นวิทยาศาสตร์และเป็นเหตุผลที่สุด จึงนำมาสู่ข้อเสนอแบบกระแสหลักชนิดที่ว่า ศาสนาพุทธต้องอยู่คู่ชาติไทย จะเป็นศาสนาอื่นไม่ได้

มากไปกว่านั้นก็คือ การกุข้อมูลว่า ประเทศตะวันตกทั้งหลายต่างหันมานับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติก็ยังมีผู้เชื่อถือว่าเป็นจริง ทั้งที่ศาสนาพุทธในประเทศไทยก็เต็มไปด้วยความเชื่อปะปน เช่น เครื่องรางของขลัง พิธีกรรมนานาชนิด ตลอดจนการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกพุทธ ทั้ง พระคเณศ เจ้าแม่กวนอิม เสด็จพ่อ ร.5 จตุคามรามเทพ หรือแม้แต่ปลัดขิก แต่ก็ยังมั่นใจในความดีงามของสังคมพุทธ นำมาสู่การดูถูกดูแคลนศาสนาอื่น และนำมาสู่การต่อต้านอิสลาม ทั้งที่ศาสนาคริสต์ต่างหาก ที่มีองค์กรจัดตั้งและมีความพยายามในการเผยแพร่ให้คนเข้ารีตในประเทศไทยมากเสียยิ่งกว่า แต่ปรากฏว่าในโลกออนไลน์ได้มีการตั้งเพงรวมพลคนเกลียดอิสลาม ก็มีผู้เข้าไปสนับสนุนจำนวนไม่น้อย

ความจริงแล้ว ต้องอธิบายว่า ศาสนาทุกศาสนาก็มีลักษณะแบบเดียวกัน การนับถือเป็นสิทธิของแต่ละคน และไม่สามารถจะบอกได้ในเชิงหลักการสมบูรณ์ว่า ศาสนาไหนดีที่สุด เพราะผู้นับถือก็ต้องเชื่อว่า ศาสนาของตนถูกต้องแล้วทั้งสิ้น ดังนั้น การนับถือพุทธ หรือ อิสลาม ย่อมเป็นเรื่องสิทธิของแต่ละคนที่ไม่ควรก้าวก่ายกัน การที่อิสลามจะมายึดครองไทยจะเป็นได้กรณีเดียว คือ คนไทยส่วนข้างมากต้องหันไปนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นไปได้ยาก

หลักการที่ถูกต้องระหว่างศาสนาที่ต่างกัน ควรจะอยู่ร่วมโดยสันติและเคารพกันมากกว่า ถ้าปลุกเร้าความเดียดฉันท์และรังเกียจกันในทางศาสนาแบบพุทโธเลียน จนเกิดความขัดแย้งและความรุนแรงทางศาสนาย่อมจะไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น ให้ถือว่าชาวอิสลามทั้งผองก็คือเพื่อนเรา ที่นับถือไม่เหมือนเรา สังคมก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

0000


เผยแพร่ครั้งแรกใน โลกวันนี้วันสุข ฉบับ 580 วันที่ 3 กันยายน 2559

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net