Skip to main content
sharethis
แกนนำพธม. นำโดยปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการแก้ม.68 ขอให้ศาลนำคำร้องของกลุ่ม พธม.ไปรวมพิจารณากับ 4 คำร้องที่ศาลรับก่อนหน้านี้ ระบุเพื่อไทยมีพฤติการณ์จริงที่จะล้มรธน.ทั้งฉบับ 
 
เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่า วันนี้ ( 27 พ.ค.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายสุวัตร อภัยภักดิ์  แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ของประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา 312 คน เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 5 ปีหรือไม่ โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญนำคำร้องของกลุ่ม พธม.ไปรวมพิจารณากับ 4 คำร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำสั่งรับและให้รวมสำนวนทั้ง 4 สำนวนไว้พิจารณาเป็นสำนวนเดียวก่อนหน้านี้
 
นายปานเทพ กล่าวว่า การมายื่นคำร้องครั้งนี้ไม่ถือว่าช้าเกินไป แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมในวันที่ 29 พ.ค. เพื่อพิจารณาว่า จะกำหนดกระบวนวิธีพิจารณาอย่างไร เพราะคำร้องที่ยื่นเป็นการเติมเต็มให้กับ 4 คำร้องที่ศาลฯ รับวินิจฉัยไปก่อนหน้านี้ โดยคำร้องของ พธม.จะชี้ให้เห็นถึงพฤติการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เห็นถึงเจตนาของการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 ว่าจะนำไปสู่การล้มเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ที่ไม่ได้เป็นเรื่องของการจินตนาการ หรือเป็นการคาดการณ์ไปก่อนล่วงหน้า แต่มีพฤติการณ์จริง เช่นกรณีการสไกป์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือคำพูดของนายโภคิน พลกุล
 
นายปานเทพ ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังเห็นว่าการที่กรรมาธิการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 68 จะมีการแก้มาตราดังกล่าว โดยกำหนดเงื่อนเวลาให้อัยการพิจารณา กรณีมีคำร้องว่าการกระทำที่เป็นการล้มล้างการปกครอง หากพ้นระยะเวลาแล้วอัยการดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ผู้ที่พบเห็นการกระทำสามารถยื่นตรงให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้นั้น ทางกลุ่ม พธม.ไม่ได้ถือว่า เป็นการคงสิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญของประชาชน เพราะในทางคดีหากพิจารณาล่าช้าไปเพียงวันเดียวก็ทำให้เกิดความเสียหายได้ อีกทั้งเรื่องของการกำหนดระยะเวลานั้น เป็นการกำหนดเฉพาะในหมวดที่ 3 ที่ว่าด้วยเรื่องสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นการกระทำตามหมวดอื่น เช่น การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ซึ่งอยู่ในหมวดที่ 15  ซึ่งประชาชนจะไม่มีสิทธิยื่นคำร้องได้เลย ไม่ว่าจะผ่านอัยการสูงสุดหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นที่กรรมาธิการฯ ออกมาระบุ ว่า การแก้ไขมาตรา 68 นั้นไม่ได้เป็นการริดลอนสิทธิประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญนั้น ถือว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน. 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net