Skip to main content
sharethis

ศอ.รส.เตรียมขออำนาจศาลในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่วันพรุ่งนี้ (5เม.ย.) เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ชุมนุมโดยสงบตามมาตรา 67 แห่งรัฐธรรมนูญ

4 เม.ย. 53 - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่น และประธานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีการกำหนดเส้นตาย เพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ แต่อย่างไรก็ตามหากมีความเป็นไปได้อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัวไปไม่เกิน วันนี้ หรือพรุ่งนี้ ขณะนี้ กำลังให้ฝ่ายกฎหมายของศอ.รส.เตรียมยื่นคำร้องเพื่อขออำนาจศาล ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่วันพรุ่งนี้ (5เม.ย.) เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ชุมนุมโดยสงบตามมาตรา 67 แห่งรัฐธรรมนูญ

"ตำรวจได้จัดรถกระจายเสียงไปรอบบริเวณการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ราช ประสงค์ เพื่อให้ทราบว่าการชุมนุมขณะนี้ผิดกฎหมาย หากไม่ได้ผลก็ต้องมีมาตรการต่อไป และจะดำเนินการจากเบาไปหาหนัก ไม่อยากใช้คำว่าปะทะ แต่จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเข้ากดดัน โดยจะปฏิบัติอย่างละมุนละม่อมที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน" นายสุเทพ กล่าว

โฆษก ศอ.รส.เผยกลุ่มผู้ชุมคนเสื้อแดงเปิดเส้นทางจราจรบางส่วนแยกราชประสงค์ตามคำขอของรัฐบาลแล้ว

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก ศอ.รส. แถลงผลการประชุม ศอ.รส. ซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ว่าที่ประชุม ศอ.รส. ได้มีการสอบถามถึงความคืบหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเมื่อวาน (3เม.ย.)ได้พยายามที่จะไปเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)เพื่อขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงออกจากพื้นที่แยกราชประสงค์ ซึ่งทางแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปเจรจาว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยังมีจำนวนมากและมีอารมณ์ค่อนข้างฮึกเฮิมอยู่จึงไม่ยังไม่สามารถที่จะพูดคุยกับผู้ชุมนุมได้ แต่อย่างไรก็ตามในเช้าวันนี้ พล.ต.อ.ภานุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา และผู้ที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการนัดหมายเจรจากับแกนนำกลุ่ม นปช. อีกครั้ง ซึ่งจากผลการเจรจาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการชี้แจงให้ทราบถึงความเสียหายที่เกิดจากการชุมนุมโดยเฉพาะความเสียทางธุรกิจ และความเสียหายที่มีผลกระทบต่อประชาชนที่เจ็บป่วยและมีความจำเป็นจะต้องใช้บริการจากโรงพยาบาลในบริเวณนั้น ตลอดจนความเสียหายในด้านอื่น ๆ อีกจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าทางแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ได้ตอบรับที่จะออกจากบริเวณพื้นที่แยกราชประสงค์แต่อย่างใด เพียงแต่มีการผ่อนคลายการเจราจรลงบ้างส่วน คือ ยอมเปิดเส้นทางจราจรให้ 2 เส้นทาง โดยเส้นทางที่หนึ่งคือ เส้นทางสุขุมวิทที่จะมาเพลินจิต และเลี้ยวไปทางแยกราชประสงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำริ อีกเส้นหนึ่งคือถ้ามาจากทางโรงแรมดุสิตธานี เข้าถนนราชดำริ มาที่แยกราชประสงค์ ก็สามารถที่จะเลี้ยวซ้ายไปเข้าถนนพระรามที่1 ได้ ตรงนี้ก็คือผลการเจรจาในเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ยอมเปิดเส้นทางการจราจรให้บางส่วน

อย่างไรก็ตามแต่ โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า การเจรจาในภาพรวมยังไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ ศอ.รส.ได้กำหนดเงื่อนไขเอาไว้คือขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ออกไปจากบริเวณพื้นที่แยกราชประสงค์ โดยขณะนี้จากที่ได้รับรายงานจากผู้ที่เกี่ยวข้องถึงยอดผู้ชุมนุมนั้น พบว่าในบริเวณพื้นที่แยกราชประสงค์มีผู้ชุมนุม จำนวนประมาณ 7,000 - 8,000 คน ส่วนในพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า มีอยู่จำนวนประมาณ 10,000 คน ทั้งนี้จะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ดีของแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามจะนำเสนอข้อมูลผ่านทางสถานีโทรทัศน์พีเพิล ชาแนล ระบุว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ในขณะนี้เป็นจำนวนมากนั้น ความจริงแล้วจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมในบริเวณดังกล่าวขณะนี้มีเพียงแค่ จำนวน 8,000 คน เท่านั้น

"ทั้งนี้อาจจะมีการตัดต่อภาพบางส่วนที่เกิดจากการชุมนุมเมื่อวานนี้ (3เม.ย.) ตอนเที่ยงซึ่งหากลองสังเกตดูก็จะพบว่าภาพที่ปรากฏทางสถานีโทรทัศน์พีเพิล ชาแนล เป็นภาพที่ผู้ชุมนุมนั้นนั่งกางร่มอยู่ ซึ่งเมื่อเช้าถ้าไปตรวจสอบภาพจริงที่เกิดขึ้นก็จะเห็นว่ามีคนเพียงเล็กน้อยกระจายอยู่ และแดดก็ยังไม่ร้อนอันนี้สังเกตได้ และตรงนี้ก็คือข้อมูลความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ โดยจากนี้ต่อไปคงจะเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในลักษณะของการชี้แจงอธิบายความผ่านเครื่องขยายเสียงในบริเวณพื้นที่ชุมนุม เพื่อให้ได้ทราบว่าสิ่งที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ชุมนุมในพื้นที่บริเวณราชแยกราชประสงค์ และแกนนำอ้างว่าเป็นการชุมนุมที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยสงบนั้น แท้จริงแล้วขณะนี้ผิดกฎหมายเนื่องจากศอ.รส.ได้ประกาศให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา " โฆษก ศอ.รส. กล่าว

โฆษก ศอ.รส. กล่าวถึงสิ่งที่สังคมกำลังมองอยู่ในขณะนี้เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า มี 2 ลักษณะ โดยลักษณะที่ 1 คือ เมื่ออกประกาศให้ออกจากพื้นที่แล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำอะไรไม่ได้เลยหรือ ส่วนลักษณะที่ 2 คือ ไม่ยากให้เกิดความรุนแรงและการเผชิญหน้ากัน ซึ่งถ้าหากมีการเข้าจับกุมในเวลานี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อความเสียหายในบริเวณพื้นที่ เนื่องจากอารมณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมอาจจะทำลายทรัพย์สินของผู้ประกอบการธุรกิจในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้คือสิ่งที่ ศอ.รส.กำลังบริหารจัดการว่าแค่ไหน อย่างไรถึงจะเกิดความเหมาะสม แต่จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างแน่นอน เพียงแต่อาจจะต้องรอเวลา

ต่อข้อถามว่า วันนี้มีการพูดคุกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อให้ออกจากพื้นที่ทั้งหมดเลยหรือไม่ เพราะพรุ่งนี้ถนนในบริเวณนั้นจะต้องมีการสัญจร โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า พยายามพูดคุยในบริเวณนี้อยู่ เพียงแต่เมื่อช่วงเช้าได้มาส่วนหนึ่ง คือได้มีการเปิดการจราจรเพียง 2 เส้นทาง ซึ่งเชื่อมั่นว่าถ้าวันนี้สถานการณ์ยังคงเป็นไปอย่างนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมกำลังทยอยกลับต่างจังหวัดก็คงจะมีความเป็นไปได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้มีข้อมูล ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนอาจจะเคลื่อนไปที่ธนาคารกรุงเทพที่สีลมนั้น ทาง ศอ.รส.คงจะไม่ปล่อยให้มีการดำเนินการเหมือนอย่างเมื่อวานนี้ (3เม.ย.) ที่จะเคลื่อนไปที่ไหนก็ได้ ซึ่งส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ ตรงนี้คงต้องมีการตั้งจุดสกัดก่อนที่จะมีการเคลื่อนตัวไปชุมนุม

ต่อข้อถามว่า ยังมีการยืนยังจะมีการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์อยู่หรือไม่ โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า ณ ขณะนี้ ยังเป็นเช่นนั้นอยู่

ณัฐวุฒิไม่หวั่น ชี้ พธม. ยึดสนามบินยังใช้เวลาดำเนินการทางกฎหมายนาน

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงบนเวทีปราศรัย กรณีที่ ศอ.รส.ประกาศว่าการชุมนุมที่ราชประสงค์เป็นการผิดกฎหมาย และจะมีการร้องต่อศาลเพื่อบังคับคดี โดยกล่าวว่า ไม่รู้สึกวิตกกังวล หากมีการดำเนินคดีต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี มีตัวอย่างจากคดีพันธมิตรฯบุกยึดสนามบิน ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินคดีเอาผิดกับใคร อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันนี้ แกนนำเสื้อแดงจะประชุมอีกครั้งว่าจะชุมนุมที่ใดอีกหรือไม่ เพื่อเพิ่มแรงกดดันรัฐบาล นอกจากที่เวทีผ่านฟ้าฯและเวทีราชประสงค์ ที่ยืนยันว่าจะดำเนินการควบคู่กันไป

ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์, ASTV ผู้จัดการออนไลน์, กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net