Skip to main content
sharethis

สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์คัดค้านระเบียบฯ องค์การอิสระ(เฉพาะกาล)ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง ซึ่งคณะรัฐมนตรีใความเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา ชี้เป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 5 ประการ ระบุ คณะกรรมการ 4 ฝ่ายและรัฐบาลเร่งรีบอย่างลุกรี้ลุกรน เพื่อตอบสนองความต้องการหรือแรงกดดันของกลุ่มนายทุนอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ โดยมองข้ามบริบทของการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ตอนท้ายแถลงการณ์ระบุด้วยว่า จำเป็นต้องพึ่งระบบตุลาการศาลยุติธรรม เพื่อหาข้อยุติให้เป็นที่สุด โดยจะดำเนินการยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อเพิกถอนระเบียบฯดังกล่าวเสีย ในวันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ.2553 เวลา 10.00 น. ณ ศาลปกครองสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ

 
 
0 0 0
 
แถลงการณ์สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
เรื่อง คัดค้านระเบียบฯ องค์การอิสระ(เฉพาะกาล)ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง
 
 
 
            ตามที่คณะกรรมการคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่มี ฯพณฯอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานฯได้กำหนดให้มีองค์การอิสระตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสองโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียได้ร่วมให้ความคิดเห็น และคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบพร้อมประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2553 ที่ผ่านมานั้น เป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ดังนี้
 
1)    การกำหนดให้มีคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระขึ้นมาโดยพลการ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญมิได้กำหนดให้มี เป็นการต่อเติมเสริมแต่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพื่อสืบทอดอำนาจของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายชุดปัจจุบันให้ยืดยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นการใช้เล่ห์หรือเทคนิคทางกฎหมายที่ไม่อาจยอมรับได้ ทั้งๆ ที่บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายควรมีอายุสิ้นสุดเพียงไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น
 
2)    การกำหนดให้มีเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้ามาเป็นคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นองค์การอิสระฯ ทั้งๆ ที่กฤษฎีกาเคยคัดค้านการจัดตั้งองค์การอิสระในรูปแบบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศมาโดยตลอด แต่เมื่อคณะกรรมการ 4 ฝ่ายมอบหมายให้สำนักงานกฤษฎีกาไปยกร่างรูปแบบองค์การอิสระในกฎหมายอื่นมาแทน กลับไปสร้างรูปแบบคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระนอกรัฐธรรมนูญขึ้นมา โดยใส่ตำแหน่งของตนเองเข้าไปเป็นกรรมการด้วย ถือว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ประหนึ่งตั้งเรื่องเอง ชงเรื่องเอง และกินเอง อย่างน่าเกลียด
 
3)    การมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ ย่อมขัดต่อความเป็นอิสระขององค์การอิสระ เพราะนายกรัฐมนตรีย่อมสามารถให้คุณให้โทษต่อองค์การอิสระได้ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งในอนาคตก็ตาม เพราะหากองค์การอิสระได้ให้ความเห็นในลักษณะที่ขัดหรือแย้งต่อโครงการหรือกิจกรรมที่เป็นแนวนโยบายหรือไม่สนองตอบต่อความต้องการของรัฐบาลก็เป็นได้
 
4)    การกำหนดการใช้งบประมาณขององค์การอิสระต้องผูกโยงอยู่กับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและหรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีแนวคิดไม่เห็นด้วยกับการตั้งองค์การอิสระเป็นองค์กรเดียวระดับชาติมาโดยตลอด ย่อมส่งผลต่อการใช้เล่ห์เหลี่ยมในด้านการบริหารจัดการทางงบประมาณที่ไม่ให้เพียงพอได้ หรือล่าช้า โดยอ้างระบบราชการ ทำให้องค์การอิสระไม่สามารถทำงานระดมหรือจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียได้รอบด้านเพียงพอ เพื่อให้ได้มาซึ่งความเห็นได้อย่างเต็มที่ได้ เพราะมีระยะเวลาการทำความเห็นที่จำกัดเพียง 60 วันเท่านั้น
 
5)    การได้มาซึ่งข้อยุติของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายทั้งเรื่องหลักเกณฑ์การทำ EIA, HIA การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย และการตั้งองค์การอิสระตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง ไม่เคยนำข้อยุติดังกล่าวไปจัดเวทีหรือเปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นของประชาชนหรือผู้มีส่วนได้เสียเลย ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญ และนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ กำหนดไว้ชัดเจนว่า การดำเนินการดังกล่าวต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความเห็นและตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ขัดต่อกฎหมายหลายฉบับและขัดต่อนโยบายของรัฐบาลอย่างชัดเจน
 
เหตุทั้ง 5 ประการดังกล่าวมีเหตุผลเพียงพอแล้ว และณ เวลานี้ ไม่สามารถหาข้อยุติใด ๆ ได้อีกต่อไป
ตามระบบการบริหารจัดการในทางรัฐศาสตร์ เพราะการเร่งรีบอย่างลุกรี้ลุกรนของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายและรัฐบาล เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการหรือแรงกดดันของกลุ่มนายทุนอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ โดยมองข้ามบริบทของการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงจำเป็นต้องพึ่งระบบตุลาการศาลยุติธรรมอีกครั้ง เพื่อหาข้อยุติให้เป็นที่สุดดังกล่าว โดยจะดำเนินการยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อเพิกถอนระเบียบฯดังกล่าวเสีย ในวันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ.2553 เวลา 10.00 น. ณ ศาลปกครองสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ
 
 
 
แถลงมา ณ วันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2553
 
นายศรีสุวรรณ จรรยา
นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
 
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net