Skip to main content
sharethis


เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ณ บริเวณหน้าที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน ฯ ออบขานที่ 3 (บ้านห้วยหยวก) ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ มีชาวบ้านและตัวแทนชาวบ้านจาก อ.แม่วาง อ.สะเมิง มารวมตัวชุมนุมกันกว่า 300 คน เพื่อคัดค้านการที่อุทยานแห่งชาติออบขานได้ประกาศตั้งหน่วยย่อยของอุทยานขึ้น ซึ่งบริเวณหน่วยย่อยของอุทยาน ฯ นั้นได้มีการลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านและทับซ้อนกับป่าใช้สอยของชุมชนเป็นพื้นที่จำนวนมาก 


นายศิวกร โอ่โดเชา ผู้นำชาวบ้านกล่าวว่า เดิมทีในพื้นที่นี้ได้มีมติของ อบต.แม่วินที่คัดค้านการประกาศอุทยานแห่งชาติในพื้นที่เขต อ.แม่วินมาแล้ว ในตอนนั้นมีความพยายามจากเจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานในพื้นที่คนก่อนต้องการตั้งหน่วยย่อยของอุทยานแห่งชาติแม่วางขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ในครั้งนั้นชาวบ้านก็ได้มีการรวมตัวกันไปขับไล่โดยมีเหตุผลว่าการประกาศหน่วยย่อยอุทยานแห่งนั้นไม่มีความชอบธรรม ทับที่ทำมาหากินของชาวบ้าน ส่งผลให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่แสดงสินค้าโอทอปไป แล้วในครั้งนี้ก็ได้มีความพยายามที่จะมีการกันแนวเขตรังวัดแนวเขต เพื่อที่จะมีการประกาศอุทยานอย่างเช่นในกรณีที่บ้านห้วยหยวกนี้อีก 


พื้นที่ตรงนี้เข้าใจว่าเมื่อมีการประกาศเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติออบขานแล้วก็จะมีการผนวกหน่วยนี้เข้าไปอยู่ในอุทยานออบขานทั้ง ๆ หน่วยอุทยาน ฯ ตั้งอยู่นอกเขตพื้นที่ป่ารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของประชาชน เมื่อมีการประกาศอุทยานก็จะนำเอากฎหมายอุทยานเข้ามาใช้ในพื้นที่นี้ เราจึงอยากให้หน่วยตรงนี้ยุติบทบาทในการดำเนินการตามกฎหมายอุทยานไป  นายศิวกรกล่าวและเสริมว่า 


"ถ้าพูดกันในเรื่องของอุทยานนั้นการที่จะเอาเศษไม้ออกมาสักท่อน หรือว่าหินออกมาสักก้อนนั้นยังไม่สามารถทำได้ แล้วทางอุทยานก็ยังมีความที่จะประกาศอุทยานทับลงไปอีก พยายามที่จะเอากฎหมายอุทยานมาใช้กับชาวบ้าน คำถามก็คือว่าเขาจะประกาศอุทยานไปทำไม มันไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของชาวบ้านแล้ว หน่วยอุทยานตรงนี้ตั้งขึ้นมาประมาณ 8 ปีแล้ว ถ้าเทียบกับอายุของหมู่บ้านของเราที่ตั้งขึ้นมาเป็นร้อยๆ ปี ถามว่าใครที่จะสามารถดูแลป่าได้ดีกว่ากัน ซึ่งในอันที่จริงแล้วชาวบ้านสามารถที่จะดูแลรักษาป่าของชาวบ้านเองได้มีวิธีการที่ใช้ในการจัดการป่าหลากหลาย แล้วบางบ้านอยู่กับป่ามาเป็นเวลานานหลายร้อยปี


พ่อหลวงเจ๊ะดี จ่อวาลู ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 กล่าวว่า เหตุผลที่ชาวบ้านไม่อยากให้อุทยานเข้ามาในพื้นที่ก็เพราะว่าเมื่ออุทยานเข้ามาแล้วชาวบ้านก็จะได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะถ้าพื้นที่ตรงนั้นเป็นอุทยานแม้แต่หินก้อนเดียวชาวบ้านก็ยังไม่สามารถเก็บออกไปได้เลย และการที่จะมาอ้างว่าเพื่อที่จะเป็นการดูแลรักษาป่านั้น ชาวบ้านก็ทำให้เห็นแล้วว่าป่าที่ชาวบ้านอยู่อาศัยนี้เราก็สามารถที่จะดูแลรักษาได้ รัฐดูแลไม่ดีเท่าเรา เจ้าหน้าที่ป่าไม้มาแล้วก็ไป บางคนก็หาประโยชน์ใส่ตัวเองอีก 


แหล่งข่าวที่มาร่วมชุมนุมรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าพื้นที่ตรงที่เราอยู่กันนี้ยังไม่ได้ประกาศเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ แต่ในความเป็นจริงนั้นอุทยานได้ประกาศทับที่ของพวกเราไปแล้ว มีการโฆษณาในแผ่นพับของอุทยานแล้วว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ แล้วชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ไม่รู้หรอกว่าเมื่ออุทยานแห่งชาติมาประกาศทับที่เขาแล้วเขาจะเจอกับอะไรบ้าง ชาวบ้านไม่ได้เรียนหนังสือมาเขาไม่รู้เรื่อง 


ขณะที่นายเรืองฤทธิ์ บินโน หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์อุทยาน ฯ ออบขานที่ 3 กล่าวว่าเดิมทีนั้น หน่วยพิทักษ์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2542  โดยรวมอยู่ในพื้นที่ที่ทางอุทยานได้เคยรังวัดมาเมื่อปี 2532 ตามคำสั่งจากกรมป่าไม้ที่ให้เข้ามาดำเนินการสำรวจป่าแม่ขาน แม่วาง แต่เมื่อทางอุทยานได้รังวัดใหม่ในปี 2549 ก็ปรากฏว่าพื้นที่ตรงที่เป็นที่ตั้งหน่วยได้ร่นออกไปอยู่นอกเขตอุทยาน ฉะนั้นเราจึงขอเจรจากับหัวหน้าหมู่บ้าน และเจ้าของพื้นที่ว่าจะขอให้ผนวกหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ แห่งนี้เข้าเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ ได้ไหม ซึ่งในวันนี้ก็ได้ทราบแล้วว่าทางชาวบ้านห้วยหยวกมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่ยอมให้อุทยานประกาศพื้นที่หน่วยนี้เป็นเขตอุทยาน จึงรับทราบแล้วจะทำเรื่องไปทางหน่วยงานต้นสังกัดต่อไป 


ซึ่งการชุมนุมในครั้งนี้จบลงเมื่อ นายเรืองฤทธิ์ บินโน หัวหน้าหน่วยอนุรักษ์อุทยาน ฯ ออบขานที่ 3 ได้ลงมารับหนังสือที่ชาวบ้านได้เข้าชื่อเรียกร้องกัน และได้กล่าวว่าสำหรับหน่วยพิทักษ์อุทยาน ฯ แห่งนี้หากชาวบ้านหรือว่าหน่วยงานใดมีความประสงค์ที่จะใช้ทำประโยชน์ก็ขอให้ทำเรื่องเป็นหนังสือขึ้นมา ตนเองจะส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานต้นสังกัดให้เพราะว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นครุภัณฑ์ของทางราชการตนไม่มีอำนาจในการสั่งการแต่อย่างใด 


อนึ่งข้อเรียกร้องที่ทางชาวบ้านได้เรียกร้องไปยังอุทยานแห่งชาติมีดังนี้คือ


1.ขอให้อุทยานออบขานย้ายสำนักงานออกไปจากพื้นที่ของชาวบ้านแม่วินโดยด่วน


2.ขอให้หยุดการประกาศอุทยานทับที่ชาวบ้าน การดำเนินการจะต้องให้ชาวบ้านและองค์กรท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ


3.สำหรับที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ออบขานที่ 3 (ห้วยหยวก) ชาวบ้านเสนอให้นำมาใช้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ของชุมชน เพราะการจัดการดูแลรักษาป่านั้น ชาวบ้านและหน่วยงานองค์กรท้องถิ่นในต.แม่วินสามารถที่จะดูแลกันเองได้.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net