Skip to main content
sharethis

โมษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีการใช้ ม.44 แก้ไขปัญหาที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ยันจะชดเชยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ขอชาวบ้านอย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว จนละเลยผลประโยชน์ชาติ

ภาพจากแฟ้มภาพ : ประชาไท

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2558 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค.2558 โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีความตั้งใจจริงที่จะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า และจะดูแลทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร จึงไม่อยากให้ประชาชนส่วนหนึ่งคำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป จนละเลยประโยชน์ของชาติ

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจหรือละเลยความเดือดร้อนของชาวบ้าน ม.4 และ ม.7 ต.สายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยทางจังหวัดได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการสำรวจรายชื่อราษฎร ข้อมูลที่ดิน และจัดทำรายละเอียดของสิ่งปลูกสร้างและพืชผล เพื่อประกอบการพิจารณาหาทางช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนที่เหมาะสม จัดหาที่ดินทำกินแห่งใหม่ ส่งเสริมอาชีพ และกำหนดหลักเกณฑ์ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้

“แต่ขณะนี้ไม่ได้รับความร่วมมือจากราษฎรให้เจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บข้อมูล จึงขอวิงวอนประชาชนให้ยอมรับหลักการทางกฎหมาย ซึ่งเป็นกติกาของสังคม หันหน้ามาพูดคุยกัน โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า การจัดหาที่ดินเพื่อกำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น รัฐบาลมองผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก โดยเลือกจากพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ เน้นจัดหาจากพื้นที่ของรัฐ ทั้งที่ราชพัสดุ พื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และพื้นที่สาธารณะก่อนเป็นลำดับแรก โดยไม่มีการเวนคืนที่ดิน เว้นแต่จะมีการแลกเปลี่ยนที่ดินกับเอกชนเพื่อให้เขตเศรษฐกิจพิเศษมีพื้นที่ ติดกัน

อย่างไรก็ดี พื้นที่ของรัฐหลายแห่งถูกประชาชนบุกรุก ไม่มีเอกสารสิทธิ์ หรือยังไม่ได้รับการพิสูจน์สิทธิการครอบครอง ดังนั้น หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงมีคำสั่งที่ 17/2558 โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อแก้ไขปัญหา เร่งรัดกระบวนการทำงาน และผลักดันให้เกิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจโดยเร็ว ซึ่งหมายรวมถึงการเร่งพิสูจน์สิทธิ์ การเจรจากับชาวบ้าน การจ่ายเงินช่วยเหลือ หรือหาที่ดินทำกินที่เหมาะสมให้ โดยมิได้ละเลยความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่

“ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการบุกรุกพื้นที่สาธารณะมานานแล้ว การแก้ไขปัญหาก่อนหน้าที่รัฐบาลนี้จะเข้ามาก็มักไม่ค่อยมีผลเป็นรูปธรรม เนื่องจากภาคการเมืองต้องการรักษาฐานคะแนนเสียง หรือมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งชาวบ้านอ้างสิทธิการครอบครองพื้นที่โดยบางส่วนไม่มีเอกสารสิทธิ์ บางส่วนอ้างว่ามีเอกสารและยังไม่ได้รับการพิสูจน์สิทธิ์ นอกจากนี้ ยังมีนายทุนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดิน เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการเก็งกำไร จนเอกชนที่ประสงค์จะทำธุรกิจไม่สามารถเข้าไปลงทุนได้” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับมาตรการจูงใจนักลงทุนและมาตรการรองรับผล กระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนในภาคอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม การบริการ และอื่นๆ อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุนรายใดเป็นพิเศษ เนื่องจากนักลงทุนจำเป็นต้องทำสัญญาซื้อขายหรือเช่าที่ดิน และรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยรัฐกำหนดอัตราค่าซื้อขายหรือเช่าที่ดินและสาธารณูปโภคอย่างเหมาะสม ไม่เอาเปรียบนักลงทุน และรายรับที่ได้ตกเป็นของแผ่นดิน

ขณะเดียวกัน การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปของนิคมอุตสาหกรรม จะดำเนินการตามหลักมาตรฐานสากล ทั้งการจัดทำระบบสาธารณูปโภคที่มีคุณภาพ การจัดตั้งโรงงานที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตและการตรวจสอบที่ชัดเจน และมีระบบกำจัดของเสียและมลพิษอย่างถูกสุขลักษณะ

“สื่อมวลชนเองควรพิจารณาข้อมูลอย่างถ้วนถี่ก่อนนำเสนอข่าว ไม่รับข้อมูลด้านเดียว เพราะสื่อเปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนสังคม จึงควรทำหน้าที่สะท้อนความถูกต้อง ดีงาม ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม”พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net