Skip to main content
sharethis

ชาวบ้านบุกพบผู้ว่าแจงความเดือนร้อน‘ตาปี-พุมดวง’ ผู้ว่าฯ สุราษฎร์เรียกกรมชลฯ-เขื่อนรัชประภา-เกษตรฯ แจง หวั่นจ่ายเงินเวนคืนมีปัญหาหากยกเลิกโครงการ สั่งหยุดเดินหน้า รอศาลปกครองตัดสิน ชลประทานเมินลักไก่ลุยต่อ

นายวิโรจน์ ทองเกษม คณะทำงานเครือข่ายพิทักษ์ลุ่มน้ำตาปี–พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า วันที่ 14 กรกฏาคม 2555 ทนายความ สภาทนายความได้ลงพื้นที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อพูดคุยวิเคราะห์สถานการณ์ และจัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา ศาลปกครองได้รับฟ้องกรณีที่เครือข่ายพิทักษ์ลุ่มน้ำตาปี–พุมดวง ฟ้องกรมชลประทานให้มีคำสั่งยกเลิกโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี–พุมดวง

นายวิโรจน์ เปิดเผยต่อไปว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2555 ชาวบ้านประมาณ 200 คน ได้ไปพบนายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่บ้านผู้ว่าฯ พร้อมยื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบโครงการฯ จากนั้นผู้ว่าได้จัดสถานที่ให้ตัวแทนชาวบ้านนั่งคุย และได้นำเสนอให้ผู้ว่ารับรู้ข้อมูลโครงการฯ และความเดือดร้อนของชาวบ้าน จากนั้นผู้ว่าฯ บอกกับชาวบ้านว่าจะนัดพบกับชาวบ้านอีกครั้งในวันที่ 6 กรกฎาคม 2555 โดยเชิญเจ้าหน้าที่จากกรมชลประทาน เจ้าหน้าที่จากเขื่อนรัชประภา และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกษตร มานั่งคุยร่วมกัน

นายวิโรจน์ เปิดเผยต่อไปอีกว่า เจ้าหน้าที่จากกรมชลประทานนำเสนอว่าน้ำในเขื่อนรัชประภาพอในการสร้างชลประทาน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกษตรชี้แจงว่าไม่ได้รับผลกระทบกับชาวบ้านเลย จากนั้นชาวบ้านได้พูดถึงผลกระทบกับชาวบ้าน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ให้ผู้ว่าฯ รับฟัง จากการที่ชาวบ้านบอกว่าการขุดคูคลองของโครงการฯ ยกระดับโดยใช้แรงโน้มถ่วงให้น้ำไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ

นายวิโรจน์ เปิดเผยอีกว่า ผู้ว่าฯ ได้ตั้งข้อสังเกต ถามชลประทานว่า ในเมื่อชาวบ้านบอกว่าการยกระดับของส่งน้ำ เกิดน้ำธรรมชาติมาท่วมจะทำอย่างไร ชลประทานมีทางระบายน้ำให้ชาวบ้านหรือไม่ ผู้ว่าฯ ให้ชลประทานกางแผนที่ให้ดูแล้วให้อธิบายว่า มีช่องระบายน้ำกี่ช่อง แต่เจ้าหน้าที่ชลประทานตอบไม่ได้ ผู้ว่าฯถามถึงผลกระทบต่อชุมชน วัฒนธรรมประเพณีและสิ่งแวดล้อมซึ่งได้รับว่าไม่ได้รับผลกระทบ ผู้ว่าฯ จึงถามต่อว่า แล้วที่มีการจ่ายค่าเวนคืนที่ดินไปบางส่วนแล้ว ทั้งที่การรังวัดยังไม่เสร็จเรียบร้อยทำไมต้องรีบจ่ายเงินเวนคืน เจ้าหน้าที่ชลประทานบอกจำเป็นต้องทำ เพราะออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินแล้ว อีกทั้งกรมชลประทานเคยเชิญผู้ว่าฯ ไปจ่ายเงินค่าเวนคืนที่ดิน แต่กลับตอบปฏิเสธ

นายวิโรจน์ เปิดเผยด้วยว่า ผู้ว่าฯ บอกกรมชลประทานว่าขณะนี้ศาลปกครองได้รับฟ้องแล้ว หากศาลตัดสินว่าให้ยกเลิกโครงการฯ งบประมาณที่กรมชลประทานจ่ายค่าเวนคืนที่ดินไปแล้ว ถ้ารัฐเรียกคืนจะทำอย่างไร เจ้าหน้าที่กรมชลประทานบอกว่าตนเองก็ไม่ทราบ ผู้ว่าฯ เลยพูดให้กรมชลประทานหยุดการดำเนินการใดๆ ก่อน จนกว่าศาลปกครองจะตัดสิน ผู้ว่าฯ ปฏิเสธการลงพื้นที่หรือทำอะไรกับกรมชลประทาน เนื่องจากหากศาลตัดสินให้ยกเลิกโครงการฯ กลัวจะรับผิดชอบไม่ไหวกับค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการไปแล้ว

“เมื่อผู้ว่าฯ พูดแบบนั้น เราคิดว่าชลประทานจะปฏิบัติ แต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 ชลประทานก็ยังลงพื้นที่ตำบลท่าเคย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชาวบ้านเลยแห่กันไปดูว่าทำอะไร ชลประทานแก้ตัวว่าไม่ได้ทำโครงการพัฒนาตาปี-พุมดวง แค่ทำโครงการขุดลอกคลอง ซึ่งชลประทานกำลังใช้อุบายว่าไม่ใช่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง สุดท้ายชลประทานก็ยอมรับว่าเป็นโครงการเดียวกัน” นายวิโรจน์ กล่าว

อนึ่ง รายงานโครงการศึกษาความเหมาะสมของการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ศึกษาแล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม 2551) โดยได้ศึกษาที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี พลังงาน และท่าเรืออุตสาหกรรม ซึ่งการศึกษาได้เสนอทางเลือก 2 บริเวณ

ได้แก่ บริเวณ ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช และบริเวณ ตำบลกลาย อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยระบุความต้องการพื้นที่ประมาณ 12,000 ไร่ สำหรับโรงกลั่นน้ำมันโรงแยกก๊าซ อุตสาหกรรม ปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์ซีเมนต์และยิบซัม น้ำมันปาล์ม ผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้าแปรรูปเกษตรอื่นๆ และโรงไฟฟ้า

รวมทั้งเสนอให้วางท่อส่งน้ำดิบ ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตรเพื่อนำน้ำดิบ30 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อปี (70,000 ลบ.ม.ต่อวัน) จากคลองพุมดวงด้านท้ายน้ำของเขื่อนรัชประภามายังนิคมอุตสาหกรรม

 

โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎ์ธานี

1. ความเป็นมา
                1.1 ตั้งแต่ปี 2510 กรมชลประทาน ได้เริ่มดำเนินการวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำ ในลุ่มน้ำตาปี–พุมดวง ประกอบด้วย เขื่อนเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ 2 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) และเขื่อนแก่งกรุง (เขื่อนคลองยัน) กรมชลประทานได้โอนงานก่อสร้างเขื่อนรัชชประภา และเขื่อนแก่งกรุงให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการ ก่อสร้างเขื่อนรัชชประภาแล้วเสร็จในปี 2530
                 1.2 ในปี 2533 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2533 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับไปดำเนินการศึกษาเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบชลประทานที่ล่าสุด โดยเฉพาะพื้นที่ชลประทานที่จะได้จากการก่อสร้างเขื่อนแก่งกรุง และกรมชลประทานได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสม แล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม 2537 ปรากฏว่าโครงการมีความเหมาะสมต่ำ เนื่องจากจำเป็นต้องอพยพราษฎรและต้องลงทุนค่าชดเชยทรัพย์สินสูง ทำให้ได้ผลประโยชน์ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ประกอบกับเขื่อนแก่งกรุงมีกระแสต่อต้าน และได้ระงับการดำเนินงานเอาไว้ก่อน
                  1.3 กรมชลประทานจึงได้พิจารณาการใช้ประโยชน์จากน้ำที่ปล่อยจากท้ายเขื่อนรัชชประภามาใช้ประโยชน์ จึงได้ทำการศึกษาทบทวนความเหมาะสม โดยพิจารณาการพัฒนาชลประทานสูบน้ำจากแม่น้ำพุมดวง เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานฤดูฝน 73,980 ไร่ มีความเหมาะสมทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม เป็นการบริหารจัดการน้ำหลังจากการผลิตกระแสไฟฟ้าของเขื่อนรัชชประภา มาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร

2. ความจำเป็นที่ต้องดำเนินการโครงการ
                  เขื่อนรัชชประภาได้ปล่อยน้ำจากท้ายเขื่อนเนื่องจากการผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และมีปริมาณน้ำจากคลองสาขาไหลมารวมในแม่น้ำพุมดวงอีกประมาณ 2,400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำพุมดวงประมาณ 5,400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ไหลลงสู่ทะเลโดยไม่มีการนำน้ำมาใช้ประโยชน์แต่อย่างใด โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี–พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จะเป็นการบริหารจัดการน้ำโดยการนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

3. วัตถุประสงค์โครงการ
      1. เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานในฤดูฝน 73,980 ไร่ และในฤดูแล้ง 57,819 ไร่
      2. เพื่อการอุปโภค–บริโภค
      3. เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

4. รายละเอียดของโครงการ
      4.1 ที่ตั้งโครงการ ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฏร์ธานี
      4.2 ลักษณะทางวิศวกรรมของโครงการ
             (1) สถานีสูบน้ำ 1 แห่ง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 16 เครื่อง อัตราการสูบน้ำรวมทั้ง 33.16 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบด้วย
                   - เครื่องสูบน้ำขนาด 1.93 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 4 เครื่อง
                   - เครื่องสูบน้ำขนาด 2.12 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 12 เครื่อง
             (2) ระบบส่งน้ำ ความยาวรวมประมาณ 139 กม.
             (3) ระบบระบายน้ำความยาวรวมประมาณ 83 กม.

5. ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (พ.ศ. 2552–2559)

6. งบประมาณ วงเงินโครงการทั้งสิ้น 3,330.00 ล้านบาท

  - งบบุคลากร                    

77.00

ล้านบาท

  - งบดำเนินงาน           

41.00

ล้านบาท

  - งบลงทุน                   

3,107.24

ล้านบาท

  - เผื่อเหลือเผื่อขาด          

104.76

ล้านบาท

มีแผนการใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละปี ดังนี้

ปีงบประมาณ พ.ศ.

จำนวนเงิน (ล้านบาท)

2552

262.81

2553

 296.69

2554

 525.99

2555

 637.77

2556

 732.57

2557

 346.32

2558

 251.99

2559

 175.86

รวม

 3,330.00

7. การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์

        ความเหมาะสมทางด้านเศรษฐศาสตร์ในปี 2552

   ที่อัตราคิดลดร้อยละ

8

10

12

 

อัตราส่วนผลตอบแทนต่อการลงทุน (B/C)

1.70

1.50

1.19

 

มูลค่าผลประโยชน์ปัจจุบันสุทธิ (NPV)

1,842

1,262

440

ล้านบาท

อัตราผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์(EIRR)

13.60

13.60

13.60

%

8. ประโยชน์ของโครงการ
           1. เพิ่มพื้นที่ชลประทาน 73,980 ไร่ โดยสามารถส่งน้ำในฤดูฝน 73,980 ไร่ และในฤดูแล้ง 57,819 ไร่
           2. มีน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค
           3. เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร

9. ผลกระทบจากการอนุมัติโครงการ
เมื่อได้รับอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี–พุมดวง จังหวัดสุราษฏร์ธานีแล้ว จะทำให้เกิดผลกระทบต่อที่ดินและทรัพย์สินของประชาชนประมาณ 3,000 ไร่ ซึ่งกรมชลประทานได้เตรียมมาตรการในการจ่ายทดแทนทรัพย์สินไว้ในแผนงานโครงการแล้ว

10. สถานภาพโครงการ
- ด้านแบบก่อสร้าง แบบ และรายละเอียดด้านวิศวกรรมแล้วเสร็จ 100% (เสร็จปี 2544)

- ด้านการจัดหาที่ดิน การสำรวจปักหลักเขตแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างขอคำขอรังวัดจากเจ้าของที่ดิน (ประมาณ 2,000 ราย)

- รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการไม่เข้าข่ายที่จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เรื่องกำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการของส่วนราชการรัฐวิสาหกิจ หรือเอกชนที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมปี 2535

- การมีส่วนรวมของประชาชน กรมชลประทานได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้ที่มีส่วนได้เสีย ทั้งในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ รวมทั้งระดับหมู่บ้าน รวมแล้วประมาณ 40 ครั้ง

-ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลหนองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2554 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี–พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

-ออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลหนองไทร อำเภอท่าฉาง ตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน และตำบลท่ากระดาน อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2554 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี–พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

ที่มา : กรมชลประทาน
 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net