Skip to main content
sharethis

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ คสช. เผยหลักสูตรอบรม 168 ชั่วโมง มุ่งเป้าผู้นำ แกนนำ และประชาชน ที่ทำผิดกติกา ฝืนคำสั่ง คสช. สร้างความขัดแย้ง ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลและ คสช. เสียหาย มีพฤติกรรมแปลกแยก จะเชิญผู้เข้าร่วมอย่างให้เกียรติ อบรมเสร็จมีรถส่งกลับบ้าน พร้อมประเมินพฤติกรรมก่อนและหลังการอบรม

พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ (ที่มา: สำนักข่าวไทย/แฟ้มภาพ)

กรณีที่เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงหลักสูตรอบรมนักการเมือง 7 วัน ว่าร่างหลักสูตรแล้ว พร้อมดำเนินการ แต่ยังหานักเรียนอยู่ และพื้นที่อบรมคือค่ายทหารทั่วประเทศ รวมทั้งค่ายในจังหวัดชายแดนใต้ เช่น ปัตตานี และ ยะลา นั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ในรายงานของมติชนออนไลน์ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงหลักสูตรดังกล่าวว่าซึ่งใช้ชื่อว่า “หลักสูตรการฝึกอบรมผู้นำการสร้างชาติอย่างสร้างสรรค์ สำหรับผู้นำ หรือแกนนำประชาชนทั่วไป”

วัตถุประสงค์หลัก 4 ประการ ได้แก่ 1.เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจสถานการณ์ตั้งแต่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 กระทั่งปัจจุบัน 2.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจและรับรู้กติกาสังคมปัจจุบัน ที่เน้นสร้างความปรองดองสมานฉันท์ 3.สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และไว้ใจต่อการปฏิบัติงานของรัฐบาล และ คสช. และ 4.ขอความร่วมมือไม่ให้ผู้เข้ารับอบรมขัดขวาง และขอความร่วมมือให้ช่วยสนับสนุนงานของรัฐบาล และ คสช.

สำหรับหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมเข้าอบรม ทาง คสช.ได้กำหนดไว้ว่า ผู้นำหรือแกนนำประชาชนที่กระทำผิดกฎหมาย ทำผิดกติกาสังคม และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติ จนทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลและ คสช.เกิดความเสียหาย รวมไปถึงมีพฤติกรรมที่มีแนวโน้มสร้างความขัดแย้งระหว่างคนในสังคม ตลอดมีพฤติกรรมแปลกแยกไปจากสังคม ส่วนระยะเวลาของหลักสูตรนี้จะใช้เวลาทั้งสิ้น 7 วัน จำนวน 168 ชม. โดย คสช.ใช้อำนาจตามกฎหมายเท่าที่เราทำได้และไม่มีอะไรเกินเลยแต่อย่างใด

พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการที่จะเชิญผู้ถูกอบรมในหลักสูตรดังกล่าวนั้น ขอชี้แจงว่าขั้นตอนการปฏิบัติเราจะเชิญตัวและดำเนินการอย่างเปิดเผยด้วยการให้เกียรติ พร้อมทั้งแจ้งพฤติกรรมให้คนที่ถูกเชิญได้รับว่าท่านมีคุณสมบัติที่ควรเข้ารับการอบรม อีกทั้งต้องแจ้งให้ญาติของผู้ถูกอบรมทราบว่าจะไปสถานที่ใด รวมทั้งสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ ทั้งนี้ขอย้ำว่าเราจะอำนวยความสะดวกให้คนที่เข้ารับการอบรมเป็นอย่างดี หากจบหลักสูตรอบรม 7 วันแล้วเราจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับบ้านอีกด้วย

เมื่อถามว่าหากมีผู้ที่เข้าข่ายในหลักสูตรดังกล่าวแต่ไม่ยินยอมไปอบรม ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างใด พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า คสช.มีอำนาจในการเชิญตัว มีอำนาจที่จะตักเตือน เพราะเรามีอำนาจอยู่แล้ว

เมื่อถามต่อว่าจากวัตถุประสงค์ของหลักสูตร หากผู้เข้ารับการอบรมไม่เข้าใจและยังคงกระทำการที่ขัดคำสั่ง คสช. จะดำเนินอย่างไรอีก ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า เราจะมีการประเมินว่าผู้ที่เข้ารับการอบรมมีผลการปฏิบัติอย่างไร ฉะนั้นคงเป็นอนาคตที่ผู้เข้ารับการอบรมจะมีท่าที พฤติกรรมเป็นอย่างไร เพื่อนำไปประเมินผลอีกที

เมื่อถามต่อว่า สำหรับรายชื่อผู้ที่จะเข้ารับการอบรมนั้น พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า อาจจะเป็นคนเดิมๆ ที่ คสช.ติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอด อีกทั้งเชิญมาพูดคุยหลายครั้งแล้ว แต่ช่วงหลังๆ พบว่ามีท่าทีและทัศนคติของท่านเหล่านั้นดีขึ้น ทั้งนี้ย้ำว่าเรายังคงติดตามและเฝ้าดูอยู่เสมอ ส่วนจะเป็นใครบ้างที่มีทัศนคติดีขึ้นนั้น คิดว่าน่าจะเป็น 2 ท่านที่ คสช.เชิญมาพูดคุย ซึ่งท่านก็ดีขึ้น เพราะไม่ได้สร้างความสับสนเพิ่มเติม และยังให้ความร่วมมือ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net