Skip to main content
sharethis

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีที่ “มติชน” ฟ้องหมิ่น “ASTVผู้จัดการ” ลงบทความกล่าวหามติชนล้มกษัตริย์ ศาลตัดสินยกฟ้อง ระบุข้อความที่จำเลยลงเป็นการตั้งคำถามสงสัยด้วยความกังวลห่วงใยการเสนอข่าว หรือบทความเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์โดยสุจริต ตามเหตุตามผลที่ประชาชนทั่วไปย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นได้ จึงพิพากษายกฟ้อง

วันนี้ (15 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อ.1795/2553 ที่ตัวแทนบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุรวิชช์ วีรวรรณ คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ ที่ 1, นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ ที่ 2, บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด ที่ 3, บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) ที่ 4, บริษัท ผู้จัดการจัดจำหน่าย จำกัด ที่ 5, บริษัท เอธนิค เอิร์ธ ดอท คอม โอลดิ้ง จำกัด ที่ 6 เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทและพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

คำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 6 ได้บังอาจร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยการนำบทความ เรื่อง "มติชนกับการล้มกษัตริย์" ที่จำเลยที่ 1 เขียนใส่ร้ายโจทก์ออกเผยแพร่ด้วยตัวอักษรลงในเว็บไซต์ชื่อ "www.manager.co.th" และในเว็บไซต์ชื่อ "www.astvmanager.com" ซึ่งมีจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ให้บริการ และมีจำเลยที่ 6 เป็นผู้ควบคุมคัดเลือกเผยแพร่และรับผิดชอบข้อมูลในเว็บไซต์ทั้งสองดังกล่าว

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ได้บังอาจร่วมกันใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน อีกกระทงหนึ่ง กล่าวคือจำเลยที่ 1 เป็นคอลัมน์นิสต์เขียนบทความลงในคอลัมน์ "หน้ากระดานเรียงห้า" หน้าที่ 12 มีถ้อยคำบทความว่า "มติชนกับการล้มกษัตริย์" มีเนื้อหายืนยันว่า โจทก์กระทำการล้มกษัตริย์ และยังโน้มน้าวให้ผู้อ่านเชื่อว่า โจทก์มีพฤติกรรมล้มกษัตริย์ล้มเจ้า อันเป็นความ ซึ่งจำเลย 2 เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำและควบคุมเนื้อหาที่ลงในหนังสือพิมพ์และมีจำเลย ที่ 3 เป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์ ย่อมต้องรู้เห็นเป็นใจกับจำเลยที่ 1 เพื่อใส่ร้ายโจทก์ดังกล่าวและบทความที่ นายสุรวิชช์ วีรวรรณ จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าว เป็นความเท็จทั้งสิ้น ความจริงโจทก์ไม่เคยกระทำการล้มกษัตริย์หรือล้มเจ้าตามที่ได้ถูกจำเลยทั้ง หมดใส่ความดังกล่าว

เหตุเกิดที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร และแขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และทุกตำบล ทุกอำเภอ ทั่วราชอาณาจักรไทย โจทก์มิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพราะประสงค์จะดำเนินคดีนี้ด้วยตนเอง

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่โจทก์อ้างว่า จำเลยทั้งหกหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยถ้อยคำบทความอันเป็นเท็จ ตามที่กล่าวในคำฟ้องนั้น การใส่ความ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 326,328 จะต้องมีลักษณะเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง หรือความเห็นเกี่ยวกับบุคคลและบทความใดจะเป็นเท็จ ต้องมีข้อความที่เป็นจริงเสียก่อน จึงจะนำมาเปรียบเทียบให้เห็นเป็นความเท็จได้

การกระทำของจำเลยเป็นการเสนอบทความในลักษณะเป็นการตั้งคำถามสงสัย ด้วยความกังวลห่วงใยการเสนอข่าว หรือ บทความเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์โดยสุจริต ตามเหตุตามผลที่ประชาชนทั่วไปย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นได้ มิได้มีลักษณะเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง ว่า “โจทก์กระทำการล้ม กษัตริย์ หรือ เชื่อว่าโจทก์มีพฤติกรรมล้มกษัตริย์ล้มเจ้า” อันเป็นการใส่ความโจทก์แต่อย่างใด ดังนั้นการกระทำของจำเลย จึงไม่เป็นการเผยพิมพ์และเผยแพร่ข้อความเพื่อใส่ความโจทก์อันเป็นความผิดฐาน หมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้อง

ส่วนที่โจทก์ฟ้องประเด็นว่า จำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อข้อความมิได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานนี้ และไม่มีมูลความผิดทางอาญา จึงพิพากษายกฟ้อง

 

ที่มา: เรียบเรียงจาก เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net