Skip to main content
sharethis

ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติไม่รับอุทธรณ์คดียึดทรัพย์46,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว

11 ส.ค. 53 - ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกาเป็นประธานประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เพื่อพิจารณาอุทธรณ์ในคดีหมายเลขแดงที่ อม.1/2553 ระหว่างอัยการสูงสุด ผู้ร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกกล่าวหา คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ผู้คัดค้านที่ 1 กับพวก รวม 22 คน ผู้คัดค้าน เรื่องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน (ชั้นพิจารณาอุทธรณ์) ว่า จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ โดยพิจาณาจากคำร้องอุทธรณ์ใน 5 ประเด็น ทำนองว่า จำเลยมีพยานหลักฐานใหม่สมควรให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกากลับคำวินิจฉัย ปรากฏว่าการประชุมครั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลฎีกา จำนวน 142 คน มาประชุมเพียง 119 คน ขาดประชุม 23 คน เนื่องจากบางท่านป่วยหรือ ลากิจล่วงหน้า จึงมีมติเสียงข้างมากดังนี้ กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ไม่เห็นควรให้รับอุทธรณ์ 103 เสียง (จากยอด 119 เสียง) เห็นควรให้รับอุทธรณ์ 4 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง กรณีของคุณหญิงพจมาน ผู้คัดค้านที่ 1 เห็นควรไม่รับอุทธรณ์ 101 เสียง เห็นควรให้รับ 4 เสียง ส่วนกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สมควรรับอุทธรณ์ 99 คน เห็นควร 2 เสียง เป็นต้น
      
ต่อมาศาลฎีกาได้ออกแถลงการณ์ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2553 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้เงินที่ได้จากการขายหุ้น และเงินปันผลหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 46,373,678,454.70 บาท พร้อมดอกผล เฉพาะดอกเบี้ยที่ได้รับจากบัญชีเงินฝาก นับตั้งแต่วันฝากเงินจนถึงวันที่ธนาคารส่งเงินจำนวนดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มี.ค.53 ผู้ถูกกล่าวหา และผู้คัดค้านที่ 1-5 ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และเมื่อวันที่ 27 เม.ย.53 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เลือกองค์คณะพิจารณาอุทธรณ์ 5 คน ประกอบด้วย นายพีรพล พิชยวัฒน์ รองประธานศาลฎีกา นายสมศักดิ์ จันทรา ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา นายมานัส เหลืองประเสริฐ ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา และนายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา โดยองค์คณะผู้พิพากษาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ได้ทำบันทึกความเห็นสรุปสำนวนเสนอที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อพิจารณา ซึ่งที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ประชุมพิจารณาแล้วมีมติว่า อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหา และผู้คัดค้านที่ 1-5 ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 278 วรรค 3 ประกอบระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์อุทธรณ์พิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีมีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ พ.ศ.2551 ข้อ 3 – 6 จึงไม่รับไว้พิจารณา
      
ทั้่งนี้ สำหรับบรรยากาศในที่ประชุม ภายหลังจากนายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานที่ประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้เปิดประชุมแล้ว ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในชั้นพิจารณาอุทธรณ์ จึงได้แถลงเปิดประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย รวมทั้งข้ออุทธรณ์ของผู้คัดค้านและผู้ร้อง ปรากฎว่ามีผู้พิพากษาเพียง 2 ท่าน ที่แถลงว่าสมควรรับฏีกาโดยเป็นการแถลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

ที่มาข่าว:
ศาลฎีกาไม่รับอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ “พ.ต.ท.ทักษิณ” (สำนักข่าวไทย, 11-8-2553)
http://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/88869.html

คดียุติ! ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาไม่รับอุทธรณ์ค้านยึดทรัพย์ทักษิณ (ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 11-8-2553)
http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000111242

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net