Skip to main content
sharethis



ที่มาของภาพ: ผู้จัดการออนไลน์


 


วานนี้ (26 พ.ย.) ที่สนามหลวง ระหว่างการพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้จัดปราศรัยใหญ่นั้น นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้เดินทางมาถึงเวทีปราศรัยเมื่อเวลา 19.30 น. และเป็นประธานปล่อยนกพิราบจำนวน 480 ตัว ออกจากกรง เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการสื่อสารไปถึงประชาชนทั่วประเทศให้ช่วยเลือก ส.ส.ของพรรคทั้ง 480 คน แต่ปรากฏว่านกพิราบไม่ยอมบินออกจากกรง ทำให้เจ้าหน้าที่พรรคต้องดึงออกมาจนทำให้นกพิราบคอหักตายร่วม 10 ตัว


 


นายประชัยกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า บางพรรคการเมืองเคยได้เป็นรัฐบาลแล้วไม่ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ และบอกจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชาติที่ทับถมมายาวนานให้ได้ภายใน 99 วันนั้น อยากให้ประชาชนลองคิดดูว่าพูดจาเชื่อถือได้หรือไม่ ยิ่งกว่านั้นบางพรรคที่เคยเป็นรัฐบาลแล้วสร้างความเสียหายให้บ้านเมือง แต่ตัวเองกลับมีเงินเก็บมหาศาลอยู่ที่สิงคโปร์ พรรคมัชฌิมาฯจึงอาสาเข้ามาเพื่อเป็นทางเลือกที่หนึ่ง ไม่ใช่ทางเลือกที่สาม ถ้าประชาชนไม่เลือกมัชฌิมาฯประเทศชาติจะได้รับความเดือดร้อน


 


ด้านนายสัมพันธ์  เลิศนุวัตร รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน  ในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดปราศรัยในเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ เวลา 16.00 น. พรรคพลังประชาชนจะจัดเวทีปราศรัยที่วงเวียนใหญ่ โดยมีแกนนำสำคัญของพรรคเข้าร่วมจำนวน 12 คน นำโดยนายสมัคร  สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.สัดส่วนอันดับ 2 กลุ่มที่ 6 และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่จะขึ้นปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายใหม่ๆ ของพรรค รวมถึงวิธีการหาเงินเข้าประเทศด้วย ทั้งนี้ การปราศรัยครั้งนี้ใช้สโลแกนว่า "วันที่ 12 เดือน 12 ไปฟังเบอร์ 12 โดย 12 ขุนพลของพรรคพลังประชาชน"


 


ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นบ้านนายตี๋ แซ่เหล็ก หัวคะแนนพรรคพลังประชาชน และพบเงิน ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเงินค่ารถสำหรับนำประชาชนไปฟังปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา ว่า เรื่องนี้ได้เร่งให้นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. สรุปเรื่องโดยเร็ว เพื่อพรุ่งนี้จะได้นำเข้าสู่การประชุมได้ เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วและการเลือกตั้งก็ใกล้จะมาถึง ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รับรายงานว่า เงินจำนวนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่ออะไรกันแน่


 


เมื่อถามว่า ตามกฎหมายแล้ว หากมีการเตรียมเงินเพื่อจูงใจประชาชนไปฟังปราศรัยจะผิดกฎหมายหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า หากเป็นการให้เพื่อจูงใจประชาชน ก็ถือว่ามีความชัดเจนว่าผิดกฎหมาย และหากพรรคการเมืองรู้เห็นด้วยก็จะถูกยุบพรรค อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อาจเป็นการกลั่นแกล้งกันก็ได้ และพรรคการเมืองอาจไม่รู้เห็นด้วย ดังนั้น ต้องข้อดูข้อเท็จจริงก่อน ส่วนการพิจารณาเรื่องนี้ กกต.จำเป็นต้องนำแนวทางการวินิจฉัยจากกกต.ชุดแรกมาประกอบด้วยหรือไม่นั้น คงไม่จำเป็น เพราะกฎหมายก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้


 


ส่วนกรณีที่หากเงินดังกล่าวเป็นค่าจ้างรถสำหรับพาประชาชนไปฟังปราศรัย แต่ไม่ได้จ้างประชาชนให้ไปฟังปราศรัย จะสามารถทำได้หรือไม่นั้น นายอภิชาต กล่าวว่า เรื่องนี้อาจเป็นปัญหาได้ เพราะหากนำเงินดังกล่าวไปจ่ายค่ารถเพื่อนำประชาชนไปฟังปราศรัยจริงก็ถือว่ามีความผิดเนื่องจากเป็นการจูงใจ ดังนั้น ประเด็นสำคัญที่ กกต.ต้องพิจารณาคือ เรื่องดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายการจูงใจหรือไม่ และหากพบว่าพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะสอบสวนไปถึงพรรคด้วย โดยกกต.จะยึดดูที่พฤติการณ์และธุรกรรมทางการเงินเป็นหลัก และมั่นใจว่าหากผู้สมัครฯ จะตัดตอนพรรคการเมือง คงทำได้ไม่ง่าย


 


ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่รู้สึกหวั่นไหวกรณีที่ผลสำรวจหลายสำนักระบุว่าพรรคพลังประชาชนจะได้ที่นั่งมากกว่าพรรค เพราะมองว่าผลสำรวจก็เป็นเพียงการสุ่มตัวอย่างหรือการสิเคราะห์จากผู้รู้เท่านั้น โดยขณะนี้ยังมั่นใจคะแนนยังสูสีกับพรรคพลังประชาชน เนื่องจากได้มีการสำรวจเป็นการภายใน ซึ่งยืนยันไม่ได้ทำผลสำรวจเข้าข้างตัวเอง ขณะเดียวกันไม่กลัวที่จะถูกหักหลัง ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นว่าหากพรรคที่ได้อันดับ 1 ไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงข้างมากได้นั้น ก็ควรให้โอกาสกับผู้ที่ได้เป็นอันดับ 2


 


หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันว่า พรรคคงจะไม่ปรับกลยุทธ์ในการหาเสียงแต่ยอมรับว่าพรรคจะไม่สามารถเจาะคะแนนในพื้นที่ภาคอีสานได้ ในช่วงระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตามพรรคยังคาดหวังว่าจะชนะในพื้นที่ภาคเหนือ


 


ผู้จัดการออนไลน์ยังนำเสนอข่าว นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)ในฐานะอดีตผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์รายงานข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นบัญชีดำกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่มีส่วนทำให้เขาต้องลงจากอำนาจ โดยนายสุริยะใสกล่าวว่า เขาได้ยินข่าวมาเหมือนกันโดยทราบมาว่า ตนเองก็ถูกจัดอันดับราวที่ 50 จาก 100 คนที่อยู่ในบัญชีดำดังกล่าว และได้ยินว่าอันดับต้นๆ มี นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว ที่เหลือก็จะเป็นนายทหารและสื่อมวลชนบางส่วน


 


"เรื่องบัญชีดำของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นถ้ามีจริงก็สะท้อนให้เห็นว่าเขาไม่ได้อยากสมานฉันท์หรือปรองดองกับใครอย่างที่อวดอ้าง เพียงแต่รอเวลากลับมาเอาคืนเท่านั้นเอง ดังเช่น นายจักรภพ เพ็ญแข บริวารผู้ว่านอนสอนง่ายเดินสายประกาศชำระแค้นไปทั่วและพูดไว้ในหลายๆ ครั้งว่านี่เป็นสงครามประชาชน ที่กำลังเอาประชาชนผู้บริสุทธิ์มาอยู่ในเกมทวงคืนอำนาจให้คนๆ เดียว"


 


"ไม่แปลกใจหรอกถ้าอาจารย์แก้วสรร จะเป็นหมายเลขหนึ่งหรือ กรรมการ คตส.จะอยู่อันดับต้นๆ ของบัญชีดำ เพราะ คตส.เป็นหอกที่ทิ่มแทงและน่ากลัวที่สุดสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอาจจะถึงขั้นถูกยึดทรัพย์และติดคุกได้ในที่สุด โดยเฉพาะคดีซุกหุ้นภาค 2 นั้นหลักฐานชัดเจนมากจนทนายประจำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ หลีกเลี่ยงที่จะชี้แจงหรือตอบโต้"


 


"ผมได้ยินข่าวแล้วก็เฉยๆ ไม่ตกใจหรือหวาดกลัวอะไร แต่ก็ต้องระวังตัวมากขึ้น ผมยืนหยัดในสิ่งที่ผมทำร่วมกับประชาชนจำนวนมากในนามพันธมิตรฯ ไม่หวั่นไหวอะไร และยังจะเดินหน้าสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมทั้ง คตส. ปปช. ศาลคดีอาญานักการเมือง และศาลยุติธรรม เพื่อไต่สวนความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณและเครือข่ายจนถึงที่สุด คำพิพากษาของศาลเป็นช่องทางเดียวเท่านั้นที่จะยุติเรื่องนี้ได้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องเคารพ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรผมก็ต้องเคารพเช่นกัน"


 


"ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เชื่อและคิดแบบนี้ ถึงแม้หลังเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พรรคพลังประชาชนจะชนะถล่มทลายได้คุณสมัครเป็นนายกฯ และยุบ คตส.ทิ้ง ออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดให้ 111 อดีต กกบ.ทรท. และนิรโทษกรรมความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนนั้นเหลือผมคนเดียวผมก็จะคัดค้าน เพราะการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้องชอบธรรมและผมไม่เห็นด้วยที่จะเอาผลการเลือกตั้งมาฟอกผิดให้ใครบางคน"


 


"นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า ถ้าพรรคพลังประชาชนอยากเอาผลการเลือกตั้งมาฟอกผิด พ.ต.ท.ทักษิณจริง ก็ขอท้าพรรคพลังประชาชนว่า ต้องทำให้ได้จำนวน ส.ส.เกินครึ่งหรือเสียงข้างมากในสภาพรรคเดียวเกิน 240 ที่นั่งถึงจะอ้างคนส่วนใหญ่ได้"


 

 


เรียบเรียงจาก: มติชนออนไลน์ และผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net