เจษฎา โชติกิจภิวาทย์
ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน และกลุ่มประชาธิปไตยเพื่อรัฐสวัสดิการ
ผมเคยรับรู้มาว่า
ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 สมัยที่ "พี่มด"เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากพี่เป็นนักร้องวงกรรมาชนแล้ว พี่มดได้เคลื่อนไหวเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับกรรมกรคนงานฮาร่า เรียกร้องสิทธิกรรมกร และเมื่อนายทุนเจ้าของโรงงานเอาเปรียบคนงานผู้สร้างผลผลิตและมูลค่าส่วนเกินให้กับนายทุน ไม่ใยดีต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเลยข้อเรียกร้องพื้นฐานของคนงานตามหลักการสิทธิมนุษยชน
"พี่มด" ได้ร่วมกับคนงานทำการยึดโรงงาน แล้วทำการผลิตเอง นับว่าเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของบทบาทขบวนการกรรมกรไทยต่อการต่อสู้ทางชนชั้นช่วงนั้น
เมื่อเกิดโศกนาฏกรรม 6 ตุลาคม 2519 ที่ขบวนการอนุรักษ์นิยมทหารนิยม ปราบปราบนักศึกษาประชาชนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเข่นฆ่าผู้นำกรรมกร ชาวนา นักศึกษา และเมื่อการต่อสู้อย่างสันติประตูถูกปิด คนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยรวมทั้ง"พี่มด" ได้เข้าต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เป็น"นักปฎิวัติ"
ผมยังจำได้ว่า
ผมรู้จัก"พี่มด" พี่สาวคนนี้ครั้งแรก เมื่อผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ประชุมพูดคุยกันเรื่องเขื่อนปากมูน ผมรู้สึกทึ่งของความเป็นผู้นำซึ่งเป็นผู้หญิง มันทำให้ความคิดอันคับแคบของผมที่ละเลยเมินเฉยต่อบทบาทความเป็นหญิงเป็นชาย ทบทวนในสมองว่า ผู้หญิงก็เป็นผู้นำได้
ผมยังจำได้ว่า
"พี่มด" เคยคุยให้ผมฟังว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เป็นปัญหาวิกฤตสำคัญของโลกมนุษย์ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายซ้ายเก่าไทยอาจจะคิดถึงเรื่องนี้ไม่มากนัก มองความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เป็นหลัก ไม่ค่อยสนใจการที่มนุษย์เอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรธรรมชาติตามกลไกระบบทุนนิยมเท่าที่ควร
ผมยังจำได้ว่า...
"พี่มด" เคยให้ข้อคิดไว้ว่า มวลชนเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์อันแท้จริง และทฤษฎีต้องประสานกับการปฏิบัติ งานฐานเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างขบวนการประชาชนคนจน คนทำงาน ผู้นำของขบวนการคนจน ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนจนผู้ถูกกดขี่ เกาะติดมวลชน เรียนรู้จากมวลชน ยกระดับมวลชน สร้างการนำรวมหมู่ ฯลฯ จึงจะกุมสภาพการเคลื่อนไหวได้
ผมยังจำได้ว่า
"พี่มด" ร่วมต่อสู้กับพี่น้องปากมูนอย่างกล้าหาญ เผชิญกับกลุ่มอำนาจอิทธิพลเถื่อนที่มีเจ้าหน้าที่รัฐหนุนหลัง และ"พี่มด" ก็ถูกคดี แต่"พี่มด" ไม่เคยท้อถอยกับอำนาจอธรรมเหล่านั้น
ผมยังจำได้ว่า
นอกจากการตระหนักการทำงานด้านฐานแล้ว เวลามีการประชุมกันเพื่อเคลื่อนไหวเรื่องราวต่างๆนั้น "พี่มด" ให้ความสำคัญกับงานวิชาการความรู้ การประสานสื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักศึกษา ศิลปิน เพื่อนพ้องน้องพี่ผู้รักความเป็นธรรมอยู่ตลอดเวลา
ผมยังจำได้ว่า
บ่อยครั้งที่มีการเคลื่อนไหว และสื่อสารมวลชนมักตรงไปสัมภาษณ์ถามถึงท่าทีการเคลื่อนไหว และเรื่องอื่นๆ "พี่มด"มักจะพยายามปฏิเสธและผลักดันให้สื่อสารมวลชนไปสัมภาษณ์ผู้นำ ชาวบ้านเจ้าของปัญหาโดยตรงอยู่เป็นประจำ
ผมยังจำได้ว่า
ภายหลังการประชุมงานเคลื่อนไหวต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เมื่อผมได้รับการมอบหมายภารกิจหรืองานต่างๆ "พี่มด" เป็นผู้หนึ่งที่มักถามไถ่ว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายไปถึงไหนเสร็จหรือยัง สำหรับผมแล้วหลายครั้งภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ถ้าพี่มดไม่เตือนหลายครั้งอาจจะล้มเหลวหลงลืมเฉื่อยเนือยได้
"พี่มด" เห็นความสำคัญต่อวินัยการทำงาน มักเตือนผมและเพื่อนบางคนทำนองว่าอย่าไปกินเหล้าขณะปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อไม่ปฏิบัติหน้าที่ก็อย่ากินเหล้าให้มากนัก
ผมยังจำได้ว่า
"พี่มด" พูดเสมอว่า ภาคประชาชนต้องเป็นอิสระจากระบบราชการอำมาตยาธิปไตยและพรรคการเมืองชนชั้นนายทุน และท่ามกลางมุมมองที่ต่างกันของที่ปรึกษาสมัชชาคนจน ต่อกรณีจะร่วมกับขบวนการสนธิลิ้ม เคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลทักษิณหรือไม่ ?
"พี่มด" เป็นหนึ่งที่เสนอต้องให้มุมมองผู้นำพ่อครัวใหญ่สมัชชาคนจนอย่างรอบด้านทั้งสองฝ่าย และคนตัดสินใจเป็น"ผู้นำพ่อครัวใหญ่"มิใช่ "ที่ปรึกษา" ตัดสินใจเอง
ผมยังจำได้ว่า
ไม่นานมานี้ "พี่มด" ยังได้ถามไถ่ถึงทุกข์สุขชีวิตผู้คนในแวดวงด้วยความห่วงใย ทั้งๆที่ตัว"พี่มด" เองนอนป่วยหนักอยู่
ขอคารวะจิตใจกล้าสู้กล้าเสียสละของ"พี่มด"
ขอให้วิญญาณ"พี่มด" สู่สุขคติ.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)