ที่มาของภาพ: ประเสริฐ เทพศรี (http://www.oknation.net/blog/sertphoto/2007/09/11/entry-1)

ที่มาของภาพ: โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย

ที่มาของภาพ วรวิทย์ พุ่มพวง (http://www.oknation.net/blog/sertphoto/2007/09/11/entry-1)

ตามที่ผู้ชุมนุมจากสหภาพแรงงานอินเตอร์โมด้ากว่า 300 คน ได้มาปักหลักค้างคืนชุมนุมบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 50 เพื่อทวงถามข้อเรียกร้องเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ให้คณะรัฐมนตรีมีคำสั่งจ่ายเงินชดเชยให้กับคนงานที่ถูกนายจ้างปิดโรงงานลอยแพ 24 ล้านบาทนั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (11 ก.ย. 50) คนงานสหภาพแรงงานอินเตอร์โมด้าส่วนหนึ่งได้แบ่งกลุ่มๆ ละ 30-40 คน เฝ้าหน้าประตู ทุกๆ ประตูของทำเนียบรัฐบาล เพื่อดักพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ เพื่อทวงถามข้อเรียกร้อง อย่างไรก็ตามขบวนรถของนายกรัฐมนตรีก็ไม่ยอมหยุดรถเพื่อพบกับคนงานแต่อย่างใด และตรงเข้าไปในทำเนียบเพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ทันที

ทำให้เมื่อเวลา 9.30 น. ผู้ชุมนุมได้จึงมารวมกันตรงประตูหน้าทำเนียบรัฐบาลฝั่งสำนักงาน ก.พ. จากนั้นได้ตัดสินใจให้ตัวแทนผู้ชุมนุมซึ่งเป็นสตรี 10 คนถอดเสื้อผ้าโดยมีผ้าขาวเขียนข้อความต่อๆ กันว่า "มึงมากูหมด" มาพันรอบตัวแบบกระโจมอก ก่อนที่จะถอดชุดชั้นในและเสื้อผ้าขว้างเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องสำรองจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างกว่า 300 คน และเพื่อเป็นการประท้วงเชิงสัญลักษณ์ว่าคนงานตกงานและไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ

โดยระหว่างที่ตัวแทนผู้ชุมนุมกำลังถอดชุดชั้นในประท้วงนั้น ได้มีนักข่าวสอบถามว่าที่คนงานต้องทำแบบนี้เป็นเพราะอะไร จากนั้นได้มีตัวแทนคนงานรายหนึ่งระบายความอัดอั้นตันใจที่ตัวเขาต้องตกงานทั้งน้ำตานองหน้า และได้ทำให้ผู้ชุมนุมที่เหลือพากันร้องไห้ตามกันหมด ทำให้บรรยากาศหน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นไปด้วยความเศร้าสร้อย

ต่อมาตัวแทนนายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและประเมินผล ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งพาเจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงานมาด้วย ได้ติดต่อให้คนงานไปเจรจาด้วย แต่ผลการเจรจาไม่คืบหน้า โดยนายจิรายุเสนอให้คนงานไปคุยกับกระทรวงแรงงาน แต่คนงานชี้แจงว่ากระทรวงแรงงานได้ดำเนินตามกฎหมายแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ข้อเรียกร้องค่าชดเชยซึ่งนายจ้างไม่ยอมจ่าย และกระทรวงแรงงานไม่มีอำนาจอนุมัติงบประมาณเงินกองคลังมาสำรองจ่ายช่วยคนงานได้ จึงต้องมาขอให้คณะรัฐมนตรีจัดการ

ต่อมาในเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิบัติงานพิเศษ 191 จำนวน 1 กองร้อย เข้ากดดันกลุ่มผู้ชุมนุมให้สลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าผู้ชุมนุมกีดขวางการจราจร โดยมีความพยายามที่จะเข้ามายึดรถเครื่องเสียงของผู้ชุมนุมแต่ไม่สำเร็จ เพราะคนงานช่วยกันนั่งล้อมรถเครื่องเสียงเอาไว้

ด้าน น.ส.ศรีไพร นนทรีย์ คณะกรรมการกลุ่มสภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียงเปิดเผยว่า กรณีเรียกร้องเงินชดเชยระหว่างกรณีโรงงานไทยศิลป์ปิดกิจการและโรงงานอินเตอร์โมด้าปิดกิจการ มีความต่างกัน โดยที่กรณีของโรงงานไทยศิลป์ เจ้าของโรงงานยอมให้ลูกจ้างนำเครื่องจักรในโรงงานไปขายเพื่อพาเงินชดเชยการถูกเลิกจ้าง แต่เจ้าของโรงงานอินเตอร์โมด้าไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น และคนงานไม่สามารถเข้าไปในโรงงานเพื่อขอตรวจสอบว่านายจ้างลักลอบย้ายเครื่องจักรหนีไปเปิดโรงงานที่อื่นหรือไม่ โดย น.ส.ศรีไพร ยังเปิดเผยอีกว่าทุกวันนี้มีทหารในเครื่องแบบเข้ามาภายในโรงงาน มายืนดูการชุมนุมของคนงานช่วงกลางคืนและไม่ยอมพูดจาอะไร ทำให้คนงานรู้สึกถูกกดดันเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่สหภาพแรงงานบริษัท อินเตอร์ โมด้า จำกัด ประกาศว่าหากรัฐบาลยังหาข้อสรุปไม่ได้ ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ พนักงานทุกคนจะนัดชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งจนกว่าจะได้ความชัดเจน

ด้านนายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือพนักงานบริษัท อินเตอร์ โมด้า จำกัด จ.ปทุมธานี ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างให้ลูกจ้างจำนวน 277 คนมายื่นคำร้อง คร.7 ต่อสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ปทุมธานี รวมทั้งจะเรียกนายจ้างมาสอบปากคำ ซึ่งเป็นขั้นตอนของกฎหมาย โดยจะพิจารณาว่ามีลูกจ้างที่ได้รับค่าชดเชยและมีอายุงานเท่าใด ส่วนเรื่องค่าชดเชย 24 ล้านบาทที่คนงานเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายแทนนั้น ไม่สามารถนำเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างสำรองจ่ายไปก่อนได้ เพราะเงินดังกล่าวจะต้องจ่ายในกรณีที่ไม่สามารถหาตัวนายจ้างพบเท่านั้น นายผดุงศักดิ์ยังกล่าวว่าขอเตือนคนงานอย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมือง โดยขอให้คำนึงถึงตนเองเป็นหลัก