Skip to main content
sharethis






การเมือง


การเมือง


 


'สมัคร'สวดยับ!กรรมของบ้านเมือง โมโหกระแสข่าว'ยุบพรรค'พวกจ้องทำลายความเจริญ พปช.ส่งสัญญาณแก้ รธน.



"เลี้ยบ"ส่งสัญญาณอยากให้เร่งแก้ รธน.เสนอเป็นความเห็นส่วนตัว อ้างนักลงทุนไม่มั่นใจ ส่วน "พ.ต.ท.กานต์" ไม่ถอย ยืนยันแนวคิดชงยุบสภาหนียุบพรรค อ้างมีกองหนุนจากส.ส.เหนือ-อีสานดี "สามารถ" เต้นผางปฏิเสธทันควันโยนเป็นความคิดของ "พ.ต.ท.กานต์" คนเดียว


 


"สมัคร" ด่ากราดพวกซาดิสต์คอยจ้องทำลายความเจริญ สวดยับ "กรรมของบ้านเมือง" ลั่นเล่นกันให้ตายเลยสิ ปฏิวัติก็แล้วยึดอำนาจก็แล้วจะเอาอะไรอีก "เฉลิม" เซ็งสุด ๆ ได้ยินแต่ยุบพรรคทั้งวัน "ชูศักดิ์"เด้งรับรธน.ฉบับนี้วางยาพรรคการเมือง ปชป.โดดค้านยุบสภาหนี โยนเป็นเกมการเมืองแบบเก่า "เติ้ง" ครางโดนอ่วมยิ่งกว่าฝนห่าใหญ่ พร้อมรับผิดชอบเอง เสียงอ่อยหากยุบสภาสู้ไม่ไหวแล้ว "ประพันธ์" เผยคดียุบ 2 พรรคยังหลายขั้นตอน 26 มี.ค. ที่ปรึกษากฎหมายหาข้อยุติ "สุเมธ" โต้พ่อลูกพรรคปลาไหล ยันไม่มีใบสั่ง อนุ คตส.ชงเลิกอายัดเงิน 2 พันล. ของ "น้องเอม" ชี้เป็นเงินเพิ่มทุนปกติ


 



"สมัคร" ด่าซาดิสต์เอาให้ตาย



เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) แถลงในระหว่างพบสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ว่า ตนยังไม่ได้พบและหารือกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎรหลังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งรับคำร้องที่กกต.ให้ใบแดง ในส่วนของพรรคก็พร้อมช่วยเต็มที่ เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พปช. มีข้อมูลเดียวกับทางพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยว่าหากสามารถยุบ 2 พรรคได้ก็จะเชื่อมโยงไปถึงพปช. นายสมัคร กล่าวว่า ตนออกปากพูดอะไรไม่ได้แล้ว พูดได้แต่เพียงว่ามันเป็นกรรมของบ้านเมืองนี้ มีการปฏิวัติยึดอำนาจ จนมีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ จนได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาโดยมีการเลือกตั้ง



"การตั้งรัฐบาลจนทั่วโลกยอมรับถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้จักจบจักสิ้น ใครที่ดำเนินการจนไม่รู้จักจบจักสิ้นคิดดู ว่าไม่สงสารบ้านเมืองบ้างหรือ ไม่ต้องมาสงสารผม ผมมันคนธรรมดาไม่เป็นอะไรก็ไม่ตาย แต่บ้านเมืองมันตายไม่สงสารบ้างหรือ จะเอาให้ตายกันตรงนี้ก็เอาซิ เอากันให้ตายไปเลยให้พรรคการเมืองมันตายกันไปเลย พรรคการเมืองมันตายก็ไม่เป็นไร แต่ประเทศชาติมันตาย กว่าจะล้มลุกคลุกคลานกว่าจะเงยหัวขึ้นมาได้ พอเงยหน้าไปคบค้าสมาคมกับใครเขาได้ ก็จะกลับมาเป็นอย่างเดิมจะเอากันให้ตายอีก พอใจหรือยัง ไม่ต้องถามอีกแล้วพอแล้ว เอาไปออกข่าวก็แล้วกัน" นายสมัคร กล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห


 



สวดปฏิวัติทำแล้วจะเอาไง



ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่อ้างถึงว่าจ้องจะทำลายและยุบพรรคเป็นใคร นายสมัคร กล่าวว่า ตนไม่ระบุคนทั้งประเทศรู้ แต่ใครที่คิดจะทำอะไรอย่างนี้ขอให้คิดบ้างว่าบ้านเมืองและประเทศของเรา เอาพรรคการเมืองให้ตาย แปลว่าจะฆ่าประเทศนี้ให้ตาย มันสะใจอะไรกันนักหนา มันเจ็บช้ำน้ำใจอะไรกันนักหนา ปฏิวัติไปแล้ว ยึดอำนาจไปแล้ว จะฆ่ากันให้ตายเอากันให้ตายอีก ส่วนที่พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเสนอให้ยุบสภานั้น นายสมัคร กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค พ.ต.ท.กานต์เป็นนักการเมืองก็มีสิทธิที่จะคิดและพูด พรรคไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรกับความคิดเห็นดังกล่าว สำหรับตนไม่มีความคิดเห็น


 



เมื่อถามว่า แสดงว่าจะไม่ยุบสภาใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า สื่อคิดว่าตนจะทำอย่างนั้นหรือ ต่อข้อถามว่ากฎหมายมันยังมีทางออกหรือไม่ เพราะกกต.เองก็บอกว่าพยายามหาทางอยู่ นายสมัคร กล่าวว่า ถ้า กกต.พยายามก็ต้องแสดงออกมาให้เห็น กกต.ลองพูดออกมาสัก 2-3 คำสิว่า เรื่องนี้ต้องดูทั้งหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ก็พูดออกมาบ้าง แต่นี่ไม่เห็นพูด ข่าวที่ออกมามีแต่ข่าวร้ายทั้งนั้นลองคิดถึงหัวอกคนที่ทำงานบ้าง ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดใช่หรือไม่มีการวางยาไว้ในรัฐธรรม นูญ นายสมัคร กล่าวว่า "แหง เมื่อ กกต. บอกว่าไม่มีทางที่จะวินิจฉัยไปทางอื่น ก็ฆ่ากันเสียให้ตายเลยรู้แล้วรู้รอดไป หมดเรื่อง"


 



"กานต์" อ้างพวกเสนอยุบสภา



พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีถูกแกนนำพรรคพลังประชาชนออกมาตำหนิหลังเสนอยุบสภาเพื่อหนีการถูกยุบพรรค ภายหลังที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีมติประทับรับฟ้องคดีของนายยงยุทธว่า ไม่ถือเป็นความขัดแย้งในพรรค เพราะเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวและของส.ส.ภาคเหนือบางส่วน หลังปรากฏข่าว ส.ส. อีสาน พรรคพลังประชาชน ได้โทรศัพท์มาสนับสนุนแนวคิดด้วยหลายคน ซึ่งตนยังยืนยันใน ความเห็นเดิมว่าหากศาลฎีกามีมติให้ใบแดงนายยงยุทธ จนนำไปสู่การฟ้องร้องคดียุบพรรคพลังประชาชน


 



รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยังกล่าวว่า ถึงเวลานั้นตนจะเสนอให้นายสมัครพิจารณายุบสภา แม้ว่าจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่เมื่อถูกตั้งธงให้ยุบพรรคพลังประชาชนตามที่ทราบข่าวในทางลึกมา รวมทั้งมือที่มองไม่เห็นก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ทางออกสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นการยุบสภาเพื่อเริ่มต้นใหม่ ส.ส.ก็ปลอดภัยเพราะไปสังกัดพรรคใหม่ได้ทัน ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและรับได้


 



"เลี้ยบ" ส่งสัญญาณแก้รธน.



ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว.คลัง ในฐานะ เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า จากคดียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาฯ รวมทั้งกรณีศาลฎีการับฟ้องคดีนายยงยุทธ ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเริ่มไม่มั่นใจ อีกทั้งหนึ่งในกรรมการของ กกต.ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีทางเลือกในการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้นั้น จึงเห็นว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญปี 50 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่เกิดจากเหตุการณ์ยึดอำนาจ 19 ก.ย. 49 โดยยังเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของตน เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนและเกิดเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งทุกพรรคไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้


 



นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การจะยุบพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นล้านคนนั้น ไม่ใช่ทำได้ง่าย ๆ เพียงเพราะสมาชิกคนใดคนหนึ่งทำผิดกฎระเบียบ ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วย ปกติทุกพรรคการเมืองย่อมที่จะพยายามคัดกรองผู้สมัครหรือผู้ที่มาเป็นกรรมการอยู่แล้ว แต่คงเป็นไปได้ยากที่จะให้ได้ผู้สมัครที่ดีทั้ง 100% และอนาคตข้างหน้า จะมีการกลั่นแกล้งต่าง ๆ เพื่อยุบพรรค จะทำให้พรรคการเมืองมีกรรมการบริหารน้อยลงอาจไม่ถึง 10 คน และคนที่เป็นแกนนำพรรคจริง ๆ จะไม่มาเป็นกรรมการบริหารพรรคเลย หากได้รับเลือกตั้ง ก็จะมี รมต.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เราต้องการอย่างนั้นหรือ


 



"ชูศักดิ์" เห็นด้วยรธน.วางยา



นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งรับคำร้อง กกต.ที่ให้ใบแดงนายยงยุทธว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวมองหรือไม่ว่าหากพรรคมัชฌิมาธิปไตยและพรรคชาติไทยถูกยุบ จะเป็นบรรทัดฐานให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบไปด้วยหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังมองว่าข้อกฎหมายยังมีปัญหาอยู่ เพราะถ้าดูกฎหมายทั้งมาตราแล้วไม่ใช่ว่ากรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งคนใดไปดำเนินการแล้วทุกอย่างจะต้องไปเหมารวมว่าเป็นการกระทำของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตีความ โดยเฉพาะกฎหมายที่ออกมาในยุคเผด็จการจะต้องตีความดี ๆ


 



เมื่อถามว่าเห็นด้วยกับนายสมัคร หรือไม่ที่บอกว่ามีการวางยาในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน นายชูศักดิ์ กล่าวยอมรับว่าใช่ รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากผลพวงอะไรทุกคนก็ทราบดี เพราะไม่มียุคไหน สมัยไหนเขียนเรื่องการยุบพรรคไว้ในรัฐธรรมนูญ


 



ส.ส.เหนือปัดเชียร์ยุบสภา



นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกาถึงกรณี พ.ต.ท.กานต์ เสนอว่าอาจจะต้องมีการยุบสภาเพื่อหนีกรณีคดีใบแดงนายยงยุทธว่า คงไม่มีการยุบสภา เพื่อหนีใบแดง เพราะ การจะยุบสภาต้องเป็นเรื่องความขัดแย้งของฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติในเรื่องนโยบาย แต่หากยุบพรรคจริง ส.ส.หรือกรรมการที่ไม่มีส่วนในการกระทำผิดก็จะไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง


 



ขณะที่ นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส. เชียงราย พรรคพลังประชาชน และเลขานุการวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.กานต์ เสนอให้นายกฯ ประกาศยุบสภา ก่อนที่พรรคพลังประชาชนถูกสั่งให้ยุบพรรคว่า ตนในฐานะ ส.ส.เหนือ ยังไม่มีการพูดคุยในประเด็นดังกล่าว เชื่อว่าเป็นความเห็นของ พ.ต.ท.กานต์ คนเดียวและเชื่อว่าเรื่องนี้ ส.ส.ภาคเหนือและทุกคนในพรรคไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะการยุบสภาต้องมีวิกฤติสำคัญของประเทศ ทั้งนี้นางละออง ติยะไพรัช น้องสาวนายยงยุทธ ก็ไม่เห็นด้วย กับพฤติกรรมดังกล่าวเพราะเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งในการประชุมใหญ่ของพรรควันที่ 22 มี.ค.นี้ คงจะมีการตักเตือนกันบ้าง


 



"เหลิม" รำคาญจ้องยุบพรรค



ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกฯระบุเหมือนกับว่ากรณีการพิจารณายุบพรรคชาติไทย มัชฌิมาธิปไตยและพลังประชาชนจะเป็นการกลั่นแกล้งจากมือที่มองไม่เห็นว่า ที่นายกฯ พูดไปก็ต้องฟัง แต่กรณีของนายยงยุทธแตกต่างจากพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพราะทั้งสองพรรคนี้เป็นความเห็นของกกต.ที่เสนอให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งว่าควรยุบพรรค แต่กรณีของนายยงยุทธเสนอว่าควรได้ใบแดงเป็นคนละเรื่อง ซึ่งกกต. ต้องดูว่าเหตุผลในการให้ใบแดงนายยงยุทธเกี่ยวเนื่องกับการยุบพรรคหรือไม่ ถ้าเกี่ยวเนื่องกกต.ก็ต้องประชุม แล้วหากเห็นว่าควรยุบก็ต้องส่งไปให้อัยการสูงสุดแล้วไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ถึงตอนนั้นแล้วตนจะเป็นทนายเอง


 



เมื่อถามย้ำว่า ดูเหมือนนายกฯเองจะมีความกังวลคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นมาดำเนินการ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ใคร ๆ ก็กังวล วันนี้สิ่งหนึ่งที่ตนรำคาญที่สุด รำคาญจริง ๆ ก็คือเรื่องยุบพรรค บ้านเมืองมันกำลังเดือดร้อน ปักษ์ใต้ก็มีปัญหา เศรษฐกิจก็แย่ ยาเสพติดระบาดถึงคอหอยลูกกระเดือกก็พูดอยู่เท่านั้นแต่ยุบพรรค กฎหมายถ้าแปลความเป็นคุณบ้างได้ก็จะดี เพราะกฎหมายเลือกตั้งเป็น public Law ไม่ใช่กฎหมายบังคับใช้ ไม่ใช่คดีอาญา หากแปลกฎหมายเป็นคุณบ้างก็จะดี บ้านเมืองจะได้ไม่ยุ่ง ถ้ามายุบพรรคพลังประชาชนถามว่ายุ่งหรือไม่ก็ บอกว่ายุ่งเขาก็หาพรรคใหม่เข้าสังกัด แล้วจะไปทำทำไมให้ยุ่งสับสนไม่เป็นอันทำงาน


 



ปชป.สับไร้ความชอบธรรม



นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.กานต์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนเสนอให้ยุบสภาเพื่อหนีกรณีการให้ใบแดงนายยงยุทธว่า เป็นการแสดงออกถึงความแตกแยกภายในพรรคพลังประชาชน จะเห็นได้ว่าโฆษกพรรคพลังประชาชน ออกมาแก้ข่าวพร้อมอธิบายเหตุแห่งการยุบสภาว่าเป็นคนละเรื่องกับการให้ใบแดงแก่นายยงยุทธ แต่อีกด้านหนึ่งกลับนำคดีของนายยงยุทธมาเกี่ยวโยงเป็นปัญหาของชาติ ตนมองว่าเป็นการเล่นเกมทางการเมืองและทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น



นายถาวร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เหตุการณ์การยุบสภา ถ้าย้อนไปในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการยุบสภา เนื่องจากกลัวถูกเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชั่นในสมัยนั้น ครั้งนี้ก็เช่นกันที่พรรคพลังประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภา เพราะถูกสังคมมองว่าเป็นตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณและอดีตพรรคไทยรักไทย ตนขอคัดค้านเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และไม่มีเหตุอันควรที่จะยุบสภา เพราะขาดความชอบธรรมที่จะยุบ และถ้ายุบสภาในขณะนี้ จะเกิดความเสียหายต่อการบริหารประเทศอย่างมาก จะทำให้บรรยากาศการเมืองหยุดชะงัก


 



"เติ้ง" โอดยิ่งกว่าฝนห่าใหญ่



ที่เมืองทองธานี นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวในระหว่างประชุมใหญ่ประจำปี 2551 ของพรรคชาติไทยว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ทำให้เกิดความยุ่งยากในการดำเนินการของพรรคการเมือง ถือว่าเป็นการบั่นทอนทางการเมือง ตนเห็นด้วยที่ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ นายบรรหาร ยังกล่าวปราศรัยกับสมาชิกพรรคเน้นถึงเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าถ้าพรรคชาติไทยมาร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนจะถูกใบแดง และอาจยุบพรรค ตนไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ชัยนาทถูกใบแดง และอาจถึงขั้นถูกยุบพรรค ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตอนนี้เหตุการณ์ใกล้เคียงแล้ว


 



นายบรรหาร ยังกล่าวอีกว่า ตนไม่ได้บอกว่ามีใบสั่งจากผู้ใหญ่ให้ยุบพรรคหรือไม่ แต่ต้องขอตำหนินายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ไม่น่าพูดอย่างนี้เป็นการชี้นำแล้วบอกว่า กกต.ส่วนใหญ่เห็นด้วย ทั้งที่เรื่องยังอยู่ที่ที่ปรึกษา ซึ่งโดย มารยาทแล้วคนพูดเรื่องนี้ต้องเป็นประธานกกต. อย่างการประชุมพรรคเราก็บอกแล้วเราห้ามแล้ว มีการเซ็นรับรองด้วย ปราศรัยทุกทีเราก็บอกหมด นี่เป็นความคิดที่ตนให้การไป ตนอยู่การเมืองมา 30 ปี ฝนห่าใหญ่ก็เจอมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้เจอฝนห่าอะไร ตนก็ตอบไม่ได้ว่าสู้กับอะไร ถ้ายุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่คงไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นการตัดสินใจของพรรคชาติไทยจะผิดจะถูกตนขอรับผิดชอบคนเดียว


 



ยุบพรรคยังอีกหลายขั้นตอน



นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ที่ปรึกษากฎหมายมีความเห็นพ้องกันให้ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยว่า ยังไม่เห็นความเห็นของที่ปรึกษากฎหมาย โดยต้องรอให้เสนอความเห็นมาอย่างเป็นทางการก่อน กว่าเรื่องจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องใช้เวลายาวนาน และเมื่อศาลพิจารณาแล้วก็ไม่ใช่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณายุบพรรคทุกเรื่อง ซึ่งเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาอย่างละเอียด



นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการ ที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนออกมาบอกว่า หาก กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาฯ ก็จะส่งผลให้ยุบพรรคพลังประชาชน และจะเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีชิงยุบสภาก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินยุบพรรคนั้น ก็ถือเป็นเรื่องตีตนไปก่อนไข้ เพราะขั้นตอนยังอีกนาน ถามว่าถ้าชิงยุบสภาไปแล้ว คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาอยู่นั้นจะเลิกไปไหม มันก็ไม่เลิกใช่ไหม เพราะศาลก็ต้องไต่สวนต่อไป แล้วการชิงยุบสภาก่อนที่ศาลจะตัดสินจะมีประโยชน์อะไร


 



นัดประชุมหาข้อยุติชงกกต.



นายสุพล ยุติธาดา ประธานคณะที่ปรึกษากฎหมาย กกต. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะที่ปรึกษาเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีการถกปัญหาในข้อกฎหมายที่กกต.ให้คณะที่ปรึกษาพิจารณา ทั้งเรื่องที่กฎหมาย กำหนดว่าเมื่อกรรมการบริหารพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต.จะต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ถือว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นครบองค์ประกอบกฎหมายแล้วหรือยัง หรือ กรรมการบริหารพรรคทำผิดจนถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จะต้องมีกรรมการบริหารพรรคคนอื่นรู้เห็นด้วยหรือไม่ แต่ทั้งนี้ที่ประชุมก็ยังไม่ได้มีการลงมติใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะกรรมการทั้ง 7 คนยังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันนัก ซึ่งเป็นประเด็นของรายละเอียดที่เห็นแตกต่างกัน ตนยังไม่สามารถเปิดเผยได้


 



นายสุพล กล่าวว่า ในส่วนของประเด็น ข้อเท็จจริงที่ว่า มีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ทางที่ปรึกษาไม่ได้มีการพิจารณาแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นประเด็นที่มีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนจนเป็นที่ยุติแล้ว อย่างไรก็ตาม ในการประชุมในวันที่ 26 มี.ค. ที่จะถึงนี้ คณะที่ปรึกษาจะมีการนัดประชุมอีกครั้ง ซึ่งน่าจะได้ข้อยุติ พร้อมทั้งเสนอความเห็นเสนอต่อที่ประชุม กกต.ได้


 



"สุเมธ" โต้ 2 พ่อลูกปลาไหล



ส่วนนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ออกมาระบุว่า ไม่ควรพูดเป็นการชี้นำข้อกฎหมาย รวมถึงกรณีน.ส.กัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เชื่อว่ามี "ใบสั่ง" ให้มีการยุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาฯว่า ตนไม่ได้ชี้นำใครและไม่เคยบอกว่าพรรคไหนต้องถูกยุบ และไม่ได้รับใบสั่งใครให้ยุบพรรค ตนไม่ใช่คนเลวขนาดไปรับใบสั่งจากใครอย่างที่มีบางคนกล่าวหา ตนไม่ได้ไปกินเงินเดือนใคร การพูดก็พูดตามข้อกฎหมาย ยังไม่ได้บอกว่าจะต้องยุบพรรคไหน คนอย่างตนจะไปชี้นำใครได้ ทั้งนี้อยากเชิญให้ที่ปรึกษากฎหมายของพรรคการเมืองช่วยเสนอความเห็นว่าจะแปลเรื่องนี้อย่างไร


 



นายสุเมธ กล่าวต่อไปว่า นายบรรหารเป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่อาจรู้สึกว่าเสียประโยชน์ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเขาต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง จะไปว่านายบรรหารก็ไม่ได้ เพราะนายบรรหารคงรู้สึกว่าเสียผลประโยชน์ ก็ย่อมต้องปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ทำให้อาจจะรู้สึกนึกคิดไปเป็นอย่างนั้น


 



ตั้ง กมธ.แกะรอยซื้อตัว ส.ว.



ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมวุฒิสภาเป็นครั้งแรก โดยที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานวุฒิสภา และยังมีมติกำหนดให้ประชุมวุฒิสภาทุกวันศุกร์ เวลา 09.30 น. รวมทั้งยังมีการพิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาสอบสวนเรื่องข่าวการให้ค่าตอบแทนในการเลือกประธานวุฒิสภา โดยนายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง และคณะ เป็นผู้เสนอ


 



หลังการอภิปรายนาน 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ทั้ง 15 คน ประกอบด้วย 1.นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว. อุตรดิตถ์ 2.พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ส.ว.สรรหา 3.พ.ต.ท.คมกฤษ ไวสืบข่าว 4.นายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล 5.นายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง 6.นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร ส.ว.เชียงใหม่ 7.พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร ส.ว.สรรหา 8.พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ส.ว. สรรหา 9.พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ส.ว.มุกดาหาร 10.นายสงคราม ชื่นภิบาล ส.ว. สรรหา 11.น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ 12.นายภิญโญ สายนุ้ย ส.ว.กระบี่ 13.พล.ต.ต. ขจร สัยวัตร์ ส.ว.หนองคาย 14.นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา และ 15.นายสมชาติ พรรณพัฒน์ ส.ว.นครปฐม


 



แจงถึงคิว ตท.10 ขึ้นแถวหน้า



ที่กองทัพเรือ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. ให้สัมภาษณ์ถึงความเหมาะสมในการปรับย้ายนายทหารประจำเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ส่วนการปรับย้ายของกองทัพเรือถือว่าเหมาะสม เพราะเป็นคนทำเอง เมื่อถามว่า การปรับย้ายครั้งนี้เป็นการคืนความชอบธรรมให้กับ ตท.10 หรือไม่ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ปีนี้ ตท.6 และ ตท.7 ก็เกษียณเกือบหมด ตท.8-9 ก็เริ่มทยอยเกษียณกันหมด ดังนั้น ตำแหน่งจึงต้องเป็นของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ตท.รุ่น 10, 11 หรือ 12 ที่จะขึ้นมา และในช่วงนี้เป็นเวลาพอดีที่ ตท.10 เป็นรุ่นหัวแถวที่ยังไม่เกษียณ ทำให้มองเห็นว่า ตท.10 ขึ้นมาหลายตำแหน่ง ไม่ว่ารุ่นไหนพอถึงเวลาที่เป็นหัวแถว เขาก็ต้องขึ้นอย่าไปมองที่รุ่น มันไม่ใช่ การปรับย้ายครั้งนี้ไม่มีความกดดันจากฝ่ายการเมือง


 



พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม กล่าวว่า ตนทราบว่านายสมัคร ได้รับความกดดันจากทางการเมืองแต่ท่านก็ไม่ยอม และแต่งตั้งให้ตนอยู่ใน ตำแหน่งที่สูงขึ้น คิดว่าการโยกย้ายครั้งนี้จะไม่ทำให้กองทัพเกิดความแตกแยก เพราะทหารทุกคนเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราต้องรับใช้ประเทศชาติมากกว่าไปรับใช้การเมือง ไม่เช่นนั้นไม่ถือว่าเป็นทหารของชาติ แต่รู้สึกไม่สบายใจที่มีผู้บังคับบัญชาบางหน่วยงานไปปรับย้ายลูกน้อง โดยอ้างเหตุผลที่ไม่ชอบธรรม อย่างในพื้นที่ จ.เชียงรายและบุรีรัมย์ ซึ่งตนคิดว่าประชาชนรู้ดี เพราะไม่ได้โง่


 



แอ่นอกให้สอบงบลับ คมช.



พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ. ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดหารือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ บัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปีว่า ไม่ได้มีการนัดหมายกัน ขณะนี้ คมช.ไม่มีแล้ว คนเขาจะไปคุยกันอย่าไปสนใจมาก ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัคร ได้ตั้งคณะกรรมการสอบการใช้งบลับของ คมช. ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คมช.ไม่มีแล้ว แต่ถ้าจะตรวจสอบก็ตรวจได้ ซึ่งคนตรวจสอบสามารถทำได้อยู่แล้ว และตนก็พร้อมที่จะตรวจได้ทุกอย่าง ไม่เฉพาะแค่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว


 




ส่วนนายสมัคร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผบ.ทบ.ร่วมรับประทานอาหาร กับอดีต คมช.ที่บ้านของ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. โดยย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า "ยังอยู่อีกหรือ คมช. ไหนบอกว่าเลิกแล้วไง และผมคงไม่ไปถาม ผบ.ทบ.เพราะถือว่าเขาเคยทำงานด้วยกันไปกินข้าวร่วมกันไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไม่ต้องไปถาม เพราะถือว่ามันจบเรื่องไปแล้วไม่มีปัญหา" เมื่อถามว่าจะมีการตรวจสอบงบลับของ คมช.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนจะไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ต้องการให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไป


 



อนุ คตส.ชงเลิกอายัด 2 พันล.



แหล่งข่าวจาก คตส. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการพิจารณาคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ ของ คตส. ที่มีนายอำนวย ธันธรา กรรมการ คตส. เป็นประธาน ได้ประชุมพิจารณาคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ ในส่วนของบริษัท เอสซี ออฟฟิต พลาซ่า จำกัด ที่ถูก คตส.อายัดทรัพย์จำนวนกว่า 2 พันล้านบาท โดยหลังจากพิจารณาเหตุผลและคำให้การของพยานที่เกี่ยวข้อง จึงมีมติให้เพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ของบริษัทฯ จำนวนกว่า 2 พันล้านบาท ตามที่บริษัทฯ ร้องขอ


 



ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้อ้างเหตุผลว่า เงินจำนวน 2 พันล้านบาท ที่ คตส.อายัดเอาไว้โดยระบุว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งน.ส.พิณทองทา ชินวัตร ได้โอนเข้ามาให้บริษัทฯนั้น ในข้อเท็จจริงแล้ว เงินจำนวนนี้ น.ส.พิณทองทา ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว ได้โอนเข้ามาเพื่อเป็นการเพิ่มทุนของบริษัท ซึ่งเป็นการดำเนินงานปกติ และเปิดเผยไม่มีเจตนาที่จะปกปิดหรือซ่อนเร้น โดยมีการแจ้งข้อมูลไปยังกระทรวงพาณิชย์ ให้ได้รับทราบ และได้มีการเพิ่มทุนไปแล้ว ก่อนที่ คตส. จะออกคำสั่งอายัดทรัพย์ไว้.


 


ที่มา: http://www.dailynews.co.th


 


 







ความมั่นคง


 


"สุรชาติ"เสนอสูตร 3+3+1 ปฏิรูปงานความมั่นคงชาติ


การสัมมนาวิชาการเรื่อง "สถานการณ์และภัยคุกคามความมั่นคงของไทย : มุมมองจากภาครัฐ เอกชน และ ประชาสังคม" ซึ่งจัดโดยกลุ่มงานความมั่นคงระหว่างประเทศ สำนักนโยบายและแผน กระทรวงการต่างประเทศ ที่โรงแรมสยามซิตี เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา รศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ได้แสดงความเป็นห่วงปัญหาด้านการบริหารจัดการความมั่นคงของไทย ซึ่งส่งผลถึงการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งเสนอให้ปฏิรูประบบงานความมั่นคงอย่างเร่งด่วน


 


รศ.ดร.สุรชาติ ชี้ว่า ภายหลังสิ้นสุดสงครามเย็น (ค.ศ.1991) ไม่มีประเทศใดที่ไม่ปฏิรูประบบงานความมั่นคง ยกเว้นประเทศไทย แต่โชคดีที่มีพระสยามเทวาธิราช ทำให้เมืองไทยรอดพ้นสถานการณ์ร้ายต่างๆ มาได้ ต่อมาภายหลังเกิดเหตุการณ์ 911 (เหตุการณ์โจมตีตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.2001 หรือ 10 ปีหลังสิ้นสุดสงครามเย็น) ทุกประเทศก็ปรับตัวกันอีกครั้ง ยกเว้นประเทศไทยอีกเช่นเดิม



ฉะนั้นในวันนี้ประเทศไทยไม่สามารถเลี่ยงได้อีกแล้วที่จะต้องวางระบบการบริหารจัดการความมั่นคงใหม่ โดยต้องปฏิรูปองค์กรหลัก 3 องค์กรคือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) และกระทรวงกลาโหม



"เราต้องเลิกใช้วิธีปะผุรถคันเก่าเสียที" เขากล่าว



รศ.ดร.สุรชาติ ย้ำว่า รัฐบาลต้องบูรณาการงาน 3 ส่วนนี้ให้ได้ ถ้าทำไม่สำเร็จ ปัญหาภาคใต้จะไม่มีทางแก้ไขได้ รวมถึงปัญหาระดับชาติอื่นๆ อีกมากมายด้วย



"เมื่อเกิดเหตุการณ์วันที่ 4 ม.ค.2547 (เหตุการณ์ปล้นปืน 400 กระบอกจากค่ายทหารใน จ.นราธิวาส) เห็นชัดเลยว่าภาคใต้นั้นมีปัญหาทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นทับซ้อนกันอยู่ ผมพูดเสมอว่าตั้งแต่วันนั้นมีคนหายไป 2 คน และถึงวันนี้ก็ยังหาไม่เจอ คือนายเอกภาพ กับนางสาวบูรณาการ"



เขาเสนอว่า วิธีการปฏิรูปต้องใช้สูตร 3+3+1 ได้แก่ ปฏิรูป 3 องค์กรหลัก คือ สมช. สขช. และกระทรวงกลาโหม จากนั้นก็ต้องปฏิรูป 3 กระทรวงสำคัญที่เป็นหน่วยสนับสนุนงานความมั่นคง คือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม บวกกับอีก 1 กระทรวง ที่คนอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่จริงๆ แล้วเกี่ยว คือ กระทรวงการคลัง



"นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำทันที หากยังไม่ทำอะไรเลยก็จะไม่มีวันชนะในปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะอย่าลืมว่าถ้าเราไม่เริ่มบริหารจัดการตัวเอง เราจะบริหารจัดการสนามรบไม่ได้ และไม่มีกองทัพที่ไหนเอาชนะได้หากไม่มีการบริหารจัดการสนามรบที่ดี"



รศ.ดร.สุรชาติ ยังวิพากษ์บทบาทของภาคประชาสังคมไทย ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มปัญญาชน เอ็นจีโอ สื่อสารมวลชน และกลุ่มผลประโยชน์ ว่า ไม่สนใจงานด้านความมั่นคงอย่างแท้จริง และไม่พยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูปงานความมั่นคงของชาติเท่าที่ควร



"เรามีแต่ความฝัน...ฝันอยากให้ภาคใต้สงบ ฝันอยากให้ทหารเป็นทหารอาชีพ แต่เราไม่ทำงาน ฉะนั้นถึงวันนี้รัฐและสังคมไทยต้องตอบว่าจะเอาอย่างไรกับอนาคตของตัวเราเอง"--



ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com


 







เศรษฐกิจ


 


ญี่ปุ่นจี้ไทยเพิ่มโควตาเหล็กนำเข้าตามข้อตกลงJTEPA


 


ผู้จัดการรายวัน - หอการค้าญี่ปุ่นจี้ไทยเพิ่มโควตานำเข้าเหล็กกัดกรดเคลือบน้ำมันตามข้อตกลงJTEPA อ้างตัวเลขใช้จริง 7.3 แสนตัน สูงกว่าโควตาที่ได้รับกว่า 2 แสนตัน ยืนยันใช้ไทยเป็นสำนักงานภูมิภาคและยังลงทุนในไทยต่อ แม้ว่าจะวิตกเรื่องค่าเงินบาทและราคาน้ำมันแพง


 


นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกันระหว่างบีโอไอกับหอการค้าญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย (JCC) ว่า ในการประชุมฯครั้งนี้ ทางญี่ปุ่นต้องการเพิ่มโควตาการนำเข้าเหล็กกัดกรดเคลือบน้ำมันที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ตามข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ซึ่งไทยกำหนดโควตาไว้ปีละ 4.55 แสนตัน แต่นักลงทุนญี่ปุ่นระบุมีความต้องการใช้ถึง 7.3 แสนตัน ทางบีโอไอจะไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาตัวเลขที่แท้จริงในภาคอุตสาหกรรม ไม่ใช่หวังเพิ่มโควตาเพื่อนำไปทำการค้า เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมวางแผนการผลิตได้ และต้องไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยในประเทศด้วย คาดว่าจะได้ข้อยุติในเร็วๆนี้


 


ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้มีการกำหนดโควตานำเข้าเหล็กกัดกรดเคลือบน้ำมัน 6 เดือนไว้ที่ 2.27 แสนตันและจะมีการประกาศโควตาส่วนที่เหลือ 6 เดือนในช่วงกรกฎาคมนี้ โดยโควตาการนำเข้าเหล็กกัดกรดเคลือบน้ำมันภายใต้ JTEPA จะเสียภาษีนำเข้า 0% แต่ถ้าปริมาณเหล็กนำเข้าเกินโควตาจะเสียภาษีนำเข้า 5%


 


นอกจากนี้ ทางหอการค้าญี่ปุ่นขอให้ไทยมีการผ่อนปรนมาตรการเข้มงวดในการนำเข้าเอ็กซามีน ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายที่ใช้ในการทำระเบิด แต่เป็นสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในเรซินเพื่อใช้ในการทำผ้าเบรก โดยปริมาณการใช้สารดังกล่าวน้อยมาก ดังนั้นคงต้องไปหารือกับกระทรวงกลาโหมเพื่อหาแนวทางการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการนำเข้าดังกล่าวต่อไป


 


นายสุวิทย์ กล่าวต่อไปว่าทางญี่ปุ่นพร้อมที่จะใช้ไทยเป็นสำนักงานภูมิภาค เพียงแต่มีอุปสรรคต่อการลงทุน รวมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก โดยเฉพาะการขนส่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ การแก้ไขความล่าช้าในการขอใบอนุญาตทำงาน และการขอวีซ่า เป็นต้น


 


นอกจากนี้ ยังขอให้รัฐบาลไทยดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทด้วย ซึ่งโครงการปีแห่งการลงทุนไทยนี้จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อช่วยภาคธุรกิจในการเผชิญปัญหาการแข็งค่าเงินบาท เช่นการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ช่วยลดต้นทุนการผลิต และรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลดีต่อสินค้าไทยในการส่งออกด้วย


 


นายมิทซึฮิโร โซโนดะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่นฯกล่าวว่า พอใจต่อผลการหารือในครั้งนี้ หลังรับรู้ถึงนโยบายโครงการปีแห่งการลงทุนไทย ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นเกิดความมั่นใจมากขึ้นในการดำเนินงานตามแผนการลงทุนที่วางไว้จากเดิมที่วิตกกังวลเรื่องค่าเงินบาทและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอาจจะทำให้หยุดการลงทุนในครั้งต่อไป


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน


 







สิ่งแวดล้อม - คุณภาพชีวิต



 


"ไชยวัฒน์"จี้รื้อคดีรุกป่าเขากระโดง-สอบวังน้ำเขียว


 


ไชยวัฒน์ เรียกร้องให้"เฉลิม" อย่าเลือกปฏิบัติ จี้รื้อคดีรุกป่าเขากระโดงที่บุรีรัมย์ แนะให้ไปตรวจพื้นที่วังน้ำเขียว จ.โคราช แฉถูกนายทุน นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง ฮุบที่ดินอื้อ แหล่งข่าวแฉมีรัฐมนตรีอดีต รมต.ใช้ชื่อผู้อื่นถือครองหลายร้อยไร่


 


ภายหลังร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดประเด็นร้อนเรื่องนายตำรวจระดับสูง 2 นาย ถือครองที่ดินนับพันไร่ใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้หลายฝ่ายให้ความสนใจต่อท่าทีของ มท.1 ที่ออกมาประกาศจะนำผู้บุกรุกป่ามาดำเนินคดีนั้นเพราะต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง หรือต้องการล้างแค้นบุคคลที่ถูกกล่าวหาในทางการเมืองเท่านั้น



เมื่อวันที่22 มีนาคม นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยกล่าวว่า หาก ร.ต.อ.เฉลิมจะทำเรื่องนี้ให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันก็จะเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติ ประชาชนทั่วประเทศจะปรบมือให้ แต่ถ้าทำอย่างมีเจตนาอื่นแอบแฝง หรือใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ก็จะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์แทน นอกจากนี้ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียวจ.นครราชสีมาซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดิน ส.ป.ก.ก็มีนายทุน นักการเมือง ข้าราชการ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้นอมินีถือครองอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ไม่กล้าไปแตะเพราะมีตออยู่เยอะ จึงอยากฝากว่า มท.1 ควรทำให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย


 


"อย่างที่ จ.บุรีรัมย์ผมอยากให้ มท.1 สั่งผู้ว่าฯและผู้การตำรวจ ลงไปดูแลคดีอาญาที่บุกรุกป่าเขากระโดง และที่ อ.สะตึก เมื่อไรจะจัดการให้ทันต่อเวลา เพราะคนบุรีรัมย์ฝากผมมาถามว่าถ้านายเนวิน ชิดชอบ ทำผิดจริงทำไมไม่จับ ซึ่งที่ผ่านมาก็อยู่ได้คงเส้นคงวามาตลอด ทั้งที่ความจริงแล้วคนทั้งบุรีรัมย์รู้กันทั้งจังหวัดว่าที่เขากระโดง และที่ อ.สะตึก เป็นการครอบครองที่ไม่เป็นไปตามครรลองครองธรรมที่ถูกต้องจึงขอเรียกร้องไปยัง มท.1 หากจะรื้อฟื้นเอาที่ป่าของรัฐคืนมาทั่วประเทศ ก็ขอให้เอาที่เขากระโดง และสะตึก จ.บุรีรัมย์พ่วงเข้าไปด้วย " นายไชยวัฒน์ กล่าว


 


แฉซ้ำวังน้ำเขียวนอมินีถือครองที่ดินอื้อ


แหล่งข่าวจากอ.วังน้ำเขียวจ.นครราชสีมา กล่าวว่าที่ดินในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียวปัจจุบันเหลือแต่ภูเขาหัวโล้น และมีแนวเขตติดกับอุทยานแห่งชาติทับลาน และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มรดกโลก โดยที่ดินอ.วังน้ำเขียวจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ พื้นที่ ส.ป.ก. และ ภบท.5 มีเกษตรกร พ่อค้า คหบดี ข้าราชการ อดีตข้าราชการ นักการเมือง รัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีให้บุคคลอื่นถือครองแทนเป็นนอมินีเกือบทั้งอำเภอ เช่นที่บ้านสวนห้อมติดเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ต.วังน้ำเขียว มีรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันเป็นผู้ครอบครองอยู่จำนวน300 ไร่


 


ส่วนบริเวณคลองกระทิงใกล้กับบ้านสวนห้อมมีอดีตรองนายกรัฐมนตรีให้นอมินีครอบครองเช่นเดียวกันขณะที่ ต.ไทยสามัคคี มีนายตำรวจระดับสูงให้บุคคลอื่นเป็นนอมินีครอบครองที่ดินแทน และมีการปลูกสร้างบ้านราคาหลายสิบล้านบาทเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีอดีต พล.ต.ต. และนักธุรกิจทั้งใน จ.นครราชสีมา กรุงเทพฯและจากจังหวัดอื่นๆ กว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก.ต่อจากชาวบ้านแล้วจัดสร้างเป็นรีสอร์ท ที่พักตากอากาศสถานที่จัดประชุมสัมมนาอย่างสวยงามใน ต.วังน้ำเขียว และอีกหลายตำบล โดยมีผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. และนักการเมืองในพื้นที่เป็นนายหน้าจัดหาที่ดินมาขายให้


 


พบชาวเยอรมันรุกที่หัวหิน


ส่วนที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลา 13.00 น. นายประสิทธิ์ บุญลิขิต นายอำเภอหัวหิน ได้สั่งการให้นายรัฐพล นิโครธานนท์ ปลัดอาวุโสหัวหิน นำกำลัง อส.ส่วนหนึ่งเดินทางเข้าพื้นที่ป่ารอยต่อเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ และ ต.บึงนคร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังมีข้อมูลเบื้องต้นรายงานว่าพบการบุกรุกพื้นที่ภูเขาบริเวณหมู่ 7  บ้านหนองเหียง ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จึงเดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณชายเขา ห่างจากพระตำหนักไม้ซุง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จประมาณ 500 เมตร


 


เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพบพื้นที่บริเวณดังกล่าวตั้งอยู่ติดริมถนนบ้านหนองเหียงด้านหน้ามีการก่อกำแพงสูงยาวประมาณ 50 เมตร นายอนุชา เรืองอมรวิวัฒน์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงหัวหิน จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถาม นายรูดิก้า แซบเลียร์ สัญชาติเยอรมัน ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของที่ดินจึงทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีเอกสารสิทธิทั้งหมดจำนวน 56 ไร่ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบเอกสารสิทธิ  ต่อมานางจิราภา สังข์โชติ อดีตภรรยานายรูดิก้า นำเอกสารสิทธิแสดงต่อเจ้าหน้าที่ พบว่าเอกสารสิทธิที่ดินมีเพียงประมาณ 36 ไร่เท่านั้น ส่วนอีก 19 ไร่พบว่าเป็นการบุกรุก เจ้าหน้าที่จึงทำหนังสือตรวจยึดพื้นที่ต่อไป


 


สั่งจับรุกป่าเชียงใหม่นับพันไร่


วันเดียวกันเมื่อเวลา 15.00 น. นายวิชัย แหลมวิไล อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายยรรยง เลขาวิจิตร ผู้อำนวยการจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) พร้อมกำลังตำรวจ สภ.ฝาง และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ภาคเหนือ 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และแม่ฮ่องสอน จำนวนกว่า 100 นาย ตรวจพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มแม่น้ำฝาง ต.แม่คะ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ หลังมีรายงานว่ามีกลุ่มนายทุนเข้าบุกรุกพื้นที่ป่าเป็นบริเวณกว้าง


 


จากการตรวจสอบพบพื้นที่ป่าสงวนในเขตแห่งชาติดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินเขาหลายลูกติดต่อกัน ถูกบุกรุกเป็นพื้นที่ประมาณกว่า 1,000 ไร่ โดยมีต้นยางพาราปลูกไว้บริเวณโดยรอบจำนวนมาก และพบเพิงบ้านพักปลูกตั้งไว้บนเนินเขา 1 หลัง แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิด นายวิชัยจึงสั่งการให้หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.24 อ.ฝาง ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ดำเนินการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ฝาง ทันที


 


ที่มา: http://www.komchadluek.net


 


มลพิษเชียงใหม่ปีนี้ลดลง


เชียงใหม่ — นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า มลพิษในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และภาคเหนือตอนบน ปีนี้ลดลงกว่าครึ่งหากเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ก็จะกำหนดมาตรการแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป


 


ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์


 


ขาดแคลนห้องน้ำเสี่ยงเป็นโรค


 


องค์การอนามัยโลก (ฮู) และกองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันน้ำสากลว่า มีผู้ป่วยและเสียชีวิตทุกวันด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะใช้ ทั้งนี้ ในปัจจุบันชาวโลก 2 ในทุกๆ 5 คน ไม่มีห้องน้ำใช้ ซึ่งหมายถึงมีชาวโลกราว 2.6 พันล้านคน ตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นโรคจากการขาดแคลนห้องน้ำ


 


นายเดวิด เฮย์แมน ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกความมั่นคงและสิ่งแวดล้อมประจำฮู กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคจำนวน 15 ล้านคน แต่หากมีห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะใช้ มีน้ำสะอาดดื่ม จะสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อลงเหลือ 2 ล้านคนได้ โดยเฉพาะในเด็กๆ ที่เสียชีวิตเนื่องจากโรคท้องร่วงที่เป็นเรื่องที่ป้องกันได้


 


ข่าวระบุด้วยว่า การขาดแคลนห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเท่านั้น แต่ยังก่อความเสี่ยงในด้านสวัสดิภาพความปลอดภัยอีกด้วย โดยเฉพาะภัยคุกคามทางเพศต่อสตรีและเด็ก



 


อย่างไรก็ดี มีการเปิดเผยข้อมูลว่าระหว่างปี 2533-2547 ประชากรโลกที่มีห้องน้ำใช้เพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ล้านคน และหากมีการพัฒนาเดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่น จะมีประชากรโลกที่มีห้องน้ำใช้เพิ่มขึ้นอีก 2,400 ล้านคน ภายในปี 2558 อนึ่ง สหประชาชาติได้ประกาศให้ปี 2551 เป็นปีแห่งสุขอนามัยโลก (เอเอฟพี)



ที่มา: http://www.matichon.co.th/matichon


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net