Skip to main content
sharethis

ความเคลื่อนไหวการจับขั้วการเมืองตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังทราบผลการเลือกตั้งเมื่อคืนวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ยังคงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หลังทราบผลการเลือกตั้งว่า พรรคพลังประชาชน (พปช.) ที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง 232 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 165 ที่นั่ง พรรคชาติไทย (ชท.) 37 ที่นั่ง พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) 25 ที่นั่ง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) 9 ที่นั่ง พรรคมัชฌิมาธิปไตย (มฌ.) 7 และพรรคประชาราช (ปชร.) 5 ที่นั่ง โดยพรรคพลังประชาชน ประกาศเชิญชวนทุกพรรคเข้าร่วมรัฐบาล


 


ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดไม่เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน และหากพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็พร้อมจะเข้าไปเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาลแทน ส่วนนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ออกมาประกาศต่อสาธารณะจับมือร่วมกับพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อเป็น 'ตัวแปร' สำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล เพราะเมื่อทั้ง 2 พรรครวมกันแล้ว 62 ที่นั่ง


 


 


'สมัคร'รับทาบแล้ว 2 พรรคร่วมรบ.


ส่วนความเคลื่อนไหวของนายสมัคร สุนทรเวช ที่หมู่บ้านโอฬาร ซอยนวมินทร์ 81 ปรากฏว่าตั้งแต่เช้านายสมัคร พักผ่อนอยู่ภายในบ้าน มีกระแสข่าวออกมาว่าในช่วงเวลา 09.00 น. จะออกจากบ้านพัก เพื่อหารือกับแกนนำที่โรงแรมเรดิสัน แต่มีการยกเลิกกะทันหัน โดยเลขานุการส่วนตัวนายสมัครแจ้งให้สื่อมวลชนทราบว่านายสมัครต้องการพักผ่อน  


 


จากนั้นเวลา 13.00 น. นายสมัครเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ผ่านทางโทรศัพท์ กรณีมีข่าวว่าพรรคได้ทาบทาม 2 พรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาลนั้น เป็นความจริง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยว่าเป็นพรรคการเมืองใด ตอนนี้พรรคได้เสียงเกินครึ่งและสามารถตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่กำลังเจรจากับ 2 พรรคการเมือง เพื่อให้รัฐบาลมีความมั่นคง ได้ข้อสรุปเมื่อใด จะมีการประกาศพร้อมกัน


 


'ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์จะจัดรัฐบาลแข่งหากพรรคไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้นั้น นายสมัครกล่าวว่า 'เป็นเรื่องของ ปชป. แต่หากอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ให้ไปคิดกันเอาเอง' นายสมัครกล่าว


 


เทียบเชิญ 'เสนาะ' ตอบรับร่วมแน่


ทางด้านความเคลื่อนไหวที่บ้านพักเมืองทองธานี ของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช มีว่าที่ ส.ส.และอดีตผู้สมัคร ส.ส. เข้าพบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนายสันติ พร้อมพัฒน์ ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 2 พรรคพลังประชาชน เข้าหารือกับนายเสนาะเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง 


 


นายสันติเปิดเผยภายหลังว่า เข้าพบนายเสนาะเพื่อหารือถึงสถานการณ์การเมือง นายเสนาะพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่าขณะนี้ประเทศชาติต้องการความสมานฉันท์ ปรองดอง ทุกพรรคการเมืองจึงต้องหันหน้าเข้าหากัน ช่วยกันแก้วิกฤต หากฟังจากน้ำเสียงนายเสนาะ เป็นไปได้ว่าพรรคประชาราช จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน ค่อนข้างแน่นอน


 


'หมอเลี้ยบ' รับรัฐบาลผสม 280 ที่นั่ง


 


เวลา 16.00 น. นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงที่ทำการพรรคพลังประชาชน ว่าเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลนั้น พรรคยังเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องเป็นกระบวนการที่ไม่ชิงไหวชิงพริบหรือปิดห้องคุย และต่อรองเรื่องเก้าอี้หรือผลประโยชน์กัน แต่เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่สง่างามพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบาย วิสัยทัศน์ และแนวทางการบริหารประเทศอย่างเปิดเผย ขณะนี้มีพรรคการเมืองตอบรับคำเชิญมาแล้ว และเมื่อรวมจำนวน ส.ส.เข้าด้วยกันก็เกินกึ่งหนึ่ง เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล ฉะนั้น ไม่มีข้อขัดข้องแต่อย่างใดที่พรรค พปช.จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน


 


'เราขอเป็นมารยาทในการที่จะไม่เปิดเผยชื่อพรรคการเมืองที่มาติดต่อ ซึ่งพรรคดังกล่าวก็ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่จะมาร่วมรัฐบาลกับเราแต่อยากเห็นประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีสุญญากาศเกิดขึ้น โดยจำนวน ส.ส.ที่จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพอยู่ที่ 280-300 คน ซึ่งเชื่อว่าพรรคจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพแน่นอน' นพ.สุรพงษ์กล่าว


 


ยื่นเสนอ3ข้อเสนอพรรคร่วม


นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า กระบวนการต่อไปคือ การรอผลของการรับรอง ส.ส. ของ กกต.อย่างเป็นทางการก่อนภายในวันที่ 3 มกราคมที่จะถึงนี้ โดยพรรคจะเตรียมการเชิญตัวแทนของพรรคการเมืองที่จะมาร่วมทำงานในฐานะรัฐบาลเดียวกันมาพูดคุยอย่างน้อยใน 3 ประการ 1.นำความปรองดองสามัคคี กลับมาสู่คนในชาติ 2.นำความเชื่อมั่นกลับคืนมา ให้คนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทยว่าได้กลับเข้าสู่ประชาธิปไตย และเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศที่จะก้าวเดินต่อไป 3.การวางแผนพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยเร็ว


 


แบไต๋'ปิดประตู'เป็นฝ่ายค้าน


นพ.สุรพงษ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ขณะนี้พรรคได้ปิดประตูฝ่ายค้านไปแล้ว รวมทั้งมั่นใจว่าพรรคเล็กที่ได้ติดต่อมาจะมาร่วมงานกับพรรคอย่างแน่นอน เพราะเหลืออีกเพียง 8 ที่นั่งก็จะได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งแล้ว


 


รายงานข่าวแจ้งว่า พรรคพลังประชาชนได้ส่งบุคคลไปทาบทามพรรคประชาราช และพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เพื่อเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เนื่องจากแกนนำพรรคเช็คตัวเลข ส.ส.ทั้ง 2 ระบบล่าสุด พบว่า พรรคได้ 232 ที่นั่ง หากบวกพรรครวมใจไทยฯ 9 ที่นั่ง และประชาราช 5 ที่นั่ง ก็จะได้ ส.ส. 246 ที่นั่ง และยังติดต่อทาบทามพรรคมัชฌิมาธิปไตย


 


การพูดคุยกันเบื้องต้นผ่านนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคฯ นายสุนทร วิลาวัลย์ และ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคฯ ซึ่งได้รับมอบหมายจากพรรค ซึ่งว่ากันว่าได้รับการประสานจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทยผ่านมาทางนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่มีแนวโน้มว่า พรรคมัชฌิมาฯ จะพา ส.ส. 7 ที่นั่งเข้าร่วมรัฐบาล เนื่องจากว่าที่ ส.ส.ส่วนใหญ่ ล้วนเป็นอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยเดิมทั้งสิ้น


 


นอกจากนั้น ยังมีการต่อสายเจรจากับแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ได้จำนวน ส.ส. 25 ที่นั่ง มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าเมื่อกลางดึกวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อแผ่นดิน จะเปิดแถลงร่วมกับนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ว่าจะรวมกลุ่มกันทำเพื่อประเทศชาติก็ตาม หากผลการเจรจาสำเร็จ พรรคพลังประชาชนก็จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลผสม 5 พรรค ด้วยจำนวนเสียง 278 ที่นั่ง


 


ผลัก'ชท.-ปชป.'ฝ่ายค้าน202เสียง


ข่าวแจ้งว่า การหารือระหว่างแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน มีแนวโน้มว่าอาจตัดสินใจมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน เนื่องจากเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าหากเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ ที่มี 165 ที่นั่ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยรวม ส.ส.ทั้งหมดจากทั้ง 6 พรรค ก็จะได้ ส.ส. 248 ที่นั่ง ซึ่งเกินครึ่งมาเพียง 8 ที่นั่ง อาจทำให้กลายเป็นรัฐบาลที่เสถียรภาพไม่มั่นคง โดยเฉพาะการควบคุมเสียงในสภา ที่ไม่สามารถทำได้อย่างเบ็ดเสร็จ อีกทั้งต้องเจอปัญหาการต่อรองระหว่างพรรคการเมืองจากการจับขั้วกันหลายพรรคอีกด้วย


 


ข่าวแจ้งด้วยว่า แกนนำพรรคพลังประชาชนยังเห็นว่าในส่วนของพรรคชาติไทย แม้จะมี ส.ส.ถึง 37 ที่นั่ง แต่หากดึงร่วมรัฐบาล เพื่อโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว จะทำให้เป็นรัฐบาลผสมที่มีเสียงมากถึง 314 เสียง จุดนี้อาจทำให้พรรคพลังประชาชนถูกกระแสกดดันจากสังคม โดยเฉพาะชาว กทม.ที่เทคะแนนเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาแบบถล่มทลาย อีกทั้งยังอาจจะถูกมองและกล่าวหาว่าเป็น 'เผด็จการรัฐสภา' เหมือนรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณแต่หากปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยเป็นฝ่ายค้าน ก็จะมีจำนวนเสียงอยู่ที่ 202 เสียง ซึ่งจะแตกต่างจากรัฐบาลภายใต้แกนนำพรรคพลังประชาชน 75 เสียง ซึ่งถือว่าเหมาะสม เพื่อลดกระแสกดดันจากสังคม


 


พผ.ชิ่ง'ปลาไหล'ไม่จับมือพันธมิตร


ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ถนนวิทยุ ว่า ภายหลังพรรคชาติไทยประกาศเป็นพันธมิตรกับ พผ. เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 23 ธันวาคม ปรากฏว่าบรรยากาศที่พรรค พผ. ตลอดทั้งวันที่ 24 ธันวาคม เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่มีแกนนำคนสำคัญมายังที่ทำการพรรคแต่อย่างใด


 


ทั้งนี้ นายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษก พผ. กลับออกมาปฏิเสธข่าวการจับมือกับพรรคชาติไทย โดยกล่าวว่า พผ. ไม่ได้จับมือกับพรรคชาติไทย เพื่อทำงานการเมืองในช่วงนี้ เพราะต้องรอความชัดเจนในการพิจารณาใบเหลือง-ใบแดงของ กกต.ก่อน


 


' นอกจากนี้ ก็ยังได้รับการติดต่อจาก พปช. แต่ยังไม่มีการเจรจาความคืบหน้าใดๆ เพราะต้องรอประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อขอความเห็นอีกครั้ง ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจที่จะต้องเลือกข้าง เพราะจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของพรรคในสายตาประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคมีจุดยืนเรื่องการสร้างความสมานฉันท์'


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โฆษก พผ.ยังแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน (วันที่ 24 ธันวาคม) นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค พผ. จะเปิดแถลงจุดยืนของพรรค ณ ที่ทำการพรรค แต่พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่กองงานโฆษกพรรคกลับแจ้งยกเลิก


 


ส.ส.อีสานฉุนไปจับมือ'บรรหาร'


รายงานข่าวจากแกนนำระดับสูง พผ. แจ้งว่า สาเหตุที่นายสุวิทย์ไม่ยอมปรากฏตัวที่พรรค พผ. เพราะติดภารกิจหารือกับแกนนำคนสำคัญของพรรคที่บริษัท สยามพรีเมียร์ จำกัด ของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นอกจากนี้ ยังมีการโทรศัพท์ตาม ส.ส. เกรดเอหลายคนที่สอบตกมาร่วมหารือด้วย


 


ทั้งนี้ มีแกนนำและ ส.ส. อีสานหลายคนได้แสดงความไม่พอใจกรณีที่แกนนำของพรรคประกาศเป็นแนวร่วมทางการเมืองเดียวกับพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นผลจากการผลักดันของนายสุรเกียรติ์ โดยหวังเพิ่มอำนาจในการต่อรองให้แก่ พผ. หลังได้ ส.ส.ต่ำกว่าเป้าถึง 200 เปอร์เซ็นต์ เพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งซ่อมที่อาจจะเกิดขึ้น แม้ขณะนี้ พผ. และ ชท. จะยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะสนับสนุนพรรคพลังประชาชน หรือพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม


 


'พรรคได้ข้อมูลวงในมาว่าจะมีการแจกใบเหลือง-ใบแดงประมาณ 17-18 ใบ หากผู้สมัครของ พปช. โดนใบแดงทั้งหมด พรรคก็มีลุ้นได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น เพราะตามรัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดให้เลื่อนผู้สมัคร ส.ส.ในลำดับถัดไปขึ้นมา โดยไม่ต้องเปิดสมัครรับเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้าโดนใบเหลืองแล้วต้องมาสู้กันใหม่ การประกาศเป็นพันธมิตรกับพรรคชาติไทยเพื่อหันไปจับขั้วกับ ปชป. ย่อมทำให้ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคมีโอกาสสอบตกเป็นรอบที่ 2 ยกเว้นผู้มีอำนาจจะสั่งบล็อค พปช. ดังนั้น การแยกตัวจาก ชท. แล้วหันไปยืนข้าง พปช. จึงน่าจะเป็นประโยชน์ที่สุด' แหล่งข่าวกล่าว


 


แทงกั๊กรอดูกกต.ให้ใบเหลือง-แดง


กระทั่งเวลา 17.45 น. นายวัชระ พรรณเชษฐ์ เลขาธิการพรรค พผ. เข้ามายังที่ทำการพรรค พร้อมกล่าวว่า นายสุวิทย์ได้เรียกประชุมกก.บห. ในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 25 ธันวาคม เพื่อสรุปภาพรวมการเลือกตั้งเป็นรายภาค พร้อมหารือการกำหนดท่าทีของพรรคต่อการจับขั้วการเมืองด้วย ส่วนจะมีการทบทวนจุดยืนเรื่องการเป็นพันธมิตรกับพรรคชาติไทยหรือไม่นั้น คิดว่าก็คงจะมีการพูดคุย เพราะตอนที่แกนนำไปคุยกันก็คุย ณ ข้อมูลและตัวเลขเวลานั้น ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปเงื่อนไขต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป อนาคตมันเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น


 


เมื่อถึงกรณี พปช. ออกมาระบุว่า 2 พรรคการเมืองตอบรับคำเชิญร่วมรัฐบาลแล้ว มี พผ. อยู่ในจำนวนนี้หรือไม่ นายวัชระกล่าวว่า ตอนนี้ทุกคนก็คุยกันหมด ติดต่อกันหมด ส่วนจะลงตัวอย่างไรขึ้นกับปัจจัยหลายตัว ต้องรอดูยอด ส.ส. ที่ กกต. ประกาศรับรอง รอดูว่ามีการแจกใบเหลือง-ใบแดงกี่ใบ ส่วนตัวคิดว่าพรรคที่มี ส.ส. มากที่สุด มีโอกาสได้รับใบแดงมากที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคนั้นทำไม่ดี แต่เป็นการประเมินในเชิงปริมาณ


 


เมื่อถามถึงกรณีที่ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ รองหัวหน้า พผ. ออกมาประกาศจุดยืนไม่ร่วมกับ พปช. นายวัชระกล่าวว่า ถือเป็นความเห็นส่วนตัว เชื่อว่าคุยกันได้ ลงเรือลำเดียวกันแล้วเชื่อว่าจะคุยกันรู้เรื่อง


 


พรรคเล็กรวมพลังตั้งชื่อ'กลุ่ม21'


รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงค่ำวันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองขนาดเล็ก 3 พรรค ประกอบด้วย พรรครวมใจไทยฯ พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคประชาราช มีการพูดคุยหารือกัน เพื่อผนึกกำลังกันทำกิจกรรมการเมืองหลังเข้าร่วมรัฐบาลในนามกลุ่ม 21 ซึ่งมาจากตัวเลข ส.ส.ของพรรครวมใจไทยฯ มัชฌิมา 7 ที่นั่ง และประราช 5 ที่นั่ง โดยในเวลา 18.00 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่บ้านพักนายสุวัจน์ ถนนสุโขทัย  ด้านนายสมศักดิ์ปฏิเสธข่าวที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย มาทาบทามให้ว่าที่ ส.ส.ของพรรคมัชฌิมาฯ ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า ไม่ได้ติดต่อพูดคุยหรือเกี่ยวข้องกันกับนายสุริยะ ทราบข่าวว่าไปต่างประเทศในขณะนี้ ซึ่งตนกับนายสุริยะนานๆ จะมีโอกาสได้คุยกัน แต่ช่วงนี้ไม่ได้คุยกันนานแล้ว เพราะต่างคนต่างทำงาน


 


'ประชัย' สกัด'สมศักดิ์'ชิ่งหนี


 


ส่วนที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย อาคารทีพีไอ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรค กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายสุริยะเป็นผู้ไปเจรจากับนายสมศักดิ์ ให้นำ ส.ส.ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า ยังไม่ทราบ ยืนยันว่าการจับขั้วรัฐบาลจะต้องหารือกับคณะกรรมการบริหารพรรค และตนไม่เกี่ยงว่าจะเป็นพลังประชาชนหรือประชาธิปัตย์ ตอนนี้ยังไม่มีใครมาทาบทามและยังไม่มีการเจรจา แต่มีเสียงสายลมแว่วมาทั่วไปหมดจะมีพรรคพลังประชาชนและประชาธิปัตย์มาทาบทาม


 


'เติ้ง'บอกยังคิดหนักร่วมจัดตั้งรบ.


ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับการจับมือเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อแผ่นดิน ขณะกำลังจะออกจากบ้านพักจรัญสนิทวงศ์ 55 บอกเพียงว่าให้ไปรอที่พรรค


 


กระทั่งเวลา 12.00 น. นายบรรหารมาถึงที่ทำการพรรคและให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้ (วันที่ 23 ธันวาคม) ได้แถลงข่าวจับขั้วกับพรรคเพื่อแผ่นดิน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร การประสานงานไม่ใช่เรื่องง่าย ใครจะตอบตกลงได้ ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องคิดหนัก การจัดตั้งรัฐบาลบางทีต้องใช้เวลาเกือบ 15 วัน ถึงจะเสร็จ


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พรรคชาติไทยต้องคิดหนัก นายบรรหารย้อมถามผู้สื่อข่าวกลับว่า ' ลองมาลงการเมืองหน่อยซิ มาลงกับผมได้ไหม แล้วไปกับผมจะได้รู้ว่าอะไรหนัก หรือไม่หนัก มันตอบยาก ไม่ง่ายนะ..'


 


ยอมรับ'เสธ.หนั่น'เร่งประสานรช.


เมื่อถามว่า นายสมัครได้ทาบทามพรรคชาติไทยจัดตั้งรัฐบาลอย่างทางการแล้วหรือยัง นายบรรหารกล่าวว่า 'ยังไม่มี' เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้รวมขั้วกับพรรคเพื่อแผ่นดินแล้ว และจะไปอยู่กับพรรครวมใจไทยฯหรือพรรคมัชฌิมาฯด้วยหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า 'ยังไม่มีข้อมูล เมื่อคืนพูดไปแล้ว' ส่วน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค จะประสานกับพรรครวมใจไทยฯได้หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า 'เอาเป็นว่าท่านกำลังทำงานอยู่'


 


ย้อนอดีตสัตยาบัน4พรรค


เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชาชนจะไม่เอาพรรคชาติไทย นายบรรหารกล่าวว่า' ก็ไม่เป็นไรนี่ หนูตั้งคำถามนี้ขึ้นมาเองใช่ไหม ให้มาชนกัน' เมื่อถามว่า การประกาศรวมกับพรรคเพื่อแผ่นดินเมื่อวานนี้แสดงชัดว่าจะมาอยู่ขั้วประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นายบรรหารย้อนถามว่า 'หนูว่ายังไง ผมไม่มีความเห็น' พร้อมบอกว่า 'ถ้าคุณยังถามเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ผมจะเข้าห้อง จะไม่ตอบแล้ว'


 


เมื่อสอบถามจะร่วมงานกับนายสมัครได้หรือไม่นั้น นายบรรหาร กล่าวว่า ' อยากให้ย้อนนึกถึง เมื่อตอนที่เราจะทำสัญญาลงสัตยาบัน 4 พรรคแล้วเชิญทางโน้นมา แต่บังเอิญเขาให้เราไปที่สภา เราก็ไปลงนาม ไอ้คราวนี้มันก็มารูปแบบเดียวกัน เอาแค่นี้พอ' ส่วนการจะไปอยู่กับขั้วไหนต้องคำนึงถึงเรื่องบ้านเมืองเป็นหลักและที่สำคัญคือเรื่องความถูกต้อง


 


'บิ๊กเติ้ง'เครียดเจอสื่อตามสัมภาษณ์


ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคชาติไทยว่า หลังจากที่นายบรรหารเดินทางเข้าพรรคเพื่อหารือกับแกนนำ ต่อมาเวลา 14.00 น. นายบรรหารออกจากพรรคไปย่านถนนรัชดาฯ ก่อนจะไปที่โรงพยาบาลพร้อมมิตร ย่านสุขุมวิท เพื่อตรวจเช็คร่างกายระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเคยเปรยไว้ก่อนเลือกตั้ง เนื่องจากในช่วงที่หาเสียงที่ผ่านมา ได้ตกน้ำครำที่เขตดอนเมือง และยังไม่มีเวลาตรวจเช็คร่างกาย จากนั้นเวลา 17.30 น. กลับมาที่บ้านพัก มีสีหน้าเคร่งเครียดและไม่พอใจเมื่อเห็นผู้สื่อข่าววิ่งกรูเข้ามาหาเพื่อจะขอสัมภาษณ์


 


รช.เจียมตัว'พรรคเล็ก'รอท่าที


ก่อนหน้านี้ที่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา อาคาร ณ ถลาง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค และ ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค แถลงถึงความคืบหน้าการเข้าร่วมรัฐบาล โดยนายประดิษฐ์กล่าวว่า กรณีที่นายสมัคร หัวหน้าพรรค พปช.เชิญให้ทุกพรรคเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น ตน และ ร.ต.ประพาสหารือกันแล้ว คิดว่าเราเป็นพรรคเล็ก เปิดโอกาสให้พรรคขนาดกลางคุยกันก่อน จะไปต่อรองหรือเรียกร้องอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าพรรคใหญ่เห็นว่ารวมใจไทยฯสามารถหรือมีความสำคัญ ทำงานได้และประสานงานมาก็พร้อมพูดคุย


 


'สถานภาพของพรรคขณะนี้ เปรียบเสมือนนั่งอยู่ในตู้กระจก ปล่อยให้เขาเลือก ตัวเลขสูตรที่มีการพูดถึงการตั้งรัฐบาลหลายพรรคนั้นก็พูดกันไป คงต้องปล่อยให้พรรคชาติไทยและเพื่อแผ่นดินว่ากันไปก่อน ไปตามขั้นตอน เป็นพรรคเล็กคงต้องรอ'


 


บอกไม่ขัดข้องหาก'ปชป.'ทาบ


นายประดิษฐ์กล่าวว่า จุดยืนของพรรคจะไม่เปลี่ยนแปลงคือ จะต้องไม่สร้างปัญหาให้บ้านเมือง ส่วนการตัดสินใจจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร ขึ้นอยู่กับตน และ ร.ต.ประพาสเป็นผู้เจรจา คนอื่นจะพูดอย่างไรไม่เกี่ยว เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น


 


ส่วนข่าวที่ระบุว่านายพิจิตต รัตตกุล แกนนำพรรค จะยกกลุ่มมดงานออกหากพรรคไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนนั้น นายประดิษฐ์กล่าวว่า ถือเป็นเหตุผลส่วนตัวของนายพิจิตต ตนก็มีเหตุผลส่วนตัว


 


เมื่อถามว่า หากพรรค พปช.จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้และพรรคประชาธิปัตย์ทาบทามจะตอบรับหรือไม่ นายประดิษฐ์กล่าวว่า 'ผมกับประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรขัดข้องกัน แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรค'


 


ด้าน ร.ต.ประพาสกล่าวถึงกระแสข่าวที่แกนนำพรรคพลังประชาชน นัดหารือจับขั้วตั้งรัฐบาลที่โรงแรมเรดิสันว่า ไม่เป็นความจริง ไม่ได้รับการทาบทามจากพรรคพลังประชาชน


 


'เอนก'เมิน'ชท.'ทาบขอเป็นตัวเอง


ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่ทำการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) นายประดิษฐ์ ร.ต.ประพาส และนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรค ร่วมรับประทานอาหารกลางวันพร้อมหารือแนวทางจับขั้วตั้งรัฐบาล ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 14.30 น. นายประดิษฐ์ได้ออกจากพรรคและกลับมาอีกครั้งเวลา 15.30 น.


 


นายเอนกกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ไปรวมกับใครทั้งสิ้น ยังเป็นตัวของตัวเอง และจะตัดสินใจให้ดีที่สุด แต่ขอบคุณทั้งสองฝ่ายที่ได้มีทาบทาม ส่วนที่พรรคชาติไทยส่ง พล.ต.สนั่นที่มีความแนบแน่นกับนายประดิษฐ์มาทาบทามนั้น คุยกับนายประดิษฐ์แล้วยืนยันว่ายังเป็นตัวของตัวเอง ยังไม่ได้คิดอย่างนั้น


 


เมื่อถามว่า หากตัดสินใจร่วมกับพรรคพลังประชาชนแล้วเกิดปัญหาภายหลังจะแก้ไขอย่างไร นายเอนกกล่าวว่า ต้องตัดสินใจให้รอบคอบ มีปัญหาได้ทั้งนั้น ไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีปัญหาได้ ส่วนแนวคิดรัฐบาลหลายพรรคก็เป็นไปได้ยาก อยู่ได้ไม่นานต้องเลือกตั้งกันอีก ยกมือเลือกนายกฯก็มีปัญหา เพราะบางพรรคหัวหน้าพรรค รองหัวหน้า และเลขาฯพรรค ไม่ได้เข้าไปนั่งในสภา ทำให้คุมเสียงยาก


 


นายเอนกกล่าวว่า ถ้าพลังประชาชนตั้งรัฐบาลได้ จะเป็นรัฐบาลขนาดใหญ่ 300 เสียง แต่ถ้าประชาธิปัตย์ตั้งได้จะเป็นรัฐบาลเสียงเกินครึ่งไม่มากนัก ประมาณ 250 เสียงกว่าๆ ถ้าพรรคพลังประชาชนเป็นผู้จัดจะได้ 300 ต่อ 180 หรือ 320 ต่อ 160


 


'ตอนนี้คน กทม.บอกว่าไปรวมกับพลังประชาชนทำไม แต่คนต่างจังหวัดบอกว่าเขาชนะประชาธิปัตย์ตั้ง 60 เสียง ทำไมจะรวมไม่ได้ส่วนพรรคที่ได้เสียงน้อยกว่า เวลาปกติยังรวมกันไม่ได้เลย แต่นี่สถานการณ์ไม่ปกติ รัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลที่สามัคคี สร้างความไว้วางใจให้ประชาชน ไม่คำนึงแต่เสียงข้างมากอย่างเดียว' นายเอนกกล่าว


 


แกนนำสรุป'รช.'เข้าร่วม'พปช.'


รายงานข่าวจากแกนนำระดับสูงพรรครวมใจไทยฯแจ้งว่า แกนนำพรรคหารือกันโดยได้ข้อสรุปตรงกันว่ามีแนวโน้มที่จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน แต่ต้องรอดูท่าทีของพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินที่เพิ่งจับมือกันอีกครั้ง โดยประเมินว่า การจับมือดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณสร้างพลังต่อรองมากกว่าจะไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ ดังนั้น จึงถือว่าเป็นตัวแปรสุดท้ายที่มีบทบาทในผลชี้ขาด


 


นอกจากนี้ พรรคประเมินแล้วเห็นว่าหากพรรคพลังประชาชนรวมพรรคเล็กอย่างพรรค รช. พรรคมัชฌิมาฯ และพรรคประชาราชได้ ก็จะมี ส.ส. 253 ที่นั่ง เกินกึ่งหนึ่ง จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ไม่พอต่อความมีเสถียรภาพรัฐบาล อาจโดนเกมในสภาจนวุ่นวาย


 


ขณะที่อีกสูตรคือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จับขั้วรวมกับพรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน ตลอดจนพรรคเล็กได้ทุกพรรค จะได้เพียง ส.ส. 248 ที่นั่ง เกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 8 เสียงเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพและการบริหารงานในรัฐบาล โดยเฉพาะการควบคุมเสียงในสภาที่ไม่สามารถทำได้อย่างเบ็ดเสร็จ เสียงไม่ครบ ส.ส.จะลาไปต่างประเทศ หรือป่วยไม่ได้เลย อีกทั้งต้องเจอปัญหาการต่อรองระหว่างพรรคการเมืองจากการจับขั้วกันหลายพรรคอีกด้วย


 


หวัง'เพื่อแผ่นดิน'หลุดมือ'ชท.'


'พรรคจึงประเมินว่า หากไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ จะเหนื่อยและมีปัญหามากกว่าอยู่กับพรรคพลังประชาชน การตัดสินใจในขั้นสุดท้าย พรรค รช.จะต้องรอดูการให้ใบเหลืองใบแดงจาก กกต. และดูท่าทีของการจับมือกันระหว่างพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยเฉพาะการตัดสินใจของพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่มี 25 เสียง หากตัดสินใจมาอยู่กับพรรคพลังประชาชน จะได้คะแนนเสียงจัดตั้งรัฐบาลถึง 378 เสียง ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อเสถียรภาพในการจัดตั้งรัฐบาล โดยผลักพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคชาติไทยไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านเช่นเดิม' แหล่งข่าวระบุ


 


'เติ้ง'รุดกล่อมพผ.-หึ่ง'สมัคร'ท้าชิง


จากนั้นเวลา 19.00 น. นายบรรหารเข้าพบแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินที่บ้านพักนายวัฒนา อัศวเหม ในซอยพัฒนาการ พร้อม พล.ต.สนั่น และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรค หลังเกิดกระแสข่าวพรรคเพื่อแผ่นดินถูกทาบทามให้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยมีนายวัฒนา นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วยนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ต้อนรับ ก่อนทั้งหมดจะหารือในห้องประชุมเป็นการภายใน โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าในบริเวณบ้านพักแต่อย่างใด


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายสมัครออกจากบ้านในหมู่บ้านโอฬาร ซอยนวมินทร์ 81 มีกระแสข่าวว่าจะไปสมทบกับแกนนำพรรคพลังประชาชนที่กำลังไปพบนายวัฒนา ที่บ้านพักในซอยพัฒนาการ แต่จากการตรวจสอบผ่านเลขานุการส่วนตัวของนายสมัคร ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่านายสมัครออกจากบ้านในช่วงค่ำจริงเพื่อไปรับประทานอาหาร


 


ที่มา : มติชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net