รมต.กลาโหมและผู้นำกองทัพอียิปต์กล่าวเตือนกลุ่มการเมืองว่าหากไม่ทำอะไรกับเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นอียิปต์อาจกลายเป็นรัฐล้มเหลว จากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ลุกลามในหลายเมือง ด้านนักข่าวคิดว่าเหตุการณ์ล่าสุดในอียิปต์เป็นความไม่พอใจเรื่องเศรษฐกิจในชีวิตประจำวันมากกว่าเรื่องการเมืองโดยตรง

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2013 นายพลอับเดล ฟาตาห์ อัล-ซิสสิ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและผู้นำกองทัพของอียิปต์ออกมากล่าวเตือนว่าเหตุความวุ่นวายที่ลุกลามไปทั่วประเทศอียิปต์อาจทำให้อียิปต์กลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว และถ้าหากฝ่าย 'อำนาจการเมือง' ไม่ออกมาดำเนินการใดๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ก็อาจทำให้เกิดผลสะเทือนที่เลวร้ายตามมา

"ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองและความเห็นที่แตกต่างกันเรื่องการจัดการประเทศอาจทำให้เกิดภาวะรัฐล้มเหลว และเป็นภัยต่อคนในยุคต่อไป" รมต.กลาโหมกล่าวแสดงความเห็นในเฟซบุ๊คซึ่งคัดมาจากส่วนหนึ่งของคำปราศรัยแก่นักเรียนทหาร

นายพลอับเดล กล่าวอีกว่าปัญหาการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม และความมั่นคงที่อียิปต์เผชิยอยู่ในตอนนี้กลายเป็นภัยต่อความสงบและความมั่นคงของประเทศ ซึ่งสำนักข่าวอัลจาซีร่าบอกว่าความเห็นของรมต.กลาโหมเป็นคำเตือนส่งถึงชนชั้นนักการเมืองของอียิปต์ซึ่งไม่ได้ทำอะไรมากนักต่อปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด

กองทัพอียิปต์ขึ้นสู่อำนาจหลังจากประธานาธิบดี ฮอสนี มูบารัค ออกจากตำแหน่งในปี 2011 และได้ปกครองประเทศจนถึงช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือน มิ.ย. 2012

เหตุรุนแรงในอียิปต์เริ่มตั้งแต่ที่มีการชุมนุมครบรอบการปฏิวัติโค่นล้มมูบารัคเมื่อวันศุกร์ (25 ม.ค.) ที่ผ่านมา โดยการประท้วงเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นในกรุงไคโรและสุเอช ก่อนจะลามไปยังเมืองพอร์ต ซาอิด ในวันเสาร์ (26) จนกระทั่งประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โมฮัมเมด มอร์ซี ประกาศภาวะฉุกเฉินและให้มีเคอร์ฟิวช่วงกลางคืนในสุเอช, พอร์ต ซาอิด และ อิสมาลิยา

แต่ในคืนวันจันทร์ (28) ที่ผ่านมาผู้ประท้วงหลายพันคนก็ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวออกมาชุมนุมตะโกนขับไล่ให้โมฮัมเมด มอร์ซี ออกจากตำแหน่ง ซึ่งทางกองทัพก็มีการบังคับให้ปฏิบัติตามเคอร์ฟิวน้อยมาก ในสุเอชมีเหตุการณ์ผู้ต้องขังหลายร้อยคนพยายามอาศัยช่วงประท้วงอย่างชุลมุนหลบหนีออกจากเรือนจำแต่ก็ไม่สำเร็จ

สภาสูงอียิปต์รับรองกฏหมายให้อำนาจการจับกุม

อย่างไรก็ตามในวันที่ 28 ม.ค. ทางสภาสูงของอียิปต์ก็ได้อนุมัติกฏหมายให้กองทัพมีอำนาจในการจับกุมผู้ต้องหา ขณะที่มอร์ซีได้เชิญให้ทั้งฝ่ายที่มิตรและผู้ต่อต้านมาร่วมเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา แต่กลุ่มต่อต้านกลุ่มหลักก็ปฏิเสธเช่นเดียวกับช่วงที่มีการประท้วงก่อนหน้านี้เมื่อปลายปีที่แล้ว

โมฮัมเมด เอลบาราดาย ผู้นำกลุ่มต่อต้านหลักกล่าวว่าเขาไม่ยอมเข้าร่วมเจรจาในวันนี้ แต่พวกเขาต้องการส่งสารไปยังประชาชนชาวอียิปต์และประธานาธิบดีว่าสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาคืออะไรก่อนที่พวกเขาจะพร้อมยอมเจรจา

'เป็นการเมืองน้อยลง รุนแรงและโกลาหลมากขึ้น'

ทางด้าน เชรีน ทาดรอส นักข่าวอัลจาซีร่าผู้ได้รับรางวัลและมีประสบการณ์การรายงานข่าวการลุกฮือในอียิปต์, เยเมน และลิเบีย แสดงความเห็นในเว็บล็อกว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในอียิปต์ล่าสุดเป็นความไม่พอใจในเรื่องเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นปัญหาอยู่ลึกๆ ในประเทศ

เชรีนบอกอีกว่าขณะเดียวกันผู้ประท้วงก็มีความเป็นการเมืองน้อยลงและเริ่มสร้างความโกลาหลและความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งโดยหลักๆ แล้วเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ระบายความไม่พอใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยใช้อำนาจและเคยเหยียดหยามพวกเขามาก่อน

แต่ทางฝ่ายตำรวจเองก็เสียกำลังใจไปมาก เซรีนกล่าวว่าพวกเขามีเครื่องมือในการปฏิบัติการน้อยชิ้น และพวกเขาก็เริ่มไม่พอใจที่ผู้มีอำนาจสั่งการให้เขาลงไปปฏิบัติการ ซึ่งไม่เพียงต่อการถูกสังหาร แต่ยังทำให้พวกเขาดูเป็นคนเลวไปด้วย ทำให้ฝ่ายรัฐไม่เชื่อใจการทำงานของตำรวจและมีการวางกำลังทหารตามเมืองที่มีคูคลอง

เซรีนกล่าวถึงหนทางแก้ไขปัญหาว่า การแก้ปัญหาในเชิงการเมืองอย่างการเจรจาหรือการโยกย้ายรัฐมนตรีดูจะไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เช่นนี้ เนื่องจากปัญหาหลักๆ แล้วไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำในระดับชีวิตประจำวัน และความผิดหวังจากที่ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง

"ความจริงที่หน้าเศร้าคืออาจมีความรุนแรงมากขึ้นและมีคนถูกสังหารมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" เซรีนกล่าว "การวางรากฐานของรัฐได้ไม่ดีพอหลังจากการปฏิวัติทำให้ทุกสัปดาห์หลังจากนั้นจะเกิดความล้มเหลวเป็นส่วนๆ ไม่มีอะไรที่สามารถซ่อมแซมได้ด้วยการแค่แปะปลาสเตอร์ไว้"

เรียบเรียงจาก

Egypt: More violent, less political, Aljazeera, 29-01-2013

Egypt army chief warns of 'state collapse', Aljazeera, 29-01-2013