Skip to main content
sharethis

 

"มาร์ค" โต้ลอกประชานิยม ปัดข้อหาทุนนิยมสามานย์ แจงเหตุไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน "เฉลิม" ชำแหละ18 มาตรการกระตุ้นศก. เม็ดเงินไปกระจุกตัวอยู่ที่พรรคแกนนำตั้งรัฐบาล เงินอยู่ในมือนายกฯกว่า 4,000 ล้าน ส่วนสภาฯเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบฯกลางปี 238 ต่อ 1
เวลา 23.55 น. วันที่ 28 มกราคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวสรุปถึงความจำเป็นการจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติมเพื่อเข้าไปแก้ปัญหาในโครงการต่างๆ ทุกภาคส่วน พร้อมกับขอเพื่อนสมาชิกในสภาช่วยกันผ่านความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี งบประมาณ 2552
 
เวลา 00.35 น. วันที่ 29 มกราคม มีการเสนอปิดอภิปรายแล้ว นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ให้เช็คองค์ประชุม ปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมประชุม 258 คนถือว่าเกินกึ่งหนึ่งจึงให้มีการลงมติ รับหลักการร่างพ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม 2552 หรือไม่ ผลการลงคะแนน เห็นด้วย 238 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง ไม่ลงคะแนน 15 เสียง ถือว่ารับหลักการในวาระที่ 1 และให้ตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณา รวม 35 คน แปรญัตติภายในเวลา 5 วันและปิดประชุมในเวลา 00.59 น.
 
"จุรินทร์" ยันจัดซื้อไม่มีทุจริต
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2552 เริ่มเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 มกราคม และมีการอภิปรายต่อเนื่องจนถึงค่ำ
กระทั่งเวลา 21.15 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ ได้ชี้แจงว่า กรณีที่สมาชิกสงสัยโครงการเรียนฟรี 15 ปี ที่ต้องมาใช้งบเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 52 แทนที่จะตั้งไว้ในงบปกตินั้น เพราะปีการศึกษาที่จะถึงหากไม่ตั้งงบเพิ่มเติม ก็จะไม่มีงบประมาณในจุดนี้ ทั้งนี้โครงการนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขยายโอกาสทางการศึกษา เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดขั้นต่ำ 12 ปี และการเรียนฟรีนั้น เป็นการจัดให้ฟรี 5 หมวดคือ ค่าเล่าเรียน ตำรา อุปกรณ์ เครื่องแบบ และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพ  
 
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนกรณีตำราเรียนที่มีการอภิปรายว่า ราคากลางจากองค์การค้าคุรุสภาแพงกว่าเอกชนเป็นเท่าตัว เมื่อตนขอให้นำเอกสารมาแสดงให้ประธาน สมาชิกที่อภิปรายก็ไม่นำมานั้น ขอชี้แจงว่า การจะเปรียบเทียบต้องดูคุณภาพหนังสือ กระดาษ ปริมาณหน้า ระบบการพิมพ์ ด้วยเกณฑ์ที่เสมอกัน นอกจากนี้ องค์การค้าก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า ราคาไม่ได้สูงกว่าของเอกชนอย่างที่มีการอภิปราย อยากให้สบายใจว่า ตำราที่จะจัดให้นั้น กระทรวงจะไม่ใช่ผู้จัดซื้อ เพราะไม่ต้องการให้เกิดคำครหานินทา และประกาศนโยบายชัดไปแล้วว่า กระทรวงจะไม่จัดซื้อ กรณีนี้จะให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนดำเนินการ เพราะโรงเรียนจะเป็นเจ้าของตำรา โดยจะใช้ระบบให้นักเรียนยืมเรียน 1 ชุด 3 ปี และโรงเรียนสามารถมีทางเลือกจัดซื้อจากไหนก็ได้ เพียงแต่กระทรวงจะตั้งงบในราคามาตรฐานขององค์การค้า ซึ่งดูแล้วราคาต่ำกว่าเอกชนด้วยซ้ำ และราคากลางนี้กำหนดตั้งแต่ปี 46 มาถึงรัฐบาลนี้จะตั้งต่ำลงไปจากราคากลางดังกล่าวอีก 20 % ด้วย 
 
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับกรณีเครื่องแบบนักเรียน ที่มีการอภิปรายว่า กระทรวงตั้งราคาให้แพงไว้ก่อนนั้น ขอชี้แจงว่า กระทรวงไม่ได้ตั้งแพงไว้ก่อน แต่ตั้งไว้ถูกกว่าด้วยซ้ำ ทั้งนี้เกณฑ์ที่กระทรวงตั้งไว้ ทั้งชุดคือ 150 -250 บาท ขณะที่กางเกงที่สมาชิกเอามาแสดง ตัวละ 200 กว่าบาทแล้ว และราคานี้ ตนไม่ได้เป็นคนตั้ง แต่กระทรวงไปสำรวจแล้ว และเป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด และขณะนี้รัฐบาลนี้ยังไม่ได้จัดซื้อ และตนไม่มีนโยบายให้กระทรวงจัดซื้อ แต่กำลังคิดว่า อาจให้แม่บ้านเย็บ หรือแจกเป็นเงินสดให้ผู้ปกครอง หรือวิธีอื่น ซึ่งตนจะฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง โดยวันที่ 30 มกราคม จะจัดฟังความเห็นที่โรงเรียนสตรีวิทยา ตั้งแต่ 11.00 น.ถึงเย็น โดยเน้น หลักประหยัดงบมากสุด โปร่งใสมากสุด ปัญหาตามมาน้อยสุด ยืนยันว่า วันนี้และอนาคตไม่มีทุจริตแน่
 
"สุนัย" ท้า รมว.ศธ.ออกทีวี
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์พาดพิงว่า ที่รัฐมนตรีชี้แจง เป็นคำตอบแบบเก่าๆ ที่พยายามทำลายการอภิปรายของตน ทั้งที่ราคาปรากฏชัดเจนว่า ราคากลางที่ตั้งตามองค์การค้าแพงกว่าเอกชนกว่าครึ่ง แม้ตั้งลดลงอีก 20 % ก็ยังแพงกว่า เป็นการใช้เทคนิคชี้แจง และรัฐมนตรีต้องไปตรวจสอบแล้ว ไม่ใช่มาบอกว่า ตนไม่ให้ข้อมูล แสดงถึงความไม่มีฝีมือ ซึ่งตนจะไม่ขอให้ผ่านงบเพิ่มเติม เพราะรัฐบาลไม่พยายามประหยัดเงินงบประมาณเลย และที่บอกว่า ตั้งราคาไว้ตั้งแต่ปี 46 ตอนนั้นยังไม่มีโครงการจัดซื้อ แต่ตอนนี้มีโครงการ ก็สะท้อนถึงนโยบายประชาธิปัตย์นิยม อย่างเรื่องเครื่องแบบนักเรียนที่รัฐมนตรีบอกว่า จะให้แม่บ้านเย็บ ถามว่า ตามเกณฑ์ที่กำหนดบอกว่า ต้องมี มอก. แล้วแม่บ้านจะหา มอก.อย่างไร ขอให้รับเรื่องไปดู ไม่ใช่มาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ การให้แม่บ้านทำยิ่งเปิดช่องคอรัปชั่น เพราะอาจได้ของคุณภาพต่ำแต่ราคาสูง ฉะนั้น ควรจ่ายเงินให้ผู้ปกครองไปซื้อเองจะดีสุด ขอท้าว่า ให้ทีวีเชิญตน กับรมว.ศึกษาธิการที่ไหนก็ได้ 
 
ถูกปธ.ไล่จากห้องประชุม พท.วอล์กเอาท์ตาม
ทั้งนี้ ระหว่างการใช้สิทธิ์พาดพิงของนายสุนัย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะโดยระบุว่า เป็นการพูดวกวน ซ้ำประเด็น ทำให้บรรยากาศภายในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในตอนท้าย นายสุนัย กล่าวพาดพิงว่า ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ ทำลายคนดีๆมากมากแล้วจากการอภิปรายแบบนี้ ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายคนประท้วงให้นายสุนัย ถอนคำพูด แต่นายสุนัย ยืนยันไม่ถอน ทำให้พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมเชิญนายสุนัย ออกจากห้องประชุม ทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้งหมด พากันวอล์กเอาท์ออกจากห้องประชุมตามนายสุนัย ไปด้วย
 
 
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า ที่มีสมาชิกอภิปรายในช่วงเช้า เกี่ยวกับโครงการถนนไร้ฝุ่นนั้น โครงการถนนไร้ฝุ่นได้งบน้อยจริง แต่จริงๆโครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล และที่ให้งบมา 1.5 พันล้าน ถือเป็นโครงการนำร่องเท่านั้น และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ จะจัดงบให้ดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนที่ไม่ได้ให้อปท.เป็นคนทำ เพราะต้องการให้อปท.เป็นผู้ดูแลหลังจากทำถนนเสร็จ 
 
 
ก่อนหน้านี้ ในช่วงบ่าย นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมฉบับนี้ เพราะ 1.ผิดกฎหมาย เนื่องจากเมื่อเงินไม่มีแล้วต้องไปกู้มา การกู้เงินไม่ใช่รายได้ 2.นายกฯพูดว่า จัดงบฯเพิ่มเติมเพื่อเอาน้ำไปดับไฟ แต่ครั้งนี้เป็นไฟไม่ปกติ เป็นไฟไหม้ในโครงสร้างระบบทุนโลกที่กระทบมาจากสหรัฐ ประกอบกับมีวิกฤตการเมืองในประเทศ 3.ไม่ใช่ประชานิยมธรรมดา แต่เป็นการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ หลายจังหวัดเร่งหาเสียง เหมือนว่าจะมีการยุบสภา เป็นประชาธิปัตย์นิยม และต่างจากประชานิยมที่รัฐบาลทักษิณทำ แจกไม่ทั่วถึง ทำให้คนแตกแยกกัน 4.เงินที่นำมาใช้ ประเทศต้องรับภาระต่อไป ซึ่งการใช้จ่ายนั้นก็ไม่วางใจ ตัวอย่างเช่น กรณีปลากระป๋องเน่า หรืองบฯเพิ่มเติมกระทรวงศึกษาธิการ 1.8 หมื่นล้าน กรณีการจัดซื้อเสื้อผ้านักเรียนและตำราเรียนที่เริ่มมีกลิ่นผิดปกติ 6,400 ล้านบาท ฉะนั้น ต้องรัดกุมไม่ให้มีการทุจริต
 
"ได้ข้อมูลมาว่า รายงานการประชุมเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2552 มีประเด็นเรื่องหนังสือที่จะซื้อ ให้กำหนดราคากลางมาจากองค์การค้า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) แต่รู้หรือไม่ว่าหนังสือของ สกสค.แพงกว่าของเอกชนเกือบ 1 เท่า แม้จะลด 20% แต่ก็ยังแพงกว่าของเอกชน อีกปัญหาคือ ต่อไปราคาหนังสือของเอกชนจะปรับขึ้น และมีช่องว่างทุจริตคือ อาจมีการซื้อของเอกชนที่ราคาถูกมาแล้วฉีกปกออก จากนั้น พิมพ์ปกใหม่ให้เป็นขององค์การค้าฯ ส่วนเครื่องแบบนักเรียนก็มีปัญหา เงื่อนไขระบุว่า 2 ชุดต่อปีตามเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ไปตรวจสอบราคาตลาดพบว่า มีตรา มอก.แพงกว่าไม่มีตรา จึงเป็นประชาธิปัตย์นิยมชัดเจน และเปิดช่องทุจริตเชิงนโยบาย" นายสุนัยกล่าว
 
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขอข้อมูลการเปรียบเทียบราคาหนังสือไปตรวจสอบและจะชี้แจงวันหลัง
 
"กรณ์"ยันเก็บภาษีชดเชย1.9หมื่นล.
เวลา 22.40 น. นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงถึงเหตุผลสำคัญจัดทำงบประมาณกลางปีเพิ่มเติม งบประมาณ ปี 2552 จำนวน 1.167 แสนล้านบาท ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องนำเสนอมาตรการเร่งด่วน ผันเงินไปสู่มือประชาชน เพื่อที่จะได้ให้เงินส่วนนี้หมุนกลับเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจ และยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องเสถียรภาพการเงินของรัฐบาล ส่วนความกังวลเรื่องการดำเนินการตาม มาตรา 169 ในการตั้งงบประมาณชดเชยเงินคงคลัง จำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท นั้น ยืนยันว่า แหล่งรายได้จะมาจากภาษี ไม่ใช่เงินกู้อย่างแน่นอน เพราะภายหลังจากอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 1.167 แสนล้านเข้าสู่ระบบแล้ว จะส่งผลต่อการขยายตัวของ จีดีพี ในอัตรา 0.9 % คิดเป็นมูลค่า 8.2 หมื่นล้านบาท เกิดการลงทุน นำมาซึ่งรายได้ภาษีที่จะกลับคืนมาสู่รัฐบาล จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท
 
"ล่าสุดครม.ก็เพิ่งเห็นชอบการปรับอัตราจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันใหม่ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินทั้งสองส่วนน่าจะเพียงพอต่อการชดเชยเงินคงคลัง"
 
แกนนำพธม.ใช้สิทธิถูกพาดพิง
เวลา 18.15 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพันธมิตร ใช้สิทธิถูกพาดพิงอภิปรายว่า ได้ถูกนายสุนัย จุลพงศธร และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย พาดพิงมาหลายวันแล้วและอดทนมาโดยตลอด มีการกล่าวหาว่าพันธมิตรปิดสนามบิน ทั้งที่ข้อเท็จจริงพันธมิตรไม่ได้เป็นผู้ปิด แต่เป็นผู้ว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ที่สั่งการปิดสนามบิน มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แม้แต่บอร์ดยังตำหนิผู้ว่าการ ทอท.ว่า ปิดทำไม เพราะยังไม่มีการยึดหอบังคับการบิน ซึ่งไม่เข้าข่ายเป็นการก่อการร้ายสากล หน่วยงานราชการก็ไม่เคยแจ้งข้อหานี้ มีแต่บุคคลที่แจ้งความและพันธมิตร ซึ่งได้แจ้งความกลับไปหมดแล้ว โดยขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
 
"พวกผมสู้อย่างยืนหยัด แม้จะถูกแผ่นปลิวว่าเป็นกบฏเข้ามาในสภาและมีความพยายามเอาข้อหานี้มาเล่นงานผมในสภา ซึ่งผมก็บอกว่า ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่ใช่เอกสิทธิ์ของ ส.ส. ผมไม่หวั่นไหวจะไม่หนีเป็นอาชญากรของสังคมและไม่มีทางจะสยบยอมต่ออำนาจที่ชั่วร้ายทั้งหลาย" นายสมเกียรติกล่าว
 
"มาร์ค" สวนใครเรียกตร.เบรก "คดีชิปปิ้งหมู-อุ้มสมชาย"
เวลาประมาณ 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานส.ส.ในสภา อภิปรายจบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงในทันทีว่า จะกลับมาชี้แจงเกี่ยวกับข้อสงสัยทั้งหมดของร.ต.อ.เฉลิม ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ แต่อยากจะทำความเข้าใจกรณีนายกษิตที่ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ถูกฟ้องร้องฐานก่อการร้ายสากลนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากการไปปิดสนามบิน เพราะการท่าอากาศยานฟ้องร้องกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดสนามบินในข้อหาบุกรุกที่ไม่ได้เจาะจงไปที่นายกษิต แต่วันนี้ร.ต.อ.เฉลิมกลับบอกว่ามีผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ ทั้งที่การฟ้องร้องดังกล่าวเป็นการฟ้องที่นายกษิตไปพูดในเวทีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มีเหตุสืบเนื่องจากการปิดสนามบินและการร้องทุกข์กล่าวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา
 
นายอภิสิทธิ์ ยังชี้แจงถึงกรณีที่เชิญผู้เกี่ยวข้องกับคดีมาชี้แจงถึงความคืบหน้านั้น หากเป็นอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดวันนี้ก็คงไม่คลี่คลายไปแล้วหนึ่งคดี แต่ขณะนี้ก็มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีก็บอกว่าฟ้าก็เปิดแล้ว และตนก็ไม่ใช่คนแรกที่เชิญคนเหล่านี้เข้าพบ สมัยนายสมัครเป็นนายกฯ และสมัยรัฐบาลของก็เชิญมาพบเหมือนกัน แต่เป็นคนละห้องเท่านั้นและมีสาระต่างกัน ซึ่งวันนั้นก็มีการชี้นำว่า อย่าทำเลยคดีพวกนี้ โดยวันนี้ตนก็ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้คดีเดินหน้าได้และได้กับผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะไม่มีการแทรกแซง ทั้งนี้ตนได้บอกว่าไม่ได้รื้อฟื้นคดี แต่เป็นการเร่งรัดให้คดีเดินได้
 
นายกฯ ยังชี้แจงอีกว่า ส่วนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะนโยบาย 30 บาทที่ก่อนหน้านี้ตนเคยอภิปรายก็เพราะเห็นว่างบประมาณไม่พร้อมการจะดำเนินการตามนโยบายหลักประกันสุขภาพนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าทำ เงินต้องพร้อม ทั้งนี้โครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จในช่วงรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่เพิ่มงบประมาณต่อหัวเข้าไปจึงเป็นผลสำเร็จ ซึ่งทุกอย่างที่เคยพูดวันนี้ก็ปรากฎตรงตามที่เคยวิเคราะห์ไว้เมื่อพ.ศ.2544 ทุกประการ
 
"บางโครงการถ้าเป็นประโยชน์กับประชาชนผมไม่เป็นคุณนายละเอียดหรือคิดเล็กคิดน้อยว่าใครเริ่มต้นไว้ ส่วนนโยบาย 6 เดือน 6 มาตรการก็เพิ่งทราบวันนี้ว่าเป็นความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเข้าใจว่าเป็นความคิดของนายสมัคร หรือ รมว.คลังในขณะนั้น อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เดินต่อ อะไรที่แก้ไขก็ปรับปรุงส่วนที่ไม่ถูกต้องก็ยกเลิก นโยบายรัฐบาลวันนี้จะเรียกประชานิยมหรือไม่ก็แล้วแต่ ผมก็ไม่คิดจะเป็นเจ้าตำรับเศรษฐกิจ ผมรู้จักประมาณตน มาตรการทั้งหลายจะดูตามความจำเป็นและเนื้องานเป็นหลัก และผมยืนยันว่าไม่มีทางทำอย่างนี้ในปี 2544 หรือ 2548 อย่างแน่นอน วันนี้บอกว่าจะพูดประชานิยมแล้วจะไปสู่ทุนสามานย์หรือไม่ ผมตอบว่าไม่ครับ เพราะคนคิดนโยบายนี้ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะนั่นคือหัวใจของทุนสามานย์"นายกรัฐมนตรี กล่าว
 
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายแย้งว่า กรณีของนายกษิตนั้นในวันที่ 23 ธ.ค.มีคนไปร้องทุกข์กล่าวโทษนายกษิตในฐานะเป็นผู้ก่อการร้ายสากลที่สถานีตำรวจภูธรราชาเทวะ มีบันทึกประจำวันลงข้อความว่านายกษิตได้ร่วมในการยึดสนามบินจนเป็นเหตุให้ปิดสนามบิน ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม.135/1 อันเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ส่วนที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าสมัยที่ตนเป็นรัฐบาลได้เรียกตำรวจให้งดเว้นการทำคดี ถ้าหมายถึงตนนั้นไม่ใช่เพราะไม่เคยคุมสตช.  
 
ผุ้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนี้นายชัย พยายามเกลี่ยกล่อมให้ ร.ต.อ.เฉลิมใจเย็นๆ โดยบอกว่า ถ้าไม่ได้คุมตำรวจก็อย่าไปกินปูนร้อนท้อง แต่ร.ต.อ.เฉลิม ยังอภิปรายต่อไป ว่า ที่บอกว่ามีตำรวจมาพบนั้นเป็นเรื่องยาเสพติด แต่ถ้าเข้าพบเรื่องคดีทนายสมชาย หรือชิปปิ้งหมูนั้นไม่รู้ แต่ตำรวจที่ทำคดีเหล่านี้รู้จักกันทั้งนั้น ส่วนคนที่กินปูนร้อนท้องไม่ใช่ตนแต่อยู่แถวข้างบน ทำให้อภิสิทธิ์ ลุกขึ้นโต้ว่า "แม้ท่านจะบอกว่าไม่ได้คุมตำรวจ แต่ตนก็ยังยืนยันคำพูดของตน ยิ่งท่านบอกไม่ได้คุมตำรวจยิ่งหนักเพราะไม่ได้คุมแล้วยังพยายามไปชี้นำไม่ให้ดำเนินคดีโดยอ้างว่าป.ป.ช.ดำเนินการอยู่"
 
 
 
ชำแหละ 18 มาตรการกระตุ้น ศก.
เวลา 14.20 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานส.ส.ในสภา ทำหน้าที่แทนผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายว่า พูดได้เลยว่างบประมาณฉบับนี้ ไม่ใช่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจตามหลักเศรษฐศาสตร์ แต่เป็นการกระจายรายได้ลงไปไม่ทุกภาคส่วน แต่เม็ดเงินไปกระจุกตัวอยู่ที่พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และการเอาเงินไปเก็บไว้ในมือนายกฯกว่า 4,000 ล้านแบบนี้ มีที่ไหน ขณะที่งบประมาณกระทรวงต่างประเทศได้ถึง 325 ล้านบาท เชื่อว่าไม่พอสำหรับวีรกรรมที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศทำไว้ เพราะรมว.ต่างประเทศมาจากผลิตผลของพันธมิตรฯ การกระทำชี้เจตนา ขึ้นเวทีหลายครั้งหลายหน ซึ่งการขึ้นเวทีก็เป็นสิทธิ์ แต่การให้งบกระทรวงต่างประเทศไปนั้นตนไม่เห็นด้วยเพราะ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.51 ได้มีผู้ไปแจ้งความ ที่สถานีตำรวจราชาเทวะ กล่าวโทษว่า รมว.ต่างประเทศ เป็นผู้ก่อการร้ายสากล จึงไม่เห็นด้วยกับการเอาเงินไปให้ผู้ต้องการก่อการร้ายสากล มันเสียของ และหากรมว.ต่างประเทศเดินทางไปที่สนามบินแล้วถูกจับกุมจะทำอย่างไร
 
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนงบประมาณของกระทรวงแรงงานนั้น อยู่ๆทางกระทรวงก็บอกว่าจะนำไปซื้อข้าวสารแจก แจกไม่แจกไม่บอกแต่มีธงไว้แล้ว โดยมีบริษัทแห่งหนึ่งไปซื้อข้าวสารสเป็กเดียวกับที่กระทรวงแรงงานจะกำหนดสเป็กเลย เรื่องนี้นายกฯ ต้องไปดูหากบอกว่าเรื่องยังไม่เกิด ท่านก็ได้คะแนนสะสม ส่วนงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงวัฒนธรรม 22 ล้านบาท ก็ไม่ขัดข้องแต่ไม่เข้าใจว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะไปกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไหน เอาไปทำไม 22 ล้านบาท เสียของมันไม่เข้าขอบข่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนงบกระทรวงศึกษาธิการนั้น ตนไม่ได้เรียนเศรษฐศาสตร์แต่คนรู้เศรษฐศาสตร์ 100 คนบอกเหมือนกันหมดว่าไม่ได้ เกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องเรียนฟรี 15 ปี แบบนี้มันต้องไปจัดในงบปกติไม่ใช่งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 
 
"แปลกใจนายกฯ ที่ไม่ให้งบกระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหมสักบาท หรือมองว่า รัฐมนตรีไม่มีความยุติธรรมจึงไม่ให้งบ สำหรับนโยบายอภิสิทธิ์ 16 นโยบาย ผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นจะแสดงให้เห็นว่าที่ร.ต.อ.เฉลิมได้ชำแหละนโยบายสมเหตุสมผลหรือไม่ บอกว่าช่วยเหลือค่าครองชีพให้ 2,000 บาทครอบคลุม 9,200,000 คน แบบนี้ถือว่าซื้อเสียงล่วงหน้า บอกว่าต่างชาติใช้แบบนี้มันไม่จริง จอร์จดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ใช้วิธีคืนภาษี ไต้หวันใช้วิธีจ่ายเป็นคูปอง สำหรับโครงการ 5 มาตรา 6 เดือนช่วยเรื่องค่าครองชีพนั้น ท่านนายกฯรู้หรือไม่ไม่ทราบว่ามาตรการนี้ไม่ใช่สมัคร (นายสมัคร สุนทรเวช)หรือสมชาย(นายสมชายวงศ์สวัสดิ์) คิด แต่คนคิดคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ท่านอายหรือไม่ เพราะเคยวิพากษ์วิจารณ์บอกว่าเป็นทักษิโนมิกส์ เป็นทุนนิยมสามานย์ บอกว่าเป็นประชานิยม แต่ท่านทำตาม แบบนี้ท่านจะเลิกหรือไม่ เลิกก็ได้ หรือไม่อย่างนั้นท่านต้องไปตบปากที่ได้พูดออกมา นายกฯไม่คิดอะไรใหม่ๆ หรือคิดจะจ่ายเงินอย่างเดียว หากเงินไม่พอ แล้วไปกู้ อันนี้มันเป็นรายรับ ซึ่งมันผิดรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.บริหารหนี้ อันนี้ผมไม่ได้ว่า แต่ขอเตือน" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว 
 
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ปีนี้เห็นชัดว่า การจัดเก็บภาษีไม่เข้าเป้า เงินคงคลังมีแสนล้าน แต่รัฐบาลต้องจ่ายเงิน หนึ่งแสนสองหมื่นล้านต่อเดือนแบบนี้ชักหน้าไม่ถึงหลัง เศรษฐกิจมีแต่ทรุดกับทรุด แบบนี้ นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯได้ ตนก็เป็นนายกฯได้ แบบนี้หาเงินเข้าประเทศได้อย่างไร เคยบอกหรือไม่ว่าหาตลาดขายข้าว เคยคุยให้อาเซียนมาจับมือกันหรือไม่ มีแต่พูดว่าจะกู้แต่ไม่รู้จะกู้ที่ไหน บอกจะขายพันธบัตร บอกได้เลยว่ายาก ยิ่งมีรมว.ต่างประเทศเป็นคนนี้ ลำบาก คนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ได้ปรามาส พ.ต.ท.ทักษิณว่าเป็นทุนนิยมสามานย์ โดยในการอภิปรายงบประมาณปี 2544 ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ได้อภิปรายประชานิยมอย่างเผ็ดร้อนโดยเฉพาะโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และปรามาสว่า เมื่อชนะการเลือกตั้งแล้วก็ไม่ต้องเอานโยบายประชานิยมมาบริหารบ้านเมือง แต่รัฐบาลนี้กลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียง
 
"ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวมาตลอดว่า ประชานิยมเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่มาวันนี้ พอมาเป็นรัฐบาลกลับมากลับคำพูดเสียเอง ซึ่งเป็นโคตรอภิมหาประชานิยม การที่ผมออกมาพูดอย่างนี้ไม่ได้พกความแค้นแต่พกความคิดและความปรารถนาดี"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว รวมเวลาที่ร.ต.อ.เฉลิมอภิปรายประมาณ 1.50 ชั่วโมง
 
ก่อนหน้านี้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไป เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 วงเงินงบประมาณ 116,700 ล้านบาท เริ่มขึ้นแล้วเมื่อเวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา โดยก่อนเข้าสู่วาะ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้หารือกับ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยขอให้รัฐบาลขยายเวลาการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายเพิ่มเติม เพิ่มในวันพรุ่งนี้ (29 ม.ค.52) อีก 1 วัน เช่นเดียวกับ นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายสนับสนุนให้ขยายเวลาการพิจารณาเพิ่มอีก 1 วัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญและมีหลายเรื่องที่ต้องอภิปรายให้ชัดเจน
 
นายกฯ แจง งบ 1.16 แสนล้าน กระตุ้นศก. 
จากนั้นจึงเข้าสู่วาระการพิจารณา โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชี้แจงว่า หลักการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณจำนวนไม่เกิน 116,700,000,000 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเป็นจำนวน 97,560,523,700 บาท และเป็นรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังเป็นจำนวน 19,139,476,300 บาท โดย
 
1.รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินในการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อเร่งรัดฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระจายไปสู่ระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ โดยลดค่าครองชีพแลเพิ่มรายได้ และดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในชนบท จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เป็นเงินไม่เกิน 97,560,523,700 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
 
1.ค่าใช้จ่ายตามมาตรการช่วยเหลือการครองชีพของบุคลากรภาครัฐ เป็นเงิน 2,652,000,000 บาท
 
2.ค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพิ่มสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมนุม เป็นเงิน 6,900 ล้านบาท
 
3.เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน 4,090,448,000 บาท
 
4.เพิ่มจัดสรรตามแผนงานฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและแผนงามเสริมสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม ของหน่วยงานต่างๆ เป็นเงิน 83,918,075,700 บาท
 
2.ตามมาตรา 169 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญ บัญญัติให้ต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังในพ.ร.บ.โอนเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมหรือพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีถัดไป ทั้งนี้ให้กำหนดแหล่งที่มาของรายได้ เพื่อชดใช้รายจ่ายที่ได้ใช้เงินคงคลังจ่ายไปก่อนแล้วด้วย
 
ดังนั้นจึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เป็นจำนวน 19,139,476,300 บาท และเป็นที่ทราบโดยทั่วไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจการเงินในสหรัฐและผลกระทบต่อเนื่องที่นำไปสู่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่คาดว่าจะมีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งด้านการส่งออกสินค้า การท่องเที่ยว ในขณะที่เศรษฐกิจในประเทศ ทั้งการใช้จ่ายและการลงทุน ยังอยู่ในสภาวะชะลอตัว ดังนั้น ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจึงชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกยอย่างรวดเร็ว จะเห็นว่า ในไตรมาส 3 ของปี 51 เศรษฐกิจมีการขยายตัวเพียงร้อยละ 4.0 ชะลอตัวลงจากที่มีการขยายตัวร้อยละ 6.0 และ 5.3 ในไตรมาสแรกของปี และในไตรมาสุดท้ายของปี 51 ผลกระทบต่อการส่งออกมีความรุนแรงขึ้น เห็นได้จากมูลค่า ปริมาณการส่งออกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤศจิกายน มูลค่าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ และปริมาณการส่งออก ลดลงร้อยละ 17.7 และร้อยละ 20.8 ตามลำดับ และในเดือนธันวาคม มูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 14.6 และ 16.3 ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 52 นี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกจะถดถอยและส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย การชะลอตัวของกำลังซื้อทั้งในและนอแกประเทศ จะส่งผลให้กำลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมลดลง ส่งผลให้มีการเลิกจ้างงาน ดังนั้นการว่างงานจะรุนแรงขึ้นในไตรมาสที่ 2 และ 3 ซึ่งจะส่งผลกระทืบต่อเนื่องต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่น รวมทั้งบรรยากาศการผลิตและการลงทุน และอาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะปานกลางได้
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสภาพปัญหาดังกล่าว รัฐบาลตระหนักดีว่า ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขคือปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้นรัฐบาลจึงกำหนดแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อดำเนินการในระยะเร่งด่วน สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่ายสิ่งจำเป็นในชีวิตอย่างต่อเนื่องในระยะแรก และให้มีการลงทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องทำให้ ระบบการผลบิตของประเทศ สามารถดำเนินกิจกรรมการผลิตต่อไปได้ และสนับสนุนให้สามรรถรักษาระดับการจ้างงานไว้ได้ ในระดับที่จะไม่กลายเป็นปัญหาทางสังคม และเป็นอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะต่อไป ดังนั้นการดำเนินมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับ การดำเนินการเรื่องเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต่างๆไปพร้อมๆกันอย่างเป็นบูรณาการ
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนและครม.ได้ฟังข้อเสนอแนะและข้อสังเกตในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งจากสมาคมวิชาชีพ นักวิชาการ และตัวแทนของภาคส่วนต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้พิจารณาทบทวนสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ ทางเลือกที่มีความเหมาะสม และความสอดคล้องกับความจำเป็น ในการดำเนินนโยบายมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลแล้วงเห็นว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 เพื่อให้เม็ดเงินของรัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แต่การดำเนินการดังกล่าว รัฐบาลยังยึดมั่นให้ความสำคัญกับกรอบความยั่งยืน ทางการคลังของประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มุ่งเน้นบรรเทาภาวะความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด โดยมีเงินที่พึงได้มาสำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม คือเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 97,560,523,700 บาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 19,139,476,300 บาท โดยมีวัตถุประสงค์และโครงการในการใช้งบประมาณดังต่อไปนี้
 
1.การฟื้นฟูและเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ จำนวน 37,464,449,700 บาท ประกอบด้วย โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ โครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร โครงการแหล่งน้ำขนาดเล็ก การจัดการน้ำ โครงการสร้างทางภายในหมู่บ้านเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน โครงการด้านพาณิชย์ โครงการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว การสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมขนาดกลาง ขนาดย่อม และโครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ
 
2. การเสริมสร้างรายได้พัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงด้านสังคม จำนวน 56,005,626,000 บาท ประกอบด้วยโครงการสนับสนุนการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน รายการค่าใช้จ่ายเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน โครงการสร้างหลักประกันรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ โครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) โครงการปรับปรุงสถานีอนามัย และการปรับปรุงที่พักอาศัยให้ตำรวจชั้นประทวน
 
3.การบริหารเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 4,090,448,000 บาท เพื่อเป็นเงินสำรองไว้สำหรับกรณีค่าใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 52 ที่จัดเตรียมไว้ไม่เพียงพอจากการเพิ่มเป้าหมายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเร่วด่วนตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่อาจใช้งบประมาณเพิ่มเติมและการใช้จ่ายตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่มิได้คาดหมาย และ
 
4. รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 19,139,476,300 บาท ซึ่งเป็นการตั้งงบประมาณรายจ่ายชดเชยเงินคงคลังที่จ่ายไปแล้วตามที่กฎหมายกำหนด          
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาตรการตามร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นมาตรการระยะเร่งด่วน และเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งจะประกอบไปด้วยมาตรการระยะสั้น ระยะปานกลางและระยะยาว ทั้งที่ใช้งบประมาณเป็นตัวขับเคลื่อนและมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณ ซึ่งครอบคลุมการช่วยเหลือทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งเป็นการวางรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ รวมถึงความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม อย่างมีคุณภาพ ยั่งยืน ทั้งนี้ตนทราบดีว่า เงื่อนไขด้านเวลามีความสำคัญ แต่เพื่อให้ร่างพ.ร.บ.ดังบังคับใช้โดยเร็ว แต่ด้วยข้อจำกัดระยะเวลาที่ต้องใช้จ่ายในช่วง 6 เดือน และขนาดของวงเงินที่มีอยู่จำกัด ทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการเรื่องสำคัญอื่นๆได้เพียงพอกับข้อเสนอของทุกฝ่าย มาตรการในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นเพิ่มอำนาจการซื้อให้เกิดการใช้จ่ายต่อเนื่องเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นอุปสงค์รวมในประเทศ ซึ่งรัฐบาลเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย โดยเฉพาะความร่วมมือของฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องเวลาการอภิปราย ตนขอยืนยันว่า เวลาที่รัฐบาลให้สำหรับสมาชิกในการอภิปรายคงจะยาวกว่าทุกครั้งที่ได้มีการพิจารณางบประมาณกลางปีหรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และที่มีการนัดในช่วงบ่ายวันนี้เป็นดำริของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้คิดที่จะประชุมครม.ช่วงเช้า แต่เมื่อมีนัดหมายของสภาออกมา จึงนัดประชุมครม.ช่วงเช้าเพราะไม่ต้องการปล่อยให้เวลาเสียไป ขอยืนยันว่า การทำงานของตน ได้กำชับแม้กระทั่งการเดินทางไปต่างประเทศว่า ตนควรจะได้อยู่ประชุมสภาโดยเฉพาะในวาระที่สมาชิกอย่างสอบถามหรือตั้งกระทู้ถาม ซึ่งก็ได้ยึดแนวทางนี้มาโดยตลอด และถ้าไม่มีภารกิจที่มีความจำเป็นจริงๆ ก็พร้อมฟังความเห็นและตอบข้อซักถาม 
 
 
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เริ่มการชี้แจงไม่ถึง 30 วินาที นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นพร้อมกล่าวผ่านไมโครโฟนว่า "วันนี้พวกผมไม่อยู่ฟัง" และเดินออกจากห้องประชุม 
 
ต่อจากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานส.ส.ในสภา ทำหน้าที่แทนผู้นำฝ่ายค้าน ได้กล่าวอภิปรายเป็นคนแรก ในเวลา 14.15 น. โดยเริ่มกล่าวโจมตีถึง มาตรการต่างๆ ทั้ง 18 มาตรการที่รัฐบาลจะนำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
ที่มา : มติชน
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net