Skip to main content
sharethis

29 ก.ย. 2558 จากเมื่อสัปดาห์ก่อน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อม จักกพันธุ์ ผิวงาม รองปลัดกทม. ลงพื้นที่ติดป้ายประชาสัมพันธ์การจัดระเบียบบริเวณคลองโอ่งอ่าง และสะพานเหล็ก บริเวณสะพานดำรงสถิต เขตพระนคร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลจักรวรรดิ์และสำราญราษฎร์ ร่วมลงพื้นที่ โดย พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า ในวันที่ 28 ก.ย. กทม.จะออกคำสั่งปิดประกาศตามอาคารบ้านเรือนทุกหลังที่บุกรุกคลองโอ่งอ่างให้ทำการรื้อถอนอาคารของตนภายใน 15 วัน หากเจ้าของอาคารไม่ดำเนินการรื้อถอนภายในระยะเวลาที่กำหนด กทม.จะอาศัยอำนาจตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 ดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งผู้ที่บุกรุกก็จะมีระยะในการเตรียมตัวอีก 7 วัน จากนั้นกทม.จะทำการรื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกพื้นที่คลองโอ่งอ่างทันที

พร้อมระบุด้วยว่า คลองโอ่งอ่างได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว ดังนั้นการบุกรุกคลองโอ่งอ่างถือว่าผิดกฎหมาย สามารถดำเนินการรื้อถอนได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยและแจ้งให้ผู้บุกรุกทราบล่วงหน้ามาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ส่วนหนึ่งได้เตรียมตัวจะรื้อถอนแล้ว แต่มีบางส่วนอาจยังไม่เข้าใจก็จะมีการทำความเข้าใจ โดยเมื่อทำการรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกคลองโอ่งอ่างแล้วจะส่งผลให้การระบายน้ำทำได้ดีขึ้น เพราะมีประชาชนเอาเสาตอม่อมาปักแล้วเอาแผ่นปูนวางทับด้านบนทำให้การระบายน้ำไม่คลองดังกล่าวไม่สามารถทำได้

ล่าสุดวานนี้(28 ก.ย.58) กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า จักกพันธุ์ รองปลัด กทม. กล่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารทม. ครั้งที่ 28/2558 โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานการประชุมถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหารุกล้ำที่สาธารณะบริเวณคลองโอ่งอ่าง ย่านสะพานเหล็ก ว่า กทม.ได้แก้ไขปัญหาการรุกล้ำที่สาธารณะบริเวณคลองโอ่งอ่างตามแนวทางของประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 ซึ่งผู้ที่รุกล้ำที่สาธารณะถือว่ามีความผิด และในวันนี้กทม.ได้เริ่มปิดประกาศแจ้งให้ทุกแผงค้ารับทราบในการรื้อย้ายแผงค้า และสิ่งปลูกสร้างของตนที่รุกล้ำคลองโอ่งอ่างออกภายใน 15 วัน คือภายในวันที่ 13 ต.ค.นี้ หากครบกำหนดแล้วผู้ค้ายังไม่รื้อย้ายแผงค้าและสิ่งปลูกสร้างของตน กทม.จะดำเนินการตามขั้นตอนซึ่งมีระยะเวลา 7 วัน จากนั้นสำนักการโยธา สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ สำนักงานเขตพระนคร สำนักการระบายน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเริ่มรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. เป็นต้นไป โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย.นี้ 

จักกพันธุ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ปัญหามีผู้ค้าสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่คลองโอ่งอ่างประมาณ 500 ราย ทำให้เกิดความสกปรก และเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ อีกทั้งมีการก่อสร้างอาคารทับหลังเขื่อนคอนกรีตเสริมในเหล็ก ทำให้แนวเขื่อนได้รับความเสียหาย ที่สำคัญผู้ค้าจำนวนมากในพื้นที่จำกัดเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย กีดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรณีเกิดอัคคีภัยหรือภัยพิบัติอื่นๆ นอกจากนี้มีกลุ่มอิทธิพล มาเฟีย หรือผู้มีผลประโยชน์หนุนหลังผู้ค้า มีการจ้างงานชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งมีผลด้านความมั่นคงของชาติ จึงจำเป็นต้องดำเนินการจัดเรียบพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งมีผู้ค้าที่ก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคลองโอ่งอ่างโดยตั้งอยู่ในพื้นที่เขตพระนคร 375 แผง และเขตสัมพันธวงศ์ 125 แผง ปัจจุบันมีบางส่วนรื้อย้ายออกไปบ้างแล้ว ขณะนี้ในพื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ เหลือแผงค้าประมาณ 90 แผง ส่วนพื้นที่เขตพระนคร รื้อย้ายออกไปแล้วประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ 

“อย่างไรก็ตาม กทม.ได้จัดหาสถานที่รองรับผู้ค้าที่รื้อย้าย อาทิ ตลาดหลังพาต้าปิ่นเกล้า ตลาดนัดสายใต้เก่า ตลาดคึกคักท่าดินแดง คลองถม คอร์เนอร์ 2 และตลาดขนส่งสายใต้ใหม่ ซึ่งหลังจากดำเนินการรื้อย้ายแผงค้าและสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำคลองโอ่งอ่างเรียบร้อยแล้ว กทม.จะทำการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณให้มีความสวยงาม และเป็นสถานที่พักผ่อนให้ประชาชน” จักกพันธุ์ กล่าว

 

 

กทม.ติดคำสั่งรื้อถอนตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 44 แจ้งเจ้าของอาคารรุกล้ำคลองโอ่งอ่าง เร่งรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายใน 13ตุลาคมนี้ via @pr_bangkok #อาคารรุกล้ำคลองโอ่งอ่าง #คลองโอ่งอ่าง #VoiceTV21

Posted by Voice TV on 28 กันยายน 2015

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net