วันที่ 30 กรกฎาคม51 พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวถึงการออกหมายจับนาย ชูชีพ ชีวสุทธิ์ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า คณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กำลังรวบรวมพยานหลักฐานรายละเอียดพฤติการณ์ กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงก้าวล้วงสถาบันเบื้องสูง ในรายการวิทยุวิทยุชุมชนเวทีทวงคืนประชาธิปไตย เพื่อเตรียมขออนุมัติหมายจับบุคคลที่พูด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างส่งเทปคำพูดให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบคลื่นเสียงว่า เป็นเสียงของนายชูชีพจริงหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3-4 วันคงรู้ผลยืนยันชัดเจน เมื่อได้หลักฐานในส่วนนี้เมื่อไหร่จะดำเนินการขออนุมัติหมายจับจากศาลในทันที
"ตำรวจจะดำเนินกับผู้กระทำความผิดข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกคนทุกรายไปไม่มีละเว้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมการออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นๆต่อไปโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ มีการออกหมายจับทั้งนั้นทุกกรณีทุกคนเราดำเนินการหมดตามขั้นตอนกฎหมายโดยไม่ต้องมีการออกหมายเรียกก่อน เนื่องจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นเป็นคดีที่มีโทษเกิน 3 ปีขึ้นไปฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมีการออกหมายเรียกสามารถออกหมายจับได้ทันที เพราะเป็นคดีที่สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้มีใครมาแจ้งความเพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่คนไทยทุกคนเคารพบูชา " ผบช.น.กล่าวในที่สุด
ด้านแหล่งข่าวจากคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นฯ ( กรรมการบอร์ด บช.น.) ซึ่งมี พล.ต.ท.อัศวิน .เป็นประธาน กล่าวว่า คณะทำงานกำลังรวบรวมพยานหลักฐานรายละเอียดพฤติการณ์แห่งคดี พร้อมสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานทั้งภาพและเสียง ประกอบสำนวนคดีเพื่อเตรียมออกหมายจับผู้ต้อหาที่กระทำความผิดข้อหา หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพิ่มเติมอีก 1- 2 รายในเร็วๆนี้ โดยหนึ่งในนั้นมีนาย ชูชีพ ชีวิสุทธิ์ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ที่ปราศรัยพาดพิงก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายหลังคณะทำงานบอร์ด บช.น.ได้ออกหมายจับนาย สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และนางสาวดารณี เชิงชาญศิลปะกุล แกนนำกลุ่มสภาประชาชนสนามหลวงไปก่อนหน้านี้
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะทำงานสืบสวนได้สืบสวนรวบรวมเบาะแสข้อมูลหลักฐานการกระทำความผิดของนายชูชีพมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลักฐานภาพและเทปบันทึกเสียงคำพูดของนายชูชีพที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณท้องสนามหลวง หลายครั้งที่ผ่านมามีถ้อยคำหมิ่นพระบรมเดาชานุภาพ รวมถึงการพูดออกอากาศผ่านทางรายการวิทยุชุมชน มีตอนหนึ่ง ระบุถึง " เบื้องหลังผู้สนับสนุนการก่อกบฏก่อการปฏิวัติปี 2549 ที่ผ่านมาสมัยที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นรัฐมนตรี " ผ้าพันคอสีฟ้ากับระบอบประชาธิปไตย " และ " จดหมายจากแม่ " " สนธิ ลิ้มทองกุลกับน้ำขวดพระราชทาน" เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบถอดเทปคำพูดแบบคำต่อคำต้องทำเพราะเป็นคดีที่ละเอียดอ่อนต้องใช้เวลาตรวจสอบครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด รวมถึงคำพูดของนายชูชีพที่พูดผ่านทางรายการวิทยุชุมชนเวทีทวงคืนประชาธิปไตยและการนำมาเผยแพร่ผ่านเว็ปไซด์ต่างๆในอินเตอร์เน็ตด้วย
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ( ผบก.น.1 ) กล่าวว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ปราศรัยหมิ่นเบื้องสูงบนเวทีใดในพื้นที่นครบาล ตำรวจยืนยันออกหมายจับกุมดำเนินคดีเฉียบขาดทั้งหมดไม่มีละเว้น เพราะเรายอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้ใครมาก้าวล่วงสถาบันพระมหาษัติรย์ซึ่งเป็นสถาบันสูงสุด ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานยืนยันการกระทำความผิดทั้งหมด โดยมีการบันทึกเทปการปราศรัยบนเวทีการชุมนุมทุกวันทั้งสองเวทีทั้งเวทีพันธมิตรฯและเวทีกลุ่มต่อต้านที่ท้องสนามหลวง และมีการถอดเทปทุกวัน แต่อาจล่าช้าไปบ้างเพราะขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นทำในรูปแบบของคณะกรรมการระดับ บช.น. โดยมี พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.เป็นประธาน เมื่อถอดเทปเสร็จวันต่อวันก็นำรายงานเสนอคณะกรรมการบอร์ดพิจารณาในข้อกฎหมายว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่รวมถึงการเผยแพร่ในลักษณะต่างๆด้วย
" การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯดำเนินมาร่วม 70 วันแล้ว ต้องยอมรับว่าขั้นตอนการตรวจสอบของตำรวจล่าช้าอยู่บ้างเพราะเราทำในรูปแบบคณะกรรมการต้องมีการประชุมพิจารณากรั่นกรองคำพูดของแต่ละคนอย่างละเอียด แต่ขอให้เชื่อมั่นว่าทุกอย่างโปร่งใสและมีหลักฐานอยุ่แล้ว เพียงแต่รอการตรวจสอบเท่านั้น ขณะนี้ตรวจสอบการปราศรัยไปได้เป็นวันที่ 17 -18 แล้ว เพราะการปราศรัยแต่ละวันมีคนพูดหลายคน แต่หากประชาชนท่านใดหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเห็นว่าตำรวจทำงานล่าช้าไม่ทันใจก็สามารถหาหลักฐานการกระทำความผิดข้อหาดังกล่าวมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีได้ในทันที จะพิจารณาตรวจสอบเป็นกรณีเร่งด่วนไป นับเป็นการดีเสียอีกที่หลายฝ่ายจะช่วยกันตรวจสอบในจุดนี้ ผมขอยืนยันเลยว่าตำรวจดำเนิคดีอย่างแน่นอนไม่ต้องกลัวว่าจะละเว้นเพราะเป็นคดีความผิดที่คนไทยทุกคนยอมไม่ได้ " รอง ผบก.น 1
ที่มา : สยามรัฐ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)