Skip to main content
sharethis


พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) รักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่โรงเรียนนายเรืออากาศ ถึงการจับขั้วเพื่อรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองที่ยังไม่ลงตัวว่า เป็นเรื่องของการเมืองเรื่องของผู้ที่อาสาเข้ามารับเลือกตั้ง ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง "เรื่องอื่นๆ คมช.คงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้การเมืองเข้าไปปรับแก้กันเองได้ทุกอย่าง ในโลกนี้ไม่มีอะไรอับจนหนทาง คมช.จะไม่เข้าไปแทรกแซง เพราะไม่ใช่เรื่องของ คมช." พล.อ.อ.ชลิตกล่าว


 



รักษาการประธาน คมช.กล่าวว่า คมช.ดูภาพรวมทั้งหมด ขณะนี้เกือบจะเสร็จครบตามเป้าหมายของ คมช.ที่ได้ตั้งไว้ คมช.สามารถทำการเลือกตั้งที่เรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง แต่สิ่งที่ต้องการและคิดว่าเป็นความต้องการของประชาชนคือความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้ง เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบเรื่องความถูกต้องว่ามีการกระทำสิ่งใดที่เป็นการเอาเปรียบและผิดกฎหมายหรือไม่ คงจะต้องไปว่ากัน


 



ส่วนเป็นห่วงว่าจะถูกอำนาจเก่าฟื้นขึ้นมาเช็คบิลหรือไม่นั้น พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า "ไม่มีคำตอบ คิดว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องให้กับประเทศแล้ว ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ว่าไปตามกฎหมาย คมช.ต้องรับผิดชอบในส่วนที่ คมช.ปฏิบัติในกรณีขององค์กรกลางหรือองค์กรต่างๆ ที่ คมช.แต่งตั้งได้ดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศในปี 2549 เป็นความรับผิดชอบของ คมช. ไม่ต้องไปเช็คบิลกับใคร ถ้าจะเช็คบิลก็มาเช็คบิลกับ คมช."



 


พล.อ.อ.ชลิตยังกล่าวตอบคำถาม รู้สึกอย่างไร ตอนที่เข้ามาปฏิวัติได้รับคำชื่นชม แต่ขณะนี้เหมือนถูกโดดเดี่ยวว่า ไม่ได้ถูกโดดเดี่ยว ประชาชนกับสื่อคงจะเห็นและจะเป็นผู้ตัดสินว่า คมช. ทำอะไรให้ประเทศชาติบ้าง เมื่อถามว่า พรรคพลังประชาชนเหมาะสมที่จะเป็นแกนนำรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิตกล่าวว่า "พรรคที่ได้เสียงข้างมากก็มีสิทธิทั้งนั้น"



 


ขณะที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปีของคณะกรรมการมูลนิธิ รัฐบุรุษ มูลนิธิรักษ์เมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมื่อเวลา 12.00 น. ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถนนอู่ทองนอก โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธาน โดยมีคณะกรรมการที่เป็นนักธุรกิจชั้นนำและข้าราชการทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งในและนอกราชการทั้ง 3 มูลนิธิเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีต ผบ.สส. และนายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย



 


พล.อ.เปรมกล่าวว่า บรรดาคณะกรรมการ 3 มูลนิธิ ล้วนเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง อดทน รู้รักสามัคคี เสียสละทำเพื่อบ้านเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะให้ความคุ้มครองทุกคน เพราะคงรู้ว่าทุกคนได้ทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง ขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญ ปลอดภัยตลอดชีพของทุกคน



 


ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า น่าจะได้ข้อยุติหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่นายกฯเป็นคนกลางจะฝากอะไรไปยังพรรคการเมืองขนาดกลางที่ยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี เพราะคิดว่าทุกพรรคทุกคนมีข้อคิดเห็นของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อถามว่า หากยังมีบางกลุ่มไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่ พปช.จะเข้ามาเป็นรัฐบาล จะเตรียมรับมืออย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า บ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อย การเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่า ผลการเลือกตั้งถือว่าโปร่งใสและเป็นธรรม น่าจะเป็นเครื่องตัดสินอย่างดีที่สุด เพราะประชาชนได้ตัดสินใจแล้ว และเลือกพรรคนี้ก็ถือเป็นส่วนสำคัญ ที่คิดว่าควรจะเคารพในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน



 


เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าเกี่ยวข้องในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้จะมีผลอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า ได้ติดตามแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาในส่วนของการดำเนินการใดๆ ถ้าหากให้สถานการณ์สงบเรียบร้อยจะกลับเข้ามาก็ไม่มีปัญหาอะไร



 


พ.อ.ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ประจำเดือนธันวาคม ที่หอประชุมกิตติขจรว่า ในเรื่องการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ยืนยันนโยบายเดิมคือ การวางตัวเป็นกลาง สิ่งที่กองทัพบกตระหนักคือ ผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นส่วนรวม ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติที่สำคัญ พร้อมกับขอบคุณกำลังพลได้ทำตาม นโยบายเป็นอย่างดี และภาพลักษณ์ของกองทัพที่ทุกวงการมองว่ายังเป็นที่เคารพรัก ทั้งนี้ ไม่ว่ากองทัพจะทำกิจกรรมใดก็เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ขอให้ทหารปฏิบัติตามหน้าที่ และเชื่อมั่นใน ผบ.ทบ.ว่าสิ่งที่ทำไปทุกอย่างมีเหตุผลเดียวคือ ทำเพื่อประเทศชาติไม่ใช่ส่วนตัว



 


"ผบ.ทบ.เน้นย้ำเรื่องพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะเรื่องความสามัคคีของคนในชาติ ให้ ผบ.หน่วยนำเป็นหลักยึดในการทำงาน สร้างความสามัคคีเพื่อทำให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตไปได้ นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ยังได้ย้ำเรื่องระบบเกียรติศักดิ์และอุดมการณ์ทางทหาร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ โดยจะทำควบคู่ในการทำให้สมาคมทุกระดับมีความเคารพเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ด้วยชีวิตและจิตใจ" พ.อ.ศิริจันทร์กล่าว



 


รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า พล.อ.อนุพงษ์ยังให้ทุกคนระมัดระวังตัว เพราะในสถานการณ์ขณะนี้การเมืองแทรกซึมเข้ามาในกองทัพ ไม่เหมือนกองทัพในสมัยก่อน "ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มีคนรักคนชอบแตกต่างกันไป ผมไม่เอากองทัพมาปกป้องผมเด็ดขาด ใครจะปลดก็ปลด"



 


ด้านความเคลื่อนไหวของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ กล่าวสั้นๆ ว่า "ตอนนี้ยังไม่ให้สัมภาษณ์ ให้รออีก 2 วัน แล้วจะให้สัมภาษณ์แน่นอน"  ทั้งนี้ พล.อ.สนธิยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสไม่ได้เคร่งเครียดแต่ประการใด



 


 


 


 


 


---------------------------------------------


ที่มา: http://www.matichon.co.th/matichon

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net