Skip to main content
sharethis


'แอ้ด' ชี้ทหารก็มี 'ฟาสต์แทรค'

เว็บไซต์ไทยโพสต์ : พล.อ.สุรยุทธ์  จุลานนท์  นายกรัฐมนตรี  กล่าวในรายการ  "เปิดบ้านพิษณุโลก"  ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารว่า  อย่าไปคิดมาก  เพราะทหารก็คือข้าราชการส่วนหนึ่ง เขาก็มีวิธีการที่จะพิจารณา แล้วการดำเนินการนั้นจะยืนอยู่บนพื้นฐานของหลักของความเป็นธรรมเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าจะต้องมีส่วนซึ่งถือว่าเป็นช่องทางเร็วบ้าง  ช่องทางลัดบ้าง  ต้องมี แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเราจะยืนอยู่บนหลักการ ยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม  อย่างที่รัฐบาลที่ผ่านมาใช้คำว่าฟาสต์แทรค  ต้องมีอยู่ในระบบ  ในระบบของทหารก็มีเหมือนกัน


 



 


จักรภพพิสูจน์ความจริงดักฟังโทรศัพท์จันทร์นี้


ไอ.เอ็น.เอ็น. : นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวถึงกรณีถูกตั้งข้อกล่าวหาดักฟังโทรศัพท์ ว่าคดีดังกล่าวได้เปลี่ยนจากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาเป็นคดีดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งตนเห็นข้อความในหมายเรียกและการตั้งข้อหาแล้ว จึงรู้ว่าเป็นการใช้ความผิดจาก พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคมเก่ารวมกับประกาศคณะปฏิรูปการปกครองมารวมกันแล้วตั้งเป็นข้อหา ซึ่งวันจันทร์นี้ จะเป็นวันสำคัญที่จะได้พิสูจน์ความบิดเบือนของผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้ ว่ามีการใช้วิธีการเดิมหรือไม่ นั่นก็คือใครเป็นโจทย์ก็สามารถพลิกคดีให้ตกเป็นจำเลยได้


 


นายจักรภพ กล่าวอีกว่า ตามที่ตำรวจได้กล่าวหาว่าพวกตนเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการดักฟังโทรศัพท์นั้นขอชี้แจงว่าซีดีบันทึกสนทนาครั้งนี้ไม่ใช่การดักฟัง และพร้อมจะพิสูจน์ทุกขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรมโดยจะไม่ยอมให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะซีดีชุดนี้สามารถบ่งชี้ได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำปฏิวัติในวันที่ 19 ก.ย.49 และอ้างตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย ทั้งนี้ผู้ต้องหาในคดีนี้มีอีก 2 คน คือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ


 


 


โพลล์ ตร.ฟ้อง 'นาย' ตัวแสบเรียกรับส่วย


เว็บไซต์ไทยโพสต์ : ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและ ธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลวิจัยเรื่อง "ความคิดเห็นของประชาชนต่อการปฏิรูปโครงสร้าง ตำรวจ"จากตัวอย่างที่ศึกษาทั้งสิ้น 8,613 ตัวอย่าง ระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่าง มกราคม - กรกฎาคม 2550


 


ผลการสำรวจทัศนคติในเชิงลบของประชาชน ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าร้อยละ 87.1 ระบุ ตำรวจมักจะตกอยู่ภายใต้การครอบงำของบรรดานักการเมืองที่มีอำนาจ ในขณะที่ร้อยละ 77.3 ระบุตำรวจเลือกปฏิบัติกับประชาชน, ร้อยละ 72.1 ระบุตำรวจรีดไถ เรียกรับผลประโยชน์ และร้อยละ 67.5 ระบุตำรวจมีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกัน


 



สำหรับทัศนคติในเชิงลบจากประชาชนผู้มีประสบการณ์ตรงกับงานตำรวจระดับสถานีใน 24 จังหวัดของประเทศ ผลสำรวจพบว่า ตัวอย่างร้อยละ 33.0 ระบุไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใส, ร้อยละ 23.8 ระบุจำนวนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ไม่เพียงพอ, ร้อยละ 23.7 ระบุตำรวจขาดวัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัย, ร้อยละ 16.2 ระบุเจ้าหน้าที่พูดจาคุกคาม ข่มขู่, ร้อยละ 15.8 ระบุประพฤติตัวไม่เหมาะสม เช่น ดื่มสุรา เล่นการพนัน , ร้อยละ 10.8 ระบุมีการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชน ผู้มาติดต่อ และร้อยละ 8.2 ระบุมีการซ้อมผู้ต้องหา


 



ส่วนผลการสำรวจความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับปัญหาในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้บังคับบัญชา พบว่าร้อยละ 57.5 ระบุมีการวิ่งเต้นมอบผลประโยชน์ให้ผู้บังคับบัญชาเพื่อแลกเปลี่ยนกับตำแหน่งหน้าที่และความอยู่รอด รองลงมาคือร้อยละ 57.3 ระบุ มีผู้บังคับบัญชามากเกินไป, ร้อยละ 55.1 ระบุผู้บังคับบัญชาเลือกปฏิบัติ, ร้อยละ 47.9 ระบุถูกมอบหมายงานที่มากเกินไป และร้อยละ 43.2 ระบุต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้กับผู้บังคับบัญชา


 



สำหรับปัญหาด้านการบริหารจัดการในหน่วยงานของตำรวจนั้น ผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 98.4 ระบุขาดเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ รองลงมาคือร้อยละ 95.8 ระบุงบประมาณไม่เพียงพอ , ร้อยละ 94.6 ระบุการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลและหน่วยงานอื่นของรัฐให้กับตำรวจไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในการทำงาน, ร้อยละ 92.6 ระบุปัญหาเรื่องเงินเดือนไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายจริง และ ร้อยละ 87.9 ระบุจำนวนคนไม่เพียงพอกับปริมาณงาน


 



นอกจากนี้ เมื่อสอบถามถึงปัญหาในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนนั้น ผลการสำรวจพบว่า ร้อยละ 77.6 ระบุประชาชนมองภาพลักษณ์ของตำรวจในด้านลบเกินความเป็นจริง รองลงมาคือร้อยละ 77.5 ระบุ ประชาชนคาดหวังสูงจากการทำงานของตำรวจเกินขีดความสามารถที่แท้จริงของตำรวจ ร้อยละ 75.0 ระบุไม่ได้รับความร่วมมือจากพยาน ร้อยละ 71.2 ระบุมีข้อจำกัดด้านระเบียบราชการ และร้อยละ 69.5 ระบุขั้นตอนกฎหมายยุ่งยากเป็นอุปสรรคต่อการทำงานตามลำดับ


 



ประเด็นสำคัญที่น่าพิจารณาคือความคิดเห็นของตำรวจที่มีต่อประเด็นสำคัญที่ต้องการให้มีการปฏิรูปโดยเร่งด่วนที่พบว่า ร้อยละ 95.5 ระบุการปรับเพิ่มค่าตอบแทนตำรวจชั้นประทวนอย่างต่อเนื่องรองลงมาคือร้อยละ 82.2 ระบุการปรับเพิ่มค่าตอบแทนพนักงานสอบสวนให้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงพนักงานอัยการ ศาล ร้อยละ 79.7 ระบุการปรับองค์กรภายใน ตร. เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจ/ สถานการณ์ปัจุบันมากขึ้น เช่น หน่วยงานดูแลอาชญากรรมข้ามชาติ หน่วยงานดูแลอาชญากรรมแนวดิ่ง (ตึกสูง) ร้อยละ 77.4 ระบุการปรับระบบคุณธรรมและจริยธรรม เช่นการเพิ่มโทษทางวินัย การเร่งรัดกำกับดูแลตำรวจด้านคุณธรรมจริยธรรม และร้อยละ 75.3 ระบุการปรับระบบการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นตำรวจชั้นประทวน (ประเด็นปรับ รร.นพต.) เช่นปรับให้เรียนพล ตำรวจ 2 ปี ให้อนุปริญญา


 



สำหรับผลการวิจัยเชิงคุณภาพจากคณาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และผู้เกี่ยวข้องกับงานตำรวจนั้น ดร.นพดล กล่าวว่า มาตราสำคัญในร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติที่คณาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และผู้เกี่ยวข้องกับงานตำรวจเห็นพ้องด้วยนั้นได้แก่ หลักการและเหตุผลในการร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ มาตราที่ 13 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของอธิบดีตำรวจนครบาล ภาค หรือสำนักงาน รวมทั้งมาตราอื่นๆ อาทิ มาตรา 14 มาตรา มาตรา 22 มาตรา 23 และมาตรา 24 เป็นต้น


 



ส่วนทัศนคติเชิงบวกของประชาชนผู้มีประสบการณ์ตรงกับงานตำรวจระดับสถานี ใน 24 จังหวัดของประเทศ ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 79.2 ระบุ เจ้าหน้าที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับประชาชน รองลงมาคือร้อยละ 74.4 ระบุให้บริการที่ดี /ให้คำแนะนำที่ดี ร้อยละ 68.0 ระบุเจ้าหน้าที่ขยันและตั้งใจทำงาน ร้อยละ 61.3 ระบุเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยุติธรรม ร้อยละ 60.0 ระบุเจ้าหน้าที่เข้าถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วฉับไว ตามลำดับ


 



สำหรับความคิดเห็นของตำรวจในภาค 5 และภาค 6 เกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างงานตำรวจ จาก 386 ตัวอย่าง ระยะเวลาในการสัมภาษณ์ 23 - 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ประเด็นการกระจายการบริหารงานตำรวจจากส่วนกลางสู่ภาคต่างๆ ให้มากขึ้น ร้อยละ 73.2 เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ 6.2 ไม่เห็นด้วย ส่วนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารงานตำรวจ ร้อยละ 72.0 เห็นด้วย ร้อยละ 6.3 ไม่เห็นด้วย, การถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ของตำรวจไปหน่วยงานอื่น ร้อยละ 59.9 เห็นด้วย ส่วนอีกร้อยละ 19.5 ไม่เห็นด้วย, การปรับปรุงการปฏิบัติการของสถานีตำรวจ ร้อยละ 84.3 เห็นด้วย ร้อยละ 2.9 ไม่เห็นด้วย ขณะที่การปรับปรุงเงินเดือน ค่าตอบแทนและสวัสดิการ เห็นด้วยร้อยละ 96.1 ไม่เห็นด้วยร้อยละ 1.3


 



ทังนี้คณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อรับฟังความคิดเห็นของตำรวจและประชาชน เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างตำรวจ โดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ กล่าวถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างตำรวจว่า ปัจจุบันการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นแบบรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง มีสายการบังคับบัญชาที่ยาวมาก ระบบการแต่งตั้งโยกย้ายไม่คำนึงถึงระบบคุณธรรม นอกจากนี้ ระบบเงินเดือนยังไม่สอดคล้องกับงาน และตำรวจชั้นประทวนยังขาดขวัญกำลังใจ เพราะไม่สามารถขยับขึ้นสู่ชั้นสัญญาบัตร หากมีการปรับโครงสร้างตำรวจ จะทำให้การบริหารงานคล่องตัว และเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบองค์กรตำรวจด้วย


 


 


"กอ.รมน." เปิดหลักสูตรผู้นำชุมนุม-ล้มโกงเลือกตั้ง


ผู้จัดการออนไลน์ : พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวถึงการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาว่า กอ.รมน.กำลังจะเปิดหลักสูตรผู้นำชุมชน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานประชาธิปไตย โดยเน้นย้ำให้เลือกคนดีเข้าสู่สภาฯ เพราะการได้คนดีเข้ามา จะทำให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยดี เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้อย่างทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน หากยังมีการใช้รูปแบบเก่าโดยให้เงินเข้ามามีอำนาจหรือซื้อเสียงได้ เมื่อคนเหล่านั้นเข้ามาบริหารประเทศ ก็จะเรียกทุนคืน ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น


 


เมื่อถามถึงการมีส่วนร่วมจับตาการทุจริตในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นั้น พล.อ.มนตรี กล่าวว่า กอ.รมน.จะเข้าไปช่วย หากได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นการเข้าไปช่วยในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน จึงไม่ถือว่าเป็นภารกิจหนักหนาอะไร เพราะทุกอย่างดำเนินการตามแผนงานปกติ


 


พล.อ.มนตรี กล่าวอีกว่า เราไม่ได้แบ่งประชาชนออกเป็นฝ่ายใด แต่มีหน้าที่ดูแลความมั่นคง และทุกข์ สุขของประชาชน โดยการนำงบประมาณของศูนย์ต่อสู้เพื่อความยากจนลงพื้นที่ เวลานี้ระบบงบประมาณเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงจะเร่งดำเนินการเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข เมื่อถามถึงผลการลงประชามติ ถือเป็นบทเรียนในการทำงานหรือไม่ พล.อ.มนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ ซึ่งอาจจะมีหลายเหตุผล เพราะผู้ที่รับร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้หมายความว่าอยู่ฝ่ายใด


 


 


กกต.หาข้อพลาดจากโหวตโน


ไอ.เอ็น.เอ็น. : นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ยอมรับข้อห่วงใยของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือ คมช.กรณีที่เป็นห่วงว่าการเลือกตั้งแบบเดิมๆ จะกลับมาอีก ว่า ขณะนี้ กกต.เตรียมแผนยุทธศาสตร์ในเชิงรุกรูปแบบใหม่ เพื่อรองรับปัญหาการทุจริตซื้อเสียงการเลือกตั้งเอาไว้แล้ว  แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะยังมีเวลาเพียงพอที่จะพิจารณาจากสถานการณ์ก่อนใกล้วันเลือกตั้งประกอบ อีกทั้งจะนำผลประชามติไม่รับรัฐธรรมนูญที่ตัวเลขสูงในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานมาประกอบการพิจารณาด้วยว่า มีข้อบกพร่องใดเกิดขึ้นและเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งมั่นใจว่านโยบายของ กกต.ชุดนี้ จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรมอย่างตรงไปตรงมา ส่วนขั้นตอนการวินิจฉัยข้อร้องเรียนก่อนคดีจะไปสู่ศาลควรเป็นอย่างไรนั้น นายประพันธ์กล่าวว่าคงดูจากการพิจารณาของ สนช.ที่ปรับแก้ไขกฎหมายลูกที่ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน


 


 


ไฟไหม้ป่าในกรีซกินวงกว้างราว 5 พันเอเคอร์ ยอดตายพุ่งอย่างน้อย 41 ราย


อินโฟเควสท์ : ไฟไหม้ป่าครั้งร้ายแรงที่โหมกระพือทั่วคาบสมุทรเปโลปอนเนซี่ตั้งแต่ช่วงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 41 ราย โดยในจังหวัดลาโคเนียและเมสซิเนียได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ขณะที่ไฟยังคงขยายวงกว้างและไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ประกอบกับกระแสลมพัดแรงในพื้นที่ดังกล่าวทำให้การดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก รวมทั้งเครื่องบินพ่นน้ำดับไฟก็ยากเข้าไปใกล้ต้นเพลิง ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยกรีซ กล่าวว่า ขณะนี้เกิดไฟไหม้ป่าแล้วกว่า 179 จุดทั่วประเทศ ซึ่งได้มีการส่งพนักงานดับเพลิงนับร้อยนายพร้อมทั้งรถดับเพลิงกว่า 35 คันและอาสาสมัครเร่งเข้าไปดับเพลิงแล้ว ด้านสถานีโทรทัศน์ อีอาร์ที รายงานว่า พื้นที่ป่าราว 5 พันเอเคอร์ถูกไฟเผาผลาญเป็นเถ้าถ่าน


 


 


อาเซียนเล็งคว่ำบาตรสมาชิกใช้ลัทธิกีดกันทางการค้าไม่ทำ FTA ตรงเวลา


อินโฟเควสท์ : สถานีโทรทัศน์ จีเอ็มเอ ในฟิลิปปินส์ รายงานอ้างเอกสารของนายพล อ่อง เคง ยง เลขาธิการอาเซียนว่า ชาติสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ชาติวางแผนตั้งระบบการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเพื่อรับประกันว่า blueprint ใหม่ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงภูมิภาคนี้ให้เป็นเขตเศรษฐกิจในรูปแบบเดียวกับอียูภายในพ.ศ. 2558 จะมีการดำเนินงานเป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้


 


รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจในอาเซียนร่วมประชุมที่กรุงมะนิลา ได้อนุมัติ blueprint ที่ครอบคลุมรอบด้านเพื่อตั้งชุมชนเศรษฐกิจอาเซียนภายในปี 2558 หรือ 5 ปีก่อนหน้าแผนการณ์เดิม และคาดกันว่า ผู้นำชาติอาเซียนจะอนุมัติขั้นสุดท้ายที่การประชุมสุดยอดอาเซียน ณ ประเทศสิงคโปร์เดือนพฤศจิกายนนี้


 


ทั้งนี้ อ่อง กล่าวว่า เศรษฐกิจของชาติอาเซียนเติบโตในอัตราที่น่าพอใจระดับ 6% เมื่อปี 2549 และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอดีบี คาดว่า ในปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 5.6% ซึ่งชาติสมาชิกต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ รวมทั้งราคาน้ำมันที่พุ่งสูง การแข่งขันระหว่างประเทศที่รุนแรง ความผันผวนเพิ่มขึ้นในตลาดการเงิน และเศรษฐกิจสหรัฐที่ถดถอยลงมากกว่าคาดการณ์


 


 


ญี่ปุ่นและอาเซียนบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกันแล้ว


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค : ญี่ปุ่น และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน บรรลุร่างข้อตกลงทางการค้าเสรีแล้วในวันนี้ ภายหลังการประชุมร่วมกันของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนที่กรุงมะนิลา ของฟิลิปปินส์ โดยญี่ปุ่นจะยอมยกเลิกมาตรการกีดกันทางภาษีสินค้านำเข้าจากอาเซียน ร้อยละ 90 ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะได้รับการลงนามรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่สิงคโปร์ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ข้อตกลงทางการค้าเสรีระหว่างญี่ปุ่นกับอาเซียน หรือที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการว่า ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นนี้ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในเดือนเมษายน 2551โดยข้าวและผลผลิตทางการเกษตรบางประเภทที่เข้าข่ายเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับญี่ปุ่นจะได้รับการยกเว้นไม่อยู่ภายใต้ข้อตกลงนี้ รวมถึงสินค้าประเภทชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ ยานยนต์ และเหล็ก ก็จะได้รับการยกเว้นเฉพาะในบางประเทศ และเป็นลักษณะการลดหย่อนภาษีแทน


 


ทั้งนี้ ในการยกเลิกมาตรการกีดกันทางภาษีนั้น จะมีผลกับ 6 ประเทศก่อนภายในระยะเวลา 10 ปีต่อจากนี้ ได้แก่ บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ส่วนกัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม จะมีผลภายในระยะเวลา 15 ปี นอกจากนั้น ในขณะนี้ ญี่ปุ่นยังคงเร่งดำเนินการเพื่อเปิดเขตการค้าเสรีกับ 16 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งประกอบด้วย อาเซียน 10 ประเทศ ออสเตรเลีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และนิวซีแลนด์ด้วย ทั้งนี้ ตัวเลขทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับอาเซียนเมื่อปี 2548 นั้น มีมูลค่าถึง 16,400 ล้านล้านเยน โดยอาเซียนถือเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของญี่ปุ่น รองลงมาจากสหรัฐฯ และจีน ซึ่งญี่ปุ่นคาดหวังว่า การบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับอาเซียน จะช่วยขยายมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจาก 1,100 ล้านล้านเยน เป็น 2,000 ล้านล้านเยน ขณะที่อาเซียนก็หวังว่า ข้อตกลงในครั้งนี้จะนำไปสู่การขยายการลงทุนของญี่ปุ่นในภูมิภาคอาเซียน


 


 


ออสเตรเลียต้องยกเลิกการแข่งม้าทุกประเภทหลังเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในม้า


กรมประชาสัมพันธ์ : นายปีเตอร์ แม็คกัวแรน  รัฐมนตรีเกษตรออสเตรเลียแถลงว่า การระบาดของโรคดังกล่าวถือเป็นวิกฤติการณ์ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการแข่งม้าของออสเตรเลียครั้งที่รุนแรงที่สุด ซึ่งแต่ละปีจะมีรายได้ 16,400  ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งควบคุมการระบาดของโรคโดยเร็ว  และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศจะจัดการประชุมในเร็ว ๆ นี้ เพื่อหามาตรการยับยั้งการระบาด



 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net