Skip to main content
sharethis

 


ในประเทศ


 


 


จักรภพ ระบุไม่ตั้ง กมธ.ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญ


สำนักข่าวไทย - รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญ ย้ำแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ต้องการให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น พร้อมใช้สื่อของรัฐ เป็นตัวกลางให้ความรู้ประชาชน


 


นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอของฝ่ายค้านที่ให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญ ว่า ไม่จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ขอยืนยันว่าการที่พรรคพลังประชาชนยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง หรือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้ผ่านพ้นคดียุบพรรค แต่ต้องการแก้ไขเพื่อให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น


 


"การแก้ไข รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ที่พรรคพลังประชาชนได้ประกาศแสดงให้เห็นว่าพรรคไม่ได้ห่วงเรื่องเวลา ถ้าห่วงคงแก้ไขเฉพาะบางมาตรา ขณะนี้ไม่ห่วงแล้ว ประกาศแก้ทั้งฉบับ จะใช้เวลานานเท่าไหร่ พรรคก็ยินดียืนอยู่ข้างประชาชน เพื่อแก้ไขให้สำเร็จ ตรงนี้เชื่อว่าจะใช้เวลานานกว่าเรื่องการยุบพรรค ดังนั้น ข้อกล่าวหาเรื่องเห็นแก่ตัว ก็จะผ่านพ้นไปได้" นายจักรภพ กล่าว


 


รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างการพิจารณายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนุญ รัฐบาลจะให้ความรู้ ข้อมูล โดยจะให้สื่อของรัฐเป็นตัวกลางในการช่วยให้เกิดความเข้าใจว่า ทำไมต้องแก้รัฐธรรมนูญในมาตราต่าง ๆ ซึ่งเชื่อว่าจะเพียงพอ


 


ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นปัจจัยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัจจัยเดียวที่รัฐบาลต้องสนใจคือประชาชนสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย


 


นายจักรภพ ยังกล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุมีกลุ่มคนมีเงินเดินเกมใต้ดินส่งใบปลิวโจมตีองคมนตรี เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ว่า นายชวน ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการส่งข้อมูลไปให้ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีในเรื่องนี้


 


 


"ยุทธนา"แฉส.ว.สรรหาล็อบบี้ให้ถอนญัตติศึกษาแก้รธน.


เว็บไซต์คมชัดลึก - "สุรชัย" ย้ำเสนอญัตติศึกษารธน. 50 ในภาพรวม ไม่แน่ใจ 18 เม.ย.นี้พิจารณาได้หรือไม่ อาจเลื่อนออกไปอีกสัปดาห์ เหตุร่างข้อบัง คับและเห็นชอบ ตลก.รธน. อาจใช้เวลาพิจารณานาน ด้าน"ยุทธนา" แฉ ส.ว.สรรหาล็อบบี้ให้ถอนญัตติศึกษารธน. ย้ำไม่ได้รับลูก พปช. ระบุประชาชนในพื้นที่เรียกร้อง


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่มีความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชาชน ในการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 โดยเฉพาะมาตรา 237 ทำให้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในสังคม ที่มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ในส่วนของสมาชิกวุฒิสภาเอง ก็ได้มีสมาชิกวุฒิสภาจากการสรรหาและแต่งตั้ง ได้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษารัฐธรรมนูญ โดยกลุ่มเลือกตั้ง นำโดยนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร และนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีษะเกษ ได้ร่วมกันเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช 2550 ส่วนกลุ่มสรรหานำโดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปีพุทธศักราช 2550


 


นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ญัตติที่ตนเสนอคือ การพิจารณาภาพรวมของรัฐธรรมนูญจะแก้ไขหรือไม่ และถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมีการแก้ไข โดยการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา เมื่อรวมข้อมูลแล้วก็นำมาประเมินผล ไม่ใช่ว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขไม่ได้ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ต้องดูภาพรวมทั้งหมด เพราะแต่ละมาตรามีความเชื่อมโยงกัน ไม่ใช่เสนอแก้มาตราใดมาตราหนึ่ง ซึ่งจะมีผลกระทบกับมาตราอื่นได้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญไม่ใช่กฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งที่เสนอแก้ได้เป็นมาตรา ส่วนที่มีส.ว.เลือกตั้ง เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการฯขึ้นมาในลักษณะเดียวกัน จะสามารถรวมกันเป็นญัตติเดียวกันหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการอภิปราย


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชาชนเสนอตั้งคณะกรรมาธิการมาแก้ไขเอง นายสุรชัย กล่าวว่า ก็ถือเป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชน วุฒิสภาคงไปไม่ไปยุ่งเกี่ยว อย่างไรก็ตามตนยังไม่แน่ใจว่า ในการประชุมวุฒิสภาวันศุกร์ที่ 18 เม.ย. นี้จะสามารถพิจารณาญัตติดังกล่าวได้หรือไม่ เนื่องจากวาระที่ค้างการพิจารณาอยู่คือ ร่างข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ที่จะพิจารณาในหมวดที่ 5 กรรมาธิการ ซึ่งอาจอภิปรายกันนาน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการให้ความเห็นชอบบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีกด้วย


 


ด้านนายยุทธนา กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆได้ร่วมกันเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปีพุทธศักราช 2550 เนื่องจากเห็นว่า มีบางประเด็นที่ควรพิจารณาศึกษา และบางประเด็นก็ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ความจริงแล้วญัตติของตนที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก คือ ศึกษาและแก้ไข แต่มีเพื่อน ส.ว.สรรหาบางคนเห็นว่า เป็นเรื่องที่แรง ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นร้อนๆของสังคมอยู่ ก็มีการขอร้องให้ตนแก้ไขญัตติ บางคนก็เสนอให้ตนถอนญัตติออกไป ซึ่งตนก็ไม่ถอน แต่ได้มีการเลื่อนการพิจารณาญัตตินี้ไปแล้ว 2 ครั้ง โดยในการประชุมวุฒิสภาวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ญัตติของตนเข้าสู่วาระการประชุม แต่ได้มีการขอเลื่อนญัตติดังกล่าวออกไปอีก โดยนำเอาเรื่องข้อบังคับการประชุมมาพิจารณาแทน ซึ่งก็พิจารณาได้แต่ 3 หมวดเท่านั้น โดยจะพิจารณาต่อในวันศุกร์ที่ 18 เม.ย. หากจบเรื่องข้องบังคับการประชุมแล้ว ก็ยังมีเรื่องการให้ความเห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าญัตติของตนจะพิจารณาได้ในวันศุกร์นี้หรือไม่


 


นายยุทธนา กล่าวว่า ขณะนี้ทราบข่าวมาว่า ส.ว.สรรหาไม่เห็นด้วยกับการเสนอญัตติของตน โดยมีความพยายามให้ข่าวว่า คนที่ลงชื่อรับรองญัตติเป็น ส.ว.อีสาน ซึ่งไม่เป็นความจริง ส.ว.ที่ลงชื่อมีทุกภาค รวมถึง ส.ว.จากการสรรหาด้วยคือ นางยุวดี นิ่มสมบุญ ซึ่งตนได้ขอให้ร่วมลงชื่อด้วย แต่ภายหลังนางยุวดี ได้ขอถอนชื่อออกไป เพราะถูกกลุ่ม ส.ว.สรรหาต่อว่า จนทำให้ไม่สบายใจ และขอถอนชื่อไปในที่สุด ซึ่งตนไม่อยากให้มีการแบ่งแยก ว่าเป็นส.ว.สรรหา หรือส.ว.เลือกตั้ง เราทุกคนเข้ามาก็เป็น ส.ว.เหมือนกัน ไม่ต้องการแบ่งแยกหรือเป็นมุ้ง ความจริงแล้วตนก็มีแนวทางว่าจะตั้ง ชมรม ส.ว.อีสาน แต่ก็เกรงว่า จะถูกข้อกล่าวหาว่าแบ่งกลุ่ม จึงได้มีการชะลอไปก่อน


 


"ผมยืนยันว่า การเสนอญัตติในครั้งนี้ไม่ได้มี "ใบสั่ง" หรือ "รับลูก" จากพรรคการเมืองใดหรือนักการเมืองใด แต่เป็นความต้องการของประชาชนใน จ.ยโสธร ที่ได้ลงประชามติในวันที่ 19 ส.ค . 2550 ไม่เห็นชอบรัฐธรรมนูญปี 50 ถึง 69% และผมเองก็ไม่เห็นด้วยในบางมาตราของรัฐธรรมนูญ ซึ่งควรมีการศึกษาและแก้ไข เช่น ประเด็นที่มาของ ส.ว.ควรมาจาการเลือกตั้ง ประเด็นการตัดสิทธ์ทางการเมือง คือ การคนที่จะลงสมัครส.ว.ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง 5 ปี ซึ่งตัดสิทธิ์ประชาชนร่วม 30 ล้านคนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ส่วนเรื่องมาตรา 237 นั้นผมไม่เน้น นอกจากนี้มีสื่อบางฉบับไปลงข่าวว่า ส.ว.สรรหาบางคนได้พยายามประสานงานกับผม เพื่อขอให้รวมญัตติกับของนายสุรชัย และหาทางออกร่วมกัน แต่ติดต่อผมไม่ได้ ผมยืนยันว่า ผมเปิดโทรศัพท์มือถือตลอด น้องๆสื่อก็โทรมาหาผมได้ตลอดเวลา วอนว่า อย่ามองส.ว.อีสานต้องไปพวกพรรคการเมือง จนบัดนี้ผมก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนักการเมืองคนใดเลย " นายยุทธนา กล่าว


 


นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า น่าจะมีการเลื่อนการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการมาพิจารณาศึกษารัฐธรรมนูญ ของทั้งนายสุรชัย และนายยุทธนา เนื่องจากมีวาระสำคัญ 2 เรื่องอาจใช้เวลานาน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรืองที่ดี เพราะควรจะรอดูทางสภาผู้แทนราษฏรก่อนว่า จะเสนอแก้ไขในประเด็นใดบ้าง ซึ่งรัฐธรรมนูญมีตั้ง 300 กว่ามาตรา ไม่รู้ว่าจะเสนอแก้มาตราใด เมื่อทราบแล้วก็จะได้ตั้งคณะกรรมาธิการฯขึ้นมาศึกษาในประเด็นที่ทางส.ส.เสนอ เหมือนกับสาวเจ้าไม่บอกรัก ก็จะตั้งขันหมากมาขอแล้ว ดังนั้นการรอส.ส.น่าจะเป็นแนวทางที่ดี


 


เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวนักการเมืองเข้ามากดดันเรื่องการเสนอญัตติดังกล่าวของส.ว.นายสมชาย กล่าวว่า ไม่น่ามี เพราะส.ว.ทั้งสรรหา และเลือกตั้ง ต่างก็ทำหน้าที่ของตนเอง รัฐบาลไม่น่าจะมาก้าวก่ายงานของส.ว.ซึ่งการทำงานของส.ว.จะเป็นตัวพิสูจน์ผลงานของส.ว.แต่ละคน


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาญัตติของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา พร้อมคณะ 11 คน l ระบุว่า จากกรณีที่มีความเคลื่อนไหวที่จะให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่าในบางมาตราทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง และก่อให้เกิดปัญหาที่อาจนำไปสู่วิกฤติทางการเมือง เช่น มาตรา 237 ที่ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคที่มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตเลือกตั้ง อาจถูกตัดสิทธิการเมืองและอาจทำให้พรรคการเมืองถูกยุบได้นั้น ประเด็นข้อขัดแย้งดังกล่าวควรที่วุฒิสภาจะตั้งคณะกรรมาธิการฯขึ้นมาศึกษา ภายในเวลา 45 วัน


 


ส่วนของนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร และคณะส.ว.เลือกตั้งรวม 13 คน ระบุเหตุผลว่า หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) รัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2549 ได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 40 และได้เกิดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ แต่ในระหว่างการจัดทำและยกร่างรัฐธรรมนูญ กระบวนการและขั้นตอนต่างๆ ตลอดจนบรรยากาศและการปกครองขณะนั้น ไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ พรรคการเมืองและนักการเมืองถูกมองในภาพลบ บางมาตราขัดกับหลักประกันสิทธิเสรีภาพของบุคคล และขัดหลักนิติธรรม ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ถูกต้องตามหลักสากล และเป็นปัญหาการตีความรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการระบอบประชาธิปไตย และอาจก่อให้เกิดวิกฤติทางการเมืองตามมา ดังที่เกิดปัญหาขึ้นในปัจจุบันและอาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นจึงเสนอญัตติเพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภา ตั้งคณะกรรมาธิการฯขึ้นมาศึกษา โดยมีกำหนดเวลา 90 วัน


 


 


คลังเล็งเพิ่มเงินเดือนให้ลูกจ้างชั่วคราว


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางไปแก้ไขกฎระเบียบการว่าจ้างลูกจ้างประจำของรัฐ เพื่อให้สามารถขยายเพดานค่าจ้างขั้นสูงให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยจะเพิ่มเพดานค่าจ้างขั้นสูงอีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้มีลูกจ้างประจำกว่า 9,2000 ราย มีรายได้เพิ่ม เช่น นักการภารโรง คนสวน และยาม จะปรับขึ้นจาก 12,440 บาท เป็น 14,930 บาท พนักงานขับรถยนต์เพิ่มจาก 15,260 บาท เป็น 18,320 บาท ซึ่งจะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นเดือนละ 57 ล้านบาท หรือปีละ 690 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ทันในปี งบประมาณ 2552


 


ส่วนการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรมบัญชีกลาง และคณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติ เนื่องจากงบประมาณมีจำกัดดังนั้นจะให้ความสำคัญกับกลุ่มข้าราชการระดับล่าง ก่อน


 


 


พงษ์เทพเผยดีเดย์ 2 พ.ค.เปิดตัวมูลนิธิบ้านเลขที่111           


สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น - นาย พงษ์เทพ เทพกาญจนา กล่าวถึงการตั้งมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ว่า อยู่ระหว่างขอจัดตั้ง และจดทะเบียน โดย 2 พ.ค.จะเปิดตัวมูลนิธินี้ เพื่อให้บรรดาผู้ที่เคยอยู่ในชะตากรรมบ้านเลขที่นี้ และเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรก มาร่วมตัวทำประโยชน์ให้ส่วนรวม และในวันนั้นผู้ที่จำนงทำงานเพื่อส่วนรวม ในแนวทางการกุศล จะมาร่วมเปิดตัว และเสนอมุมมองการทำงานเพื่อให้ประเทศดีขึ้นจะเป็นอย่างไรบ้าง


 


 


เสนาะเตือนรัฐบาลล่มหากแก้ไขรธน.ไม่สำเร็จ         


สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น - นาย เสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เห็นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะเป็นการแก้กฎระเบียบของประเทศหากทำการไม่สำเร็จแล้ว อาจจะทำให้เรือ ซึ่งหมายถึงรัฐบาล อับปางลงได้ โดยทางที่ดีทุกฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากัน ไม่ควรคิดทิ่มแทงกันทั้งนี้ เพื่อนำพารัฐนาวาให้ผ่านพ้นไปได้ อีกทั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ควรที่จะกระทำการเพื่อคนใดคนหนึ่ง แต่ควรที่จะทำเพื่อประเทศชาติ บ้านเมือง พร้อมกันนี้ยังได้แนะให้รัฐบาล ควรคิดเร่งแก้ไขปัญหายุติวิกฤติเศรษฐกิจต่าง ๆ ของประเทศให้มากขึ้น ทั้งด้านเกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน


 


อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพรรคประชาราช ยังเชื่อว่า หลังจากนี้จะไม่มีความรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น หากทุกฝ่ายไม่คิดทิ่มแทงกันและกระทำการด้วยความบริสุทธิ์ใจ ขณะเดียวกัน ก็ไม่เห็นด้วยที่ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะนำประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกมาเคลื่อนไหว


 


 


"มาร์ค"ปฏิเสธส.ส.ชาติไทยขอเข้าพรรคประชาธิปัตย์


คมชัดลึก - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานระบุมี ส.ส.พรรคชาติไทย ติดต่อขอเข้าสังกัดพรรคประชาธิปัตย์หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการเสนอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่า ยังไม่เคยมี และคิดว่าเป็นเรื่องที่มีกระบวนการอีกยาว ซึ่งพรรคชาติไทยตั้งใจที่จะต่อสู้คดี ดังนั้นขั้นตอนกว่าจะผ่านอัยการไปถึงศาลรัฐธรรมนูญยังอีกนาน และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เคยถูก กกต.มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคมาแล้ว แต่ในที่สุดหากพิสูจน์ได้ว่าพรรคไม่ได้กระทำผิด จึงไม่มีการยุบ ดังนั้นในกรณีของพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยจึงมีช่องทางในการต่อสู้ ซึ่งตนมั่นใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความเป็นธรรม ทุกอย่างจะตรงไปตรงมา


 


"พรรคเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว ขณะนั้นถูกพรรคไทยรักไทยร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคต้องต่อสู้คดีโดยใช้เวลาเป็นปี ฉะนั้นทราบดีว่าเป็นความกังวลและเป็นความหนักใจ แต่เมื่อพรรคการเมืองต่างมั่นใจ ก็ต้องต่อสู้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


 


 


คลังเสนอลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองและค่าธรรมเนียมการโอนเพิ่มเติม


สำนักข่าวไทย - นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 เมษายนนี้ จะเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาขยายมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม จากเดิมที่ ครม.เห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเสนอให้ลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองและค่าธรรมเนียมการโอน จากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 ให้กับประชาชนที่ปลูกที่อยู่อาศัยเองบนที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ เพื่อให้มาตรการนี้ส่งผลกับประชาชนในระดับล่างและระดับกลาง จึงกำหนดให้ปลูกบนที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ในทุกระดับ มาตรการนี้ จะดำเนินไปควบคู่กับมาตรการเดิมที่จะครอบคลุมเฉพาะการซื้อที่อยู่อาศัยจาก ผู้ประกอบการหรือโครงการบ้านจัดสรรเท่านั้น เพื่อให้มาตรการส่งผลครอบคลุมกับประชาชนทุกระดับ เพราะในปัจจุบันมีประชาชนเป็นจำนวนมากที่นิยมปลูกที่อยู่อาศัยบนที่ดินของ ตัวเอง ส่วนกรณีของการลดภาษีธุรกิจเฉพาะร้อยละ 3.3 เหลือร้อยละ 0.11 นั้น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะมาตรการมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมาแล้ว ดังนั้น ประชาชนหรือผู้ประกอบการรายใดที่ยังติดขัดเรื่องการโอนการจดจำนอง สามารถดำเนินการได้ทันที


 


รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นอกจากการลดภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์แล้ว ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ยังได้เตรียมวงเงินสินเชื่อไว้อีก 10,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยให้กับประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองเป็นหลังแรก ซึ่งกำหนดเงื่อนไขให้สินเชื่อรายละไม่เกิน 6 แสนบาท และได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำและเป็นอัตราคงที่ 7 ปี และ 8 ปี โดยอาจอยู่ระหว่างร้อยละ 4.25-4.5 คาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์ประมาณ 15,000 -20,000 ราย ซึ่งเชื่อว่าเมื่อได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังในการออกพันธบัตร เพื่อระดมเงินทุนมาปล่อยสินเชื่อแล้วทางธอส.จะเปิดตัวโครงการได้ทันที


 


 


ขยายศูนย์สิริกิติ์ 5 พันล้านกล่อม 'เจริญ' ประมูลใหม่


ผู้จัดการรายวัน - กรมธนารักษ์ยกระดับการพัฒนาที่ดินราชพัสดุ "ศูนย์ประชุมสิริกิติ์-โรงงานยาสูบ" ระยะที่ 2 ขึ้นชั้นเมกะโปรเจกต์ เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนหลังขยายพื้นที่จาก 53 เป็น 99 ไร่ มูลค่าโครงการ 5 พันล้าน พื้นที่ใช้สอยเพิ่มเป็น 1 แสนตารางเมตร สานฝันศูนย์ประชุมระดับเวิลด์คลาส เตรียมเข้า ครม.เร็วๆ นี้ พร้อมกล่อม เอ็น.ซี.ซี.คู่สัญญาเดิมเข้าร่วมประมูลรอบใหม่


 


แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าที่กรมธนารักษ์และบริษัท เอ็น.ซี.ซี แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ได้ตั้งคณะกรรมการร่วมเข้ามาเจรจาและแก้ปัญหาที่ราชพัสดุบริเวณศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระยะที่ 2 ว่า ได้ข้อสรุปแผนพัฒนา (มาสเตอร์แพลน) แล้ว โดยแนวทางการลงทุนตามมาสเตอร์แพลนจะขยายการลงทุนศูนย์ประชุมฯ ให้กลายเป็นศูนย์ประชุมที่รองรับการประชุมนานาชาติในระดับสากล (world class) มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท ขยายพื้นที่เป็น 99 ไร่ จากเดิม 53 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 โซน โซน 1 ศูนย์ประชุม และห้องจัดงานเลี้ยง นิทรรศการ และแสดงสินค้า มีพื้นที่ใช้สอย 105,502 ตรม. จากเดิม 65,502 ตรม. มีพื้นที่จอดรถใต้อาคาร 78,000 ตรม. หรือจอดรถได้ 2,246 คัน


 


"พื้นที่ตรงนี้ถือว่าเป็นแปลงใหญ่ใจกลางเมือง ผืนที่สวยที่สุด และมีระบบขนส่งมวลชนรองรับเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันศูนย์ประชุมมีความสามารถในการทำตลาดเป็นอย่างมากมีคนจองใช้พื้นที่เต็มตลอด เพียงแต่พื้นที่ที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จอดรถมีน้อยเกินไป หากขยายได้ตามแผนก็จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น" แหล่งข่าวกล่าวและว่า มาสเตอร์แพลนดังกล่าวได้ใช้เวลาในการศึกษาและหารือร่วมกับเอกชนมากว่า 2 ปี และคิดว่าเป็นทางออกที่ที่สุด ที่จะใช้พื้นที่จำนวน 500 ไร่ ในบริเวณนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับกฏหมายและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด รวมถึงจะทำให้ประเทศไทยได้มีศูนย์การประชุมระดับที่แข่งขันกับภูมิภาคได้ และจะสามารถสร้างรายได้ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศในอนาคต


 


แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขั้นตอนต่อไปจะเสนอกระทรวงการคลังและนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติ ก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอน ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานและดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 เนื่องจากเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านบาท


 


มาสเตอร์แพลนดังกล่าวยังครอบคลุมแผนในการพัฒนาพื้นที่บริเวณโรงงานยาสูบที่อยู่ระหว่างส่งมอบพื้นที่จำนวน 300 ไร่คืนให้กับกรมธนารักษ์หลังจากที่จะย้ายโรงงานยาสูบไปยังโรงงานแห่งใหม่


 


"พื้นที่ 300 ไร่ดังกล่าวจะนำมาพัฒนาเป็น สวนวัฒนธรรม หอศิลป์ และศูนย์ศิลปาชีพ ลานกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับบริเวณสวนน้ำที่มีอยู่เดิม และรองรับสำหรับลูกค้าที่มาใช้สถานที่ศูนย์ประชุมได้มีพื้นที่สำหรับท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรม"


 


สำหรับแนวทางแก้ปัญหาคู่สัญญาเดิมนั้น หากกระทรวงการคลังเห็นชอบกับมาสเตอร์แพลนดังกล่าว ก็ต้องพิจารณารูปแบบการดำเนินการว่าจะทำอย่างไร เบื้องต้น คาดว่าจะต้องมีการเปิดประมูลสัมปทานใหม่ แล้วให้เอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมประมูล ซึ่ง เอ็น.ซี.ซี. เองก็สามารถที่จะเข้ามาร่วมประมูลได้ แต่หากจะให้ถือตามสัญญาเดิมนั้นคงเป็นไม่ได้ เพราะตามสัญญาเดิมนั้นระบุชัดว่า เอ็น.ซี.ซี.ต้องปฏิบัติตามสัญญาใน 4 ปี แรกถึงจะได้สัมปทานต่อไปอีก 25 ปี แต่ตามกรณีนี้ก็ต้องถือว่าไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้


 


คณะกรรมการเรื่องดังกล่าวมีนางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธาน วัตถุประสงค์เพื่อสะสางปัญหาที่ เอ็น.ซี.ซี.ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี คู่สัญญาของกรมธนารักษ์ ในการบริหารพื้นที่ราชพัสดุบริเวณศูนย์การประชุมฯ ที่จะต้องดำเนินการสร้างโรงแรมสูง 23 ชั้น ตั้งแต่ปี 2539 ให้แล้วเสร็จในปี 2545 ไม่สามารถดำเนินการตามสัญญา เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องการใช้พื้นที่ที่ขัดกับข้อกำหนดการใช้พื้นที่สีเขียวของ กทม.ทำให้ไม่สามารถสร้างตึกสูงได้ ระหว่างนี้กรมธนารักษ์จะเจรจากับ กทม.เพื่อหาทางออกอีกครั้ง


 


ทั้งนี้ สัญญาระหว่าง เอ็น.ซี.ซี.กับกรมธนารักษ์เมื่อปี 2539 กำหนดให้สร้างโรงแรม 5 ดาว จำนวน 400 ห้อง มีความสูงถึง 98 เมตร มีลานจอดรถได้ 3,000 คัน มูลค่า 2,732 ล้านบาท แต่ติดปัญหาเรื่องพื้นที่สีเขียว ตามข้อกำหนดของกรุงเทพมหานคร ที่ไม่สามารถสร้างตึกสูงเกิน 23 เมตร จึงได้ยืดเยื้อเรื่อยมา ทั้งที่ตามสัญญาเดิม เอ็น.ซี.ซี. จะต้องก่อสร้างโรงแรมตั้งแต่ปี 2539 และเริ่มจ่ายรายได้ให้รัฐตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นไป


 


ในสัญญาการเช่าใช้พื้นที่ 53 ไร่ เป็นระยะเวลา 25 ปี (ตั้งแต่วันเริ่มก่อสร้างจนแล้วเสร็จ) โดยจะทำให้รัฐบาลได้รับผลตอบแทนทั้งสิ้น จำนวน 11,071 ล้านบาท แบ่งเป็น ในช่วงปีที่ 1-5 จ่ายค่าเช่าให้รัฐปีละ 100 ล้านบาทหลังจากนั้นค่าเช่าจะเพิ่มสูงขึ้นจนถึงปีที่ 12 ต้องจ่ายผลตอบแทนให้รัฐ จำนวน 448 ล้านบาท ในปีที่ 15 จะปรับเพิ่มเป็น 600 ล้านบาท และทยอยเพิ่มสูงขึ้นจนปีที่ 20 ต้องจ่าย จำนวน 700 ล้านบาท และในปีที่ 25 ต้องจ่าย จำนวน 714 ล้านบาท หลังจากนั้น สินทรัพย์ทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐบาล และหากมีการยกเลิกสัญญาโดยฝั่งเอกชน กรมธนารักษ์จะได้ค่าประกันที่ทาง เอ็น.ซี.ซี. นำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการก่อสร้าง จำนวน 273 ล้านบาท และค่าบริหารศูนย์การประชุมฯ จำนวน 90 ล้านบาท


 


 


 


ต่างประเทศ


 


           


คบเพลิงโอลิมปิกเดินทางถึงปากีสถาน


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ขบวนคบเพลิงโอลิมปิกเดินทางจากโอมานมายังปากีสถาน หลังจากที่เผชิญกับการประท้วงจากผู้สนับสนุนทิเบตและกลุ่มสิทธิมนุษยชน ทำให้ทางการปากีสถานปรับเส้นทางวิ่งคบเพลิงในนาทีสุดท้าย เพื่อรักษาความปลอดภัยและวิตกว่า อาจถูกกลุ่มก่อการร้ายอัลไกดา หรือกลุ่มตาลีบานโจมตีในปากีสถานเหมือนที่ผ่านมา


 


เจ้าหน้าที่ปากีสถานตัดสินใจปรับลดเส้นทางวิ่งให้สั้นที่สุด แทนที่จะแห่ขบวนคบเพลิงไปยังถนนใหญ่ผ่านทำเนียบประธานาธิบดีและถนนสายสำคัญ ก็เปลี่ยนเป็นการวิ่งรอบสนามกีฬาจินนาห์ที่มีผู้ชมจำนวนมาก ซึ่งประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ของปากีสถานมีกำหนดเข้าร่วมพิธีดังกล่าว


 


 


ยึดบ้านในสหรัฐพุ่งขึ้นร้อยละ57 ในรอบ12 เดือนที่ผ่านมา     


สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น - บริษัทเรียลตี้แทรค ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยวานนี้ว่า การยื่นขอยึดบ้านที่จำนองไว้ในสหรัฐพุ่งขึ้น 57 % ในรอบ12 เดือนที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และการยึดทรัพย์ของธนาคารก็พุ่งขึ้น 129 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เจ้าของบ้านพยายามอย่างหนักที่จะชำระสินเชื่อบ้าน


 


เรียลตี้แทรคเปิดเผยว่า ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา การยื่นขอยึดบ้าน, ประกาศแจ้งการผิดนัดชำระหนี้, ประกาศแจ้งการขายทอดตลาดและการยึดทรัพย์ของธนาคารเพิ่มขึ้น 5 % โดยมีมากที่สุดในรัฐเนวาดา,แคลิฟอร์เนีย และฟลอริดา


 


การยื่นขอยึดบ้านเพิ่มขึ้นรวมเป็น 234,685 หลังในเดือนมี.ค. หลังจากที่ลดลง 4 % ในเดือนก.พ. แต่เรียลตี้แทรคระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้แตะระดับสูงสุด


 


"สิ่งที่เรากำลังจะเห็นจริงๆ ก็คือผลกระทบต่อเนื่องจากประชาชนที่ใช้กำลังเกินตัวในการซื้อบ้านที่พวกเขา ไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะจ่าย และใช้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้ได้บ้านมาก่อน" นายริค ชาร์กา รองประธานฝ่ายการตลาดจากเรียลตี้แทรคกล่าว


 


"เรากำลังจะเห็นการยึดบ้านในจำนวนที่สูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3 หรือ 4 ซึ่งจะสะท้อนการเพิ่มขึ้นอย่างมากของการจ่ายสินเชื่อลูกหนี้ในตลาดสินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยที่ปล่อยกู้ให้แก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบปรับได้ในเดือนพ.ค.และมิ.ย."


 


ครัวเรือนในสหรัฐ 1 ครัวเรือนในทุก ๆ 538 ครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในที่อาศัยแบบครอบครัวเดี่ยวได้รับใบแจ้งขอยึดบ้านใน เดือนมี.ค. ซึ่งที่อยู่อาศัยแบบครอบครัวเดี่ยวหมายรวมถึงคอนโดมิเนียมด้วย


 


ในรัฐส่วนใหญ่ กระบวนการยึดบ้านแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนด้วยกันคือ ประกาศแจ้งการผิดนัดชำระหนี้เบื้องต้น, ประกาศแจ้งกำหนดการขายทอดตลาด และการยื่น "REO" ถ้าหากทรัพย์สินดังกล่าวไม่ถูกขายในการประมูล แต่ถูกธนาคารยึดคืนมาแทน โดย REO หมายถึงอสังหาริมทรัพย์ในครอบครอง (real estate-owned property)


 


ฝรั่งเศสเตรียมเอาผิดสื่อยั่วยุให้สาวอยากผอม         


สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น - สมัชชา แห่งชาติฝรั่งเศสผ่านร่างกฎหมายหวังเอาผิดสื่อที่พยายามยั่วยุหรือส่งเสริม แนวคิดที่ว่า "ยิ่งผอมยิ่งสวย" เป็นร่างกฎหมายที่ต้องการเล่นงานเว็บไซต์ที่ส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นโรคกลัว อ้วน หรืออะนอเร็กเซีย


 


ถ้าผ่านความเห็นชอบจากสภาสูงฝรั่งเศส ร่างกฎหมายฉบับนี้ก็จะมีผลบังคับใช้ โดยสื่อที่ส่งเสริมแนวคิด "ยิ่งผอมยิ่งสวย" เช่น การเผยแพร่ข้อมูลผ่านห้องเสื้อ นิตยสาร และโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้เด็กสาวและผู้หญิงหันมาลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร อาจถูกทางการลงโทษด้วยการจำคุก 2 ปี และปรับเป็นเงิน 30,000 ยูโร (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) และถ้าตรวจพบว่าเนื้อหาที่สื่อนำเสนออาจส่งผลให้ผู้ปฏิบัติตามถึงแก่ชีวิต ได้ บทลงโทษก็จะหนักขึ้นกว่าเดิม โดยการสั่งปรับเป็นเงินสูงถึง 45,000 ยูโร หรือกว่า 2.2 ล้านบาท และอาจถูกจำคุกนาน 3 ปี


 


รัฐมนตรีสาธารณสุขฝรั่งเศส ยืนยันร่างกฎหมายฉบับนี้น่าจะช่วยยับยั้งเว็บไซต์ที่มีเนื้อหากระตุ้นให้คน เป็นโรคอะนอเร็กเซีย ซึ่งเว็บไซต์ทำนองนี้กำลังแพร่หลายอย่างรวดเร็วตามสื่ออินเตอร์เน็ต มีเนื้อหายั่วยุให้เด็กสาวไม่พูดความจริงกับแพทย์ แนะนำให้พวกเธอรับประทานอาหารที่ทำให้อาเจียนออกมา และให้ทำร้ายตัวเองทุกครั้งที่เผลอกินอาหารเข้าไป ถือเป็นเว็บไซต์ที่อันตรายต่อสุขภาพประชาชน จึงทำให้ทางการฝรั่งเศสต้องรีบหาทางควบคุมเว็บไซต์ดังกล่าว


 


 


ชาวอินโดฯ อพยพหนีภูเขาไฟที่ปะทุพ่นควันพร้อมเถ้าถ่าน


เว็บไซต์คมชัดลึก - ประชาชนหลายร้อยคน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนในพื้นที่ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย หลังจากภูเขาไฟ เมาท์ อีกอน ที่ตั้งอยู่บนเกาะฟลอเรส อยู่ห่างไปทางตะวันออกของกรุงจาการ์ต้า 1,800 กิโลเมตร เกิดประทุขึ้น และพ่นเถ้าถ่านและควันไฟออกจากปล่องภูเขาไฟขึ้นไปบนอากาศเป็นระยะทางหลายพันเมตร โดยนายซูโรโน่ ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟ เปิดเผยว่าได้ยกระดับการเตือนภัยภูเขาไฟเมาท์ อีก่อน อยู่ในระดับสูงสุดระดับที่สอง ซึ่งประชาชนราว 600 คน ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ใกล้กับภูเขาไฟมากที่สุด ได้อพยพออกจากบ้านเรือนแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ นับตั้งแต่พ่นภูเขาไฟและควันร้อนความสูง 4 กิโลเมตร ขึ้นไปบนอากาศ


 


การประทุของภูเขาไฟ ได้เริ่มตั้งแต่คืนวันอังคารจนถึงเช้าวันเสาร์ ซึ่งอินโดนีเซีย ได้ชื่อว่าตั้งอยู่ในบริเวณที่ง่ายต่อการเผชิญทั้งการประทุของภูเขาไฟ และการเกิดแผ่นดินไหว ที่เรียกว่าวงแหวนแห่งไฟ ที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้า ความยาวประมาณ 4 พันกิโลเมตร กินระยะทางตั้งแต่ครึ่งหนึ่งของซีกโลกตะวันตก ผ่านญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


 


 


 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net