Skip to main content
sharethis





เศรษฐกิจ


ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทำสถิติทะลุ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


ผู้จัดการออนไลน์ - ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทำสถิติทะลุระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันพุธ(12) ตามเวลาสหรัฐฯ โดยนักลงทุนหวั่นวิตกต่อข่าวปริมาณน้ำมันในคลังทั่วสหรัฐฯลดฮวบต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่พายุโซนร้อนอุมแบร์โตซึ่งก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก อาจกระทบต่อฐานการผลิตน้ำมันจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว


 


ปิยสวัสดิ์เมินอุ้มราคาน้ำมัน สานต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


กระแสหุ้น - นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นแตะระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1983 ว่าจะเป็นการปรับตัวระยะสั้น เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันมากกว่าการผลิต แม้กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) จะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาก


 


ทั้งนี้กระทรวงพลังงานยืนยันว่าจะไม่เข้าไปชดเชยหรือพยุงราคาน้ำมัน หากเปรียบเทียบที่ผ่านมาทั้งราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลขณะนี้ยังคงอยู่ระดับต่ำ เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งหากมีการเข้ามาชดเชยราคาน้ำมันก็จะยิ่งเป็นภาระให้กับประชาชน เพราะจะต้องเป็นหนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป ทางที่เหมาะสมคือควรเร่งใช้หนี้กองทุนน้ำมันฯให้หมดเร็วที่สุด ซึ่งภายในอีก 4 เดือนจะสามารถใช้หนี้หมด


 


นอกจากนี้ ประชาชนยังมีทางเลือกใช้แก๊สโซฮอล์ ซึ่งถูกกว่า 3.50 บาท ไบโอดีเซล 70 สตางค์ ดังนั้น จึงไม่ควรเข้าไปชดเชยราคาน้ำมัน ส่วนกรณีมีข้อเสนอนำเงินกองทุนน้ำมันฯ สร้างรถไฟฟ้า นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า สิ้นปีนี้หนี้กองทุนฯ จะหมดแล้ว แต่หากให้เก็บเงินต่อเพื่อนำไปสร้างรถไฟฟ้าทางกระทรวงพลังงานก็ทำได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร เพราะถ้าเก็บต่อจะมีเงินเข้ามาอีกประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อเดือน


นายปิยสวัสดิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้ได้วางแผนงานต่างๆไว้แล้ว ทั้งการประมูลโรงไฟฟ้า การหาพลังงานทดแทน และแผนพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้รัฐบาลใหม่สานต่อ โดยยังยืนยันความจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอีก 7 ปีข้างหน้า หากไม่มีทางเลือกอื่นยืนยันไทยจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะเป็นพลังงานทางเลือกสำหรับประเทศไทยในอนาคต


 






คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม


'สมิทธ' เตือนพื้นที่แนวเลื่อน อย่าประมาทเหตุแผ่นดินไหว


เดลินิวส์ - นายสมิทธ กล่าวว่า ปัญหาแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะแนวเลื่อนใน 2 อำเภอ คือ อ.ศรีสวัสดิ์ และอ.สังขละบุรี ทั้งนี้จากสถิติการเกิดแผ่นดินไหวตั้งแต่ปี 2526 วัดได้สูงสุด 5.8 ริกเตอร์ แต่ปัจจุบัน เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงขึ้น และก่อให้เกิดความเสียหายตามมา โดยส่วนตัวเห็นว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) น่าจะจัดงบประมาณสร้างหอเตือนภัยขึ้นในพื้นที่สร้างเขื่อน เนื่องจาก จ.กาญจนบุรีเป็นพื้นที่ได้รับความนิยมด้านท่องเที่ยว



อย่างไรก็ตาม นายสมิทธ ย้ำว่า เรื่องดังกล่าวขอให้ประชาชนอย่าได้ประมาท โดยเฉพาะผึ้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวเสี่ยง



องค์กรสตรี หนุน ก.ม.ห้ามสื่อเผยข้อมูล - ภาพความรุนแรงในครอบครัว


ผู้จัดการออนไลน์ - นางสายสุรีย์ จุติกุล หนึ่งในคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า สนับสนุน พ.ร.บ.ห้ามสื่อเผยแพร่ข้อมูล ภาพ ความรุนแรงในครอบครัว โดยกฎหมายจะคุ้มครองผู้กระทำผิดครั้งแรกและกลับตัวได้ ส่วนวิธีการบรรเทาทุกข์ผู้ถูกกระทำรุนแรงด้วยการออกคำสั่งห้ามผู้กระทำผิดเข้าไปในที่พักของครอบครัว ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าจะให้ไปอยู่ที่ใด เพราะความรุนแรงในครอบครัวทั่วโลกเกือบทั้งหมดเป็นสามีทำร้ายภรรยา


         


นายณรงค์ ใจหาญ ประธานโคงการยกร่างกฎกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ย้ำว่า มาตรา 9 ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว แม้จะมีการแจ้งเหตุ และผู้ถูกกระทำยินยอมเปิดเผยตัวเอง แต่จะห้ามสื่อมวลชนเผยแพร่ชื่อ ที่อยู่ และภาพ ต่อสาธารณชน รวมถึงมูลนิธิช่วยเหลือเด็กและสตรี ต่างๆ ถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


 


นักวิจัยอังกฤษ เตือนใช้มือถือนานเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง


ผู้จัดการออนไลน์ - บรรดาผู้เชี่ยวชาญโครงการวิจัยเพื่อสุขภาพ และการสื่อสารด้วยโทรศัพท์มือถือแห่งอังกฤษ ซึ่งศึกษาวิจัยผลจากการใช้โทรศัพท์มือถือมานานถึง 6 ปีเต็ม เปิดเผยว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือไปนานๆ ในระยะยาว อาจจะทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงที่จะเป็นป่วยเป็นโรคมะเร็งสูง หรือว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น กับระบบการทำงานของสมอง และเซลล์สมองได้ แต่สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในระยะสั้นๆ ยังไม่พบว่ามีความเสี่ยง โครงการวิจัยดังกล่าวได้รับเงินสนับสนุน จากรัฐบาลอังกฤษ และอุตสาหกรรมการคมนาคมสื่อสาร โดยได้ดำเนินการศึกษาวิจัยแล้ว 23 รายการ เพื่อศึกษาว่าโทรศัพท์มือถือ เสาอากาศ และสถานีรับส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ต่อทั้งสุขภาพร่างการของมนุษย์ ซึ่งบรรดานักวิจัยกำลังขยายโครงการศึกษาวิจัยต่อไป ในช่วงเวลาที่เกิน 10 ปี และจะมุ่งเน้น หาผลกระทบที่เกิดกับเด็กที่ใช้โทรศัพท์มือถือต่อไปด้วย


 


หมีขาว-มังกร-ภารตะ มีพื้นที่มลพิษแย่ที่สุดในโลก


ผู้จัดการรายวัน - รอยเตอร์- สถาบัน "แบล็กสมิธ" ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์ก จัดทำรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(12) ระบุว่า 4 ใน 10 ของบริเวณที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก อยู่ในรัสเซีย และอีก 2 สาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต


 


แบล็กสมิธกล่าวว่า บริเวณที่ปนเปื้อนมลพิษมากที่สุด 10 แห่งของโลกซึ่งอยู่ใน 7 ประเทศ เป็นเหตุให้ผู้คนกว่า 12 ล้านชีวิต ต้องทนทุกข์กับปัญหาด้านสุขภาพตั้งแต่โรคหืดหอบไปถึงโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ จนนำไปสู่ภาวะพิการแต่กำเนิดหรือเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร


 


ริชาร์ด ฟูลเลอร์ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสถาบันแบล็กสมิธกล่าวว่า เพียงแค่จัดทำโครงการทางวิศวกรรมแบบง่าย ๆ ก็จะทำให้บริเวณท็อปเทนเหล่านี้หลาย ๆแห่งมีความปลอดภัย แต่บ่อยครั้งที่เกิดภาวะขาดแคลนเงิน เจตนารมณ์ทางการเมือง หรือความสามารถทางเทคนิค


 


แบล็กสมิธกล่าวผ่านรายงานประจำปีฉบับที่สอง ว่า 4 ใน 10 ของบริเวณที่ปนเปื้อนมลพิษอยู่ในรัสเซียและ 2 อดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต อาทิเช่น ดเซียร์จินสค์ ในดินแดนหมีขาว ซึ่งในช่วงสิ้นสุดสงครามเย็น ดินแดนแห่งนี้เคยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอาวุธเคมีของประเทศ อีกแห่งคือ เชียร์โนบิลของยูเครน ซึ่งเคยเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกเมื่อปี 1989


 


ขณะที่จีนกับอินเดีย ก็มีดินแดนที่เต็มไปด้วยมลพิษอย่างละ 2 แห่งเท่ากัน ซึ่งก็คือ หลินเฟินในมณฑลซานซีของจีน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของอุตสาหกรรมถ่านหินที่กำลังขยายตัว และเทียนจิน หนึ่งในรากฐานการผลิตตะกั่วที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ทั้งนี้ชาวเทียนจิน โดยเฉพาะพวกเด็ก ๆ ต้องทนทรมานกับการเจ็บป่วยที่เกิดจากพิษตะกั่ว


 


ปัญหาการเมืองในญี่ปุ่น ส่งผลไทย ตัดสินใจใช้เงินกู้ในประเทศ แทนกู้เจบิก สานต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - การดำเนินการก่อสร้าง รถไฟฟ้า สายสีม่วงช่วง  บางใหญ่ - บางซื่อ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า การกู้เงินเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะใช้เงินกู้ภายในประเทศแทนการกู้เงินจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) หลังจากนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ชี้แจงให้ทราบถึงความล่าช้าของเจบิก โดยการใช้เงินกู้ภายในประเทศจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา ซึ่งเบื้องต้นจะมาจากธนาคารภายในประเทศ หรือการกู้เงินจำนวน 2,000 ล้านบาท จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กระทรวงพลังงาน เพื่อไม่ให้การก่อสร้างรถไฟฟ้าเกิดความล่าช้ามากไปกว่านี้


 


แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม แจ้งสาเหตุที่ทำให้เจบิก ยังไม่ปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศไทยนั้น เนื่องจากติดระเบียบขั้นตอนที่ต้องใช้เวลานานมาก เพราะมีหลายหน่วยงานต้องร่วมกันพิจารณา นอกจากนี้ ยังมีปัญหาสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กำลังจะหมดวาระลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และปัญาล่าสุดกรณีที่นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศลาออก ทำให้สถานการณ์การติดต่อหรือเจรจาเกิดการชะงักมากขึ้นอีก


          






ต่างประเทศ


ตาลีบันเตรียมระเบิดทิ้งพระพุทธรูปโบราณอายุ 2 พันปีในปากีสถาน


คมชัดลึก - สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.ย.) อ้างปากคำของชาวบ้านที่หมู่บ้านจาฮานาบัด ในจังหวัดนอร์ท เวสต์ ฟรอนเทียร์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธมุสลิมเคร่งจารีตตาลีบันในปากีสถานที่อยู่ติดกับพรมแดนอัฟกานิสถานที่เผยว่า มีกลุ่มติดอาวุธเดินทางไปที่หมู่บ้านเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ อ้างตัวว่าเป็นนักรบมูจาฮีดีนต้องการระเบิดพระพุทธรูปแกะสลัก สูง 7 เมตร ที่บริเวณหน้าผาใกล้หมู่บ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงขุดเจาะ และได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้งในเช้าวันต่อมา



หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ในเมืองใกล้เคียงได้เดินทางไปตรวจสอบพบว่าโชคดีที่องค์พระพุทธรูปโบราณที่มีอายุเกือบ 2 พันปีไม่ได้รับความเสียหายมากนัก เพียงแค่โครงพระพุทธรูปถูกแรงระเบิดเสียหายราว 3 ฟุต นอกจากนี้มีร่องรอยของหินบริเวณโดยรอบที่ถูกแรงระเบิด



สำหรับพระพุทธรูปโบราณองค์นี้สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 1 ในสมัยคันธาระช่วงที่พุทธศาสนารุ่งเรืองในพื้นที่แถบนั้นของปากีสถาน ระหว่างศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล จนถึงศตวรรษที่ 11 ทั้งนี้ พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยานี้ เป็นปางหายาก รองจากพระพุทธรูปบามิยัน ที่ถูกกลุ่มตาลีบันระเบิดทำลายในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2544 อ้างว่าการเคารพรูปผิดหลักศาสนาอิสลาม


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net