Skip to main content
sharethis

อภิสิทธิ์ ค้านข้อเสนอ กอ.รมน. ยืดอายุ พรบ.ความมั่นคง ไปจนถึงวันที่ 7 เมษายน เชื่อสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงได้ ยัน เจรจาม็อบแดงต้องไม่มีผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

20 มี.ค.53  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินจาก บก.ศอ.รส.ไปยังแหล่งนายทหารกิตติสุข ร.11 พัน 2 รอ.เพื่อต้องการพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างไม่เป็นทางการ โดยให้เหตุผลว่าตลอดทั้งวันไม่ได้เจอกันก็เลยอยากให้บรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการสอบถามว่า มาพักอยู่ที่ ร.11 รอ.หลายวันแล้วคิดถึงครอบครัวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า "คิดถึงคนมากกว่า" เมื่อถามว่า ภรรยาเป็นห่วงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ ส่วนลูกสาว(น.ส.ปราง)ช่วงที่มีการชุมนุมไปเกาหลีแต่เขาบอกว่าขออย่าให้มีการปิดสนามบินเท่านั้น

ส่วนระหว่างปัญหาของกลุ่ม นปช.กับปัญหาของพ.ต.ท.ทักษิณ สิ่งไหนเป็นปัญหาหลักมากที่สุด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ปัญหาของกลุ่มนปช.เรื่องการยุบสภา เรื่องของประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ปัญหาส่วนตัวของคุณทักษิณไม่ใช่ปัญหาของส่วนรวม" ด้านกระแสข่าวเรื่องมีทหารแตงโมอยู่ในกองทัพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงคำพูดนี้นายวีระ มุกสิกพงษ์ เคยพูดมาตั้งแต่ปี 2519 โดยกล่าวถึงพรรคพลังใหม่ที่มี น.พ.กระแส ชนะวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรคเพราะขณะนั้นพรรคพลังใหม่ข้างนอกมีแต่ของใหม่ แต่ข้างในเป็นคอมมิวนิสต์"

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนตามเส้นทางตามๆใน กทม. ซึ่งในภาพรวมเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งขอขอบคุณประชาชนทุกกลุ่มที่ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของเหตุการณ์ที่ทำให้ เกิดความไม่สงบ และขอเรียนว่าในส่วนแนวทางของรัฐบาลยังยืนยันว่าเราพร้อมที่จะพูดคุยกับตัว แทนผู้ชุมนุมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของส่วนรวม ส่วนผู้ชุมนุมจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ชุมนุมเอง

ล่าสุดสมาชิกวุฒิสภากลุ่มหนึ่งประสานงานมา โดยเบื้องต้นจะเชิญตัวแทนของรัฐบาลไปพูดคุย 2 คน ซึ่งตนได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ส่วนตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อแดง นปช. มี นพ.เหวง โตจิราการ ส่วนความคาดหวังจากการพูดคุยนั้นคงพูดอะไรล่วงหน้ายาก แต่เป็นสิ่งที่ดีที่เขาพร้อมมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดอดีตแกนนำของพรรคไทยรักไทย เริ่มเข้ามามีบทบาท และพล.อ.ชวลิต ยงในยุทธ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะขึ้นเวทีปราศรัย ถือเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้ผู้ชุมนุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงเป็นความพยายามในการที่จะรวมกลุ่มให้เป็นรูปธรรม ในลักษณะที่เปิดเผยมากขึ้น ซึ่งความจริงก็เชื่อมโยงกันมาตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้เปิดเผยชัดเจนขึ้น เพื่อประโยชน์ในการที่จะเพิ่มเอกภาพหรือระดมทุกส่วนมาเรื่องของการเคลื่อนไหว

เมื่อถามว่า ความเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อ รัฐบาลจำเป็นต้องต่อพ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชณาจักรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) เสนอความเห็นมาภายในวันจันทร์ ที่ 22 มีนาคม เพราะการประกาศจะดำเนินการในวันอังคาร ที่ 23 มีนาคม ซึ่งอำนาจที่จะประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่เป็นของครม.ที่จะประชุมในวัน อังคาร ส่วนสถานที่การประชุมขณะนี้ยังไม่ได้ตกลงกันจะดูตามความเหมาะสม ส่วนที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มีความเห็นว่าจะขยายถึงวันที่ 7 เมษายน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการรายงานเข้ามา แต่ในความเห็นของตนไม่น่าขยายยาวขนาดนั้น

เมื่อถามว่า ได้ประเมินหรือไม่ว่าจะสามารถทำงานเป็นปกติได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนจะดูความพอดีคือด้านหนึ่งในช่วงที่เหตุการณ์ยังมีความตรึงเครียด เช่น ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ไม่ประสงค์ที่จะไปเป็นเงื่อนไขเติมความขัดแย้ง แต่อีกด้านหนึ่งระยะเวลาผ่านมาพอสมควร ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็ต้องการเห็นการนำสังคมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉะนั้นจะค่อยๆทำไป เช่น เรื่องการคืนพื้นที่บางส่วน ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตกลงแล้ว ส่วนการเข้าไปทำงานของตนจะดูความเหมาะสมของสถานการณ์ ที่จริงแล้วหากผู้ชุมนุมจะใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย อันนี้อาจจะเป็นประเด็นหนึ่งที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ได้พูดคุยกับทั้ง 2 ฝ่ายอยู่แล้ว ซึ่งไม่ทราบว่าในวันจันทร์จะมีการพูดเรื่องนี้ในการหารือกับวุฒิสภาหรือไม่

ส่วนการเจรจาเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมายังยืนยันว่าจะต้องยุบสภาก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นึกไม่ออกว่าหากยุบสภาแล้วจะคุยอะไรกัน เมื่อถามว่า ต้องมีการถอยกันก่อนหรือไม่ เพราะจะได้ไม่ต้องมีเงื่อนไขในการเจรจา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราไม่พยายามทำให้รูปแบบให้มันแข็งตัว รัฐบาลต้องการเห็นความสงบเรียบร้อย แต่รัฐบาลก็ต้องการที่จะยืนหยัดหลักของบ้านเมือง หากผู้ชุมนุมเห็นว่าอยากจะให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยแลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุ ด้วยผลก็ต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่พูดคุยกันแสดงให้เห็นว่าไม่มีความต้องการที่จะรับฟังฝ่ายอื่นเลย ก็จะเอาความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ ซึ่งตนเห็นว่าไม่ใช่วิสัยของนักประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า รัฐบาลอยากพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดเงื่อนไขอะไรเลย เพียงแต่บอกว่าถ้ารัฐบาลจะยุบสภารัฐบาลต้องมีเหตุผลว่าการยุบสภาเพื่อแก้ ปัญหานำไปสู่ความเป็นปกติความสงบของบ้านเมือง จริงอยู่มีผู้ชุมนุมและผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งที่มากพอสมควร ที่บอกว่าการยุบสภาเป็นสิ่งที่เขาต้องการ แต่มีประชาชนจำนวนไม่น้อยซึ่งไม่ทราบว่าฝ่ายไหนมากกว่ากัน ที่บอกว่ายังไม่อยากให้ยุบสภา ตนมีหน้าที่ในการทำงานให้กับคนทั้งประเทศ การบริหารงานก็ต้องฟังเสียงคนทั้งประเทศ เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ยังดำรงอยู่จะทำความเสียเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "เราคงไม่ให้สถานการณ์อย่างนี้ดำรงไปจนไม่มีที่ สิ้นสุด ผมก็เรียนว่าหากการชุมนุมอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด แม้จะมีการกระทบกระเทือนถึงความไม่สะดวกบ้าง ก็ไม่มีผลมากนัก ตอนนี้สิ่งที่เราต้องการที่จะให้เกิดความชัดเจนคือผู้ชุมนุมจะชุมนุมอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งถ้าเขายอมทำได้ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี ถ้าเขาไม่ยอมทำก็เป็นเรื่องที่ผมจะตัดสินใจต่อไป ว่าจะดำเนินการอย่างไรในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด"

เมื่อถามว่า ขั้นตอนต่างๆจะใช่เวลาอีกนานหรือไม่ หรือจะปล่อยให้สถานการณ์เดินไปเรื่อยๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เราประเมินอยู่ตลอด เนื่องจากตนเห็นว่าวันจันทร์จะมีการพูดคุยกันด้วย ซึ่งน่าจะมีการพูดคุยกันเบื้องต้นก่อน ก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจอะไรต่อไป เมื่อถามว่า หากมีการปิดล้อมสถานที่ราชการหรือสถานที่นายกฯทำงาน จะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งในการปฏิบัติกับผู้ชุมนุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมอยากย้ำว่าการกระทำเหล่านั้นได้มีคำวินิฉัยของศาลปกครองกลางแล้วว่าไม่ เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ พูดง่ายหากปิดล้อมสถานที่ราชการไม่ได้เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญอีกต่อไป รัฐบาลก็มีสิทธิที่จะสลายการชุมนุม แต่ตนต้องการที่จะรักษาบรรยากาศของบ้านเมือง ซึ่งในช่วง 7 - 8 วันที่ผ่านมา ก็หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเงื่อนไข แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งตนคิดว่าประชาชนคนไทยมีความต้องการและมีสิทธิที่จะให้ บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งต้องดูกันต่อไป

ส่วนจำเป็นต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า

“ผมไม่สาม รถจะตอบล่วงหน้าได้ เพราะการใช่พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่เกิดขึ้น” เมื่อถามว่า กลัวซ้ำรอยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ไม่ซ้ำ อยู่แล้วเพราะท่าทีต่างๆตั้งแต่ต้นไม่เหมือนกัน รัฐบาลคุณสมชายมีปัญหาเพราะไปทำร้ายผู้ชุมนุมก่อน รัฐบาลนี้ไม่เคยทำร้ายผู้ชุมนุมก่อน แม้ว่าจะมีคนบิดเบือนเอาคลิปเสียงเท็จมาเพื่อที่จะให้เป็นแบบนั้น แต่ข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ ซึ่งสภาและหลายฝ่ายเคยตรวจสอบแล้ว ฉะนั้นอย่างไรก็ไม่เหมือนรัฐบาลนายกฯสมชาย”

ต่อข้อถามว่า แต่ล่าสุดนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย แถลงว่าพรรคจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสภาทั้งหมด และอาจรวมถึงเรื่องการเจรจาด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบและเห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังประชุมเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจกันอยู่ และถามคนอื่นในพรรคครบหรือไม่เพราะตนเห็นว่าส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน อยากทำหน้าที่ในสภา โดยเฉพาะการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอถามว่าพรรคเพื่อไทยประชุมเมื่อใด ที่ผ่านมานายวรวัจน์พูดในสภาก็มีท่าทีแปลกๆอยู่

เมื่อถามว่าการเจรจาในครั้งนี้นั้นควรมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและทางการเมือง เช่นนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน มาร่วมหารือด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในชั้นนี้การที่มีตัวแทนมาพูดคุยเบื้องต้นก่อน และควรเปิดทางเลือกต่างๆไว้ตนเชื่อว่าผู้ใหญ่หลายคนจากพรรคอื่นๆไม่จำเป็น ต้องเป็นพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการพูดคุยก็ไม่เป็นปัญหาตน บอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุม ตนยืนยันว่ารัฐบาลไม่ใช่คู่กรณีแต่รัฐบาลมีหน้าที่ตัดสินใจเพื่ออนาคตของ บ้านเมืองที่ดีที่สุด ฉะนั้นหากมีอะไรที่คุยด้วยเหตุผลได้ หากรัฐบาลเห็นว่าเหมาะสมก็ตัดสินใจ หากไม่เหมาะสมก็จะให้เหตุผลของรัฐบาลไป การหาเหตุผลนั้นตนไม่คิดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะมีสิทธิผูกขาดหรือควรมีสิทธิดี ไปกว่าผู้ที่ไม่มาชุมนุมหรือผู้ที่มีความเห็นอื่น

เมื่อถามว่า นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช.จะพาคนเสื้อแดงมาที่
ร.11 รอ.อีกรอบขณะที่นายกฯบอกว่าสัปดาห์หน้าจะทำให้การทำงานของรัฐบาลกลับสู่ภาวะปกติ มาตรการที่นายกฯวางเอาไว้จากเบาไปหาหนักจะดำเนินการจริงจังแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนพูดมาแต่ต้นว่าในการปฏิบัติจะเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมายและหลักสากล ดังนั้นเรื่องเบาไปหาหนักชัดเจนตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ส่วนนายอริสมันต์ ขณะนี้เข้าใจว่ามีการถอนประกันและมีหมายจับด้วย เมื่อถามว่า นายอริมันต์ก็ยังอยู่บนเวทีคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ ตอบสวนกลับทันทีว่า "ก็เข้าใจว่าไม่กล้าออกมาหรอกครับ" เมื่อถามต่อว่า ถ้าเช่นนั้นเจ้าหน้าที่สามารถบุกไปจับกุมบนเวทีได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็กำลังจะดูเพราะถ้าจับแล้วเกิดปัญหาลุกลามไปก็คงไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์นักเพราะการต้องการจับกุมและถอนประกันเพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบ และเจ้าตัวไปพูดจาลักษณะที่ยุยงให้เกิดความไม่สงบ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ยืนยันว่านายอริสมันต์ถึงได้อยู่ที่เวทีปราศรัยใหญ่

ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้ทางออกโดยการออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรมทางการเมืองยกเว้นคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "มันไม่ใช่ข้อเรียกร้องในขณะนี้" เมื่อถามต่อว่า แต่มันน่าจะเป็นทางออกได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ถ้าผู้ชุมนุมเขาบอกเขาไม่ได้สนใจจะให้ยุบสภา ตนถึงบอกว่าของอย่างนี้มันต้องมีพูดคุยกันขนาดพวกเราที่เป็นสื่อมวลชนยังเข้าใจเลยว่ามันยังมีเรื่องอื่นอยู่อีก ไม่ใช่เฉพาะการยุบสภา ถ้าเกิดไม่คุยกันให้ครบถ้วนเราจะไม่มีหลักประกันว่ามันเป็นทางออกสำหรับสังคมหรือประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งขณะนี้เบื้องต้นเป็นของนปช.แต่ท่าทีของพรรคเพื่อไทยนั้นตนไม่ทราบเพราะว่าอย่างที่บอกว่านายวรวัจน์พูดนั้นเป็นมติที่ประชุมหรือเปล่า หรือเป็นที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค หรือที่ประชุมส.ส.หรืออะไรและอย่าไปสมมติว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ถึงเวลาค่อยมาดูกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้นายกฯมองว่าทางออกมันที่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าถ้าผู้ชุมนุมอยู่ในกรอบทุกอย่างก็เดินหน้าไปและมาพูดคุยได้ แต่ตนไม่ลงรายละเอียดอะไรเพราะหากตนพูดมากไปกว่านี้ก็จะกลายเป็นว่าตั้งแง่ตั้งเงื่อนไขอะไร คิดว่ามันอยู่ที่การตั้งหลักก่อนว่าอยากจะมาหาข้อยุติด้วยเหตุผลและคำนึงถึงความเห็นและความรู้สึกของคนอื่นหรือไม่ เมื่อถามว่า แต่นายกฯยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้สถานการณ์มันอึมครึมอยู่ไปอย่างนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เราต้องบริหารให้มีความชัดเจนมากขึ้นเพราะการปล่อยสถานการณ์ให้เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆคงไม่ได้

เมื่อถามต่อว่า เหตุการจะยุติลงก่อนวันสุดท้ายในการประกาศพ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้แต่ถ้ายังมีความจำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงจะใช้ต่อเพราะการใช้ พ.ร.บ.ได้ช่วยให้เราบริหารจัดการไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรงได้ เมื่อถามว่า นายกฯเห็นควรที่จะขยายเวลาใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงออกไปแค่ไหน นายอิภสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องให้นายสุเทพประเมินเสนอมาอีกครั้งแต่ที่ตนเห็นในข่าวว่าไปถึง 7 เม.ย.มันนานเกินไป เมื่อถามว่า การต่ออายุพ.ร.บ.ความมั่นคงจำเป็นต้องครอบคลุมพื้นที่เดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นตนยังคิดว่าน่ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องมีการลดพื้นที่ลงด้วย

เมื่อถามว่า นายกฯมีความอดทนหรือมีกำหนดเวลาขีดเส้นตายให้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ประชาชนในกทม.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่มีปัญหาเรื่องอดทนไม่อดทน แต่ตนเป็นห่วงเรื่องความอดทนของพี่น้องประชาชนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับที่เขาไม่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุมเพราะจะมีความรู้สึกที่รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นต้องทำความเข้าใจกับคนทั้งสังคมว่าทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นอย่างไร เมื่อถามอีกว่า นายกฯห่วงหรือไม่หากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปแล้วจะเสียมวลชนในกทม.ไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ห่วงว่าใครจะเสียมวลชนแต่คิดว่าเราต้องเอาประโยชน์เป็นที่ตั้ง การยิดเยื้อออกไปไม่จบสิ้นลักษณะที่ทำให้เกิดความไม่สะดวกหรือความอึดอัดคงไม่เป็นเรื่องที่ดีก็ต้องว่ากันด้วยเกตุผลแต่ถ้าไม่ยอมใช้เหตุผลกันก็ต้องมีการพิจารณาต่อไปว่าจะทำกันอย่างไร

เมื่อถามว่าขณะนี้กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างรอดูท่าทีกันว่าฝ่ายใดจะใช้ความรุนแรงก่อนกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่มีเป้าหมายใช้ความรุนแรง แต่จะใช้มาตรการต่างๆเพียงเพื่อให้สังคมสามารถกลับมาสู่ความปกติได้ และได้มีการจับตากลุ่มที่จ้องป่วนอยู่ตลอดเพราะเราไม่วางใจจากการข่าวต่างๆเราติดตามอย่างต่อเนื่อง

ต่อข้อถามว่า ฝ่ายตรงข้ามเปิดตัวออกมาชัดเจนและเคยมีประวัติเกิดเหตุรุนแรงเมื่อครั้งพฤษภา 35 มาแล้วแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หมายถึงใคร แต่ก็ดีจริงๆเราทราบว่าเชื่อมโยงกันมาตลอดอยู่แล้วเมื่อเปิดเผยมาจะทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เมื่อถามว่า เท่าที่ติดตามความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่ออกมาชักชวนคนกทม.ออกมาชุมนุมนายกกดันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กดดัน ตนเป็นนักการเมืองลงเลือกตั้งมา 7 ครั้ง เวลามีกิจกรรมต่างๆอย่างนี้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร โดยสภาพข้อเท็จจริงในการเลือกตั้งแต่ละครั้งพรรคที่แทบไม่มีที่นั่งหรือมีที่นั่งน้อยในพื้นที่นั้นเขาก็ได้คะแนนเสียงอยู่ประมาณไม่น้อยกว่าร้อยละ 35-40 ดังนั้นเขาก็มีผู้สนับสนุนแต่บางทีเราไปเข้าใจภาพรวมว่ากรุงเทพฯประชาธิปัตย์มีส.ส. 30 คนจาก 36 คนแปลว่าอีกฝ่ายไม่มีผู้สนับสนุนนั้นไม่ใช่ เช่นกัน ตนมีส.ส.อยู่ภาคเหนือโซนสูงสุด 4 คนก็จริงแต่คะแนนเสียงตนก็มีเกือบร้อยละ 40 เหมือนกันไม่ได้มีอะไรน่าแปลกใจ ส่วนคนที่ไม่สนับสนุนการชุมนุมวันนี้ตนต้องขอบคุณว่าเขาไม่ออกมาทำอะไรที่ทำให้เกิดการปะทะกัน ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรืออยู่ในบ้าน เมื่อถามว่า นายกฯประเมินจำนวนผู้ชุมนุมจากวันนี้ไปจะลดลงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ตนจะประเมิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดทางการดูไบก็ยังอนุญาตให้พ.ต.ท.ทักษิณเข้าไปได้จะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็มีการประสานงานกันส่วนใหญ่ ทางดูไบจะมีปัญหาว่าเขาไม่ทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะไปทำกิจกรรมตอนไหน แต่โดยหลักแล้วเขาบอกว่าอยู่ที่ดูไบ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรจะทำกิจกรรมที่เป็นปัญหากับประเทศเรา พอเกิดขึ้นแต่ละครั้งมันต้องไปตามบอกทางดูไบทีหลัง ซึ่งทางดูไบคงดำเนินการไปตามความเหมาะสมของเขาส่วนเราก็ต้องแจ้งข้อมูลไปตลอด เหมือนกับที่เราให้ข้อมูลไปยังมอนเตรเนโกร

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะยื่นข้อต่อรองไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องกระทำในขณะนี้หรือจะคุยกับแกนนำนปช.อย่างเดียว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่มีสิทธิไปต่อรองอะไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ พ.ต.ท.ทักษิณมีหน้าที่ทำตัวให้เหมือนกับคนไทยคือรับผลพวงของกฎหมายไทยและการกระทำของตัวเอง มิเช่นนั้นจะทำให้สังคมนี้มีชนชั้น คือใครรวยไม่ต้องรับผิดซึ่งเป็นไปไม่ได้ เมื่อถาม เกรงหรือไม่ว่าแกนนำนปช.จะนำมาคุยกับนายกฯและรัฐบาลจะเป็นหนึ่งในข้อเสนอของพ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เกรงตนบอกแล้วว่าคุยในเรื่องเงื่อนไขส่วนรวมแต่ผิดเป็นถูกตนไม่มีสิทธิทำ

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกำหนดการเดินทางเยือนประเทศบรูไนในวันที่ 29 มี.ค.ต่อเนื่องด้วยการเยือนประเทศบาห์เรนในวันที่ 30-31 มี.ค. ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการเดินทางเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น)ที่ประเทศเวียดนาม ในระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย. และการเดินทางเพื่อเข้าร่วมประชุม"นิวเคลียร์ ซัมมิท"ระหว่างวันที่ 12-14 เม.ย.ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตนจะพยายามทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติให้ได้โดยเร็ว ซึ่งในสัปดาห์หน้าตนก็จะเดินทางไปประชุมสภาในวันพุธและพฤหัสฯ ส่วนวันศุกร์ทราบว่าจะมีการจัดประชุมสหภาพรัฐสภา(IPU) จนถึงวันอาทิตย์ก็คงไม่มีอะไร

 
 
 
ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net