Skip to main content
sharethis


การเมือง


"สุดารัตน์"ขอความคุ้มครองจาก"เสรีพิศุทธ์" หลังถูกกลุ่มบุคคลลึกลับติดตาม


เว็บไซต์แนวหน้า -คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พร้อมอดีต ส.ส.ของพรรคเดินทางมายื่นหนังสือขอความคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังถูกกลุ่มบุคคลที่ติดตาม เนื่องจากไม่มีความชัดเจนว่าคนติดตามเป็นใครและมีวัตถุประสงค์อะไรที่สำคัญชายกลุ่มดังกล่าวยังติดตามลูก 2 คนที่อยู่โรงเรียนชั้นป.3 และป.4 โดยแม้ขณะนี้จะเป็นเพียงพลเมืองชั้น 2 แต่ก็มีสิทธิเสรีภาพที่จะอยู่อย่างปลอดภัยบนผืนแผ่นดินไทย


 



คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า กลุ่มบุคคลที่คอยติดตามตนนั้น คาดว่าเป็นทหาร จึงจากจะฝากไปถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติว่า ตนยินดีให้ความร่วมมือในเรื่องใดก็ตามแต่ต้องตอบว่าติดตามตนเรื่องอะไรแล้วทำไมต้องติดตามลูกของตนอย่างไรก็ตามก็ยินดีให้ติดตามและยืนยันว่าจะไม่ทำกิจกรรมใดให้ก่อความวุ่นวายในการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นท่อน้ำเลี้ยงหรือคลื่นใต้น้ำ


 


 


"หมอประเวศ" แนะ นายกฯ แสดงภาวะผู้นำเบรกปัญหา พ.ร.บ.ชุมชน หวั่นเกิดความขัดแย้งกันเอง ชี้ไม่ควรเขียนให้อำนาจผู้นำชุมชน ระบุอำนาจไม่ช่วยอะไร


เว็บไซต์แนวหน้า - นพ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งของนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีกับนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ในเสนอร่างพ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชนว่า เรื่องนี้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ต้องแสดงภาวะผู้นำในการเข้ามาตัดสินปัญหา เพราะหากปล่อยไว้เจะกลายเป็นความแตกแยกภายในครม.เอง ซึ่งต้องยอมรับว่าสังคมขาดความเข้าใจและไม่ให้ความสำคัญชุมชน จึงยังไม่เห็นศักยภาพของชุมชน


 



 "พ.ร.บ.ฉบับนี้ต้องดูว่าเขียนอย่างไร ทางที่ดีต้องเขียนไม่ให้มีอำนาจ ไม่เช่นนั้นจะขัดแย้งกัน อำนาจถึงจะมีมากก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร ยิ่งชื่อว่า สภาองค์กรชุมชน ทำให้ดูว่าไปขัดแย้งกับหน่วยงานของกระทรวงอื่น แต่ผมเคยเขียนหนังสือเรื่องประชาธิปไตยชุมชน แต่เรียกเป็น สภาผู้นำชุมชน แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ สภาผู้นำตำบล จังหวัด และประเทศ โดยผู้นำชุมชนเกิดจากการมารวมตัวกันไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทำหน้าที่ประชุมหารือกันเพื่อกำหนดแผนแม่บทชุมชนและขับเคลื่อนงานกับท้องถิ่น ส่วนระดับจังหวัดก็ประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ และหน่วยงานอื่น แต่ไม่ได้ให้มีอำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนโยบายของรัฐ เพียงเสนอแนะความคิดเห็นที่เกี่ยวกับชุมชน เพื่อให้ทางจังหวัดพิจารณา เช่นเดียวกันสภาชุมชนระดับประเทศที่อย่างน้อยหนึ่งปีน่าจะประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีและครม. เพื่อเสนอความคิดเห็นในชุมชน หากทำอย่างนี้ผมเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ดีขึ้น เพราะผู้นำชุมชนแต่ละที่จะเสนอเรื่องที่กระทบต่อชุมชนของเขาเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจไปบังคับ เรื่องใดรับได้ก็ทำกันไป เรื่องใดที่ยังไม่พร้อมก็ให้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร" ราษฏรอาวุโส กล่าว


 


 


ทรท.สันหลังหวะ!ห้ามอดีต ส.ส.ร่วมงานตุ้มโฮมเพิ่มบารมี"สมศักดิ์"


ผู้จัดการออนไลน์ - รายงานข่าวแจ้งจากพรรคไทยรักไทยว่า ได้มีการประชุมอดีต ส.ส.อีสานเป็นครั้งแรก หลังจากมีคำตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีอดีต ส.ส.อีสาน และจากภาคอื่นเข้าร่วมประชุม 150 กว่าคน โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และนายจำลอง ครุฑขุนทด ร่วมเป็นประธานที่ประชุม ทั้งนี้คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เล่าให้สมาชิกฟังถึงกรณีที่ถูกคนติดตามความเคลื่อนไหว พร้อมแสดงความห่วงใยอดีต ส.ส.อีสาน และยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งโดยเด็ดขาด


 


นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกัน โดยเกรงว่าอาจถูก กกต.กลั่นแกล้ง โดยดึงเรื่องไม่ให้จดทะเบียนชื่อพรรค จนหมดสิทธิ์สมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้ จากนั้นที่ประชุมได้ให้อดีต ส.ส.ลงชื่อเพื่อขอจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ พร้อมทั้งให้แจกจ่ายแบบฟอร์มแก่ประชาชนแก่ประชาชนในเขตเลือกตั้ง รวมทั้งยังมีการนำสติ๊กเกอร์ของกลุ่มคนรักทักษิณฯ มาแจกจ่ายในที่ประชุม พร้อมชักชวนให้อดีต ส.ส.ไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการที่ท้องสนามหลวงด้วย


 


รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ในประที่ชุมยังได้หารือถึงการจัดงานตุ้มโฮมอีสาน ที่นายชูชัย มุ่งเจริญพร แกนนำกลุ่มมัชฌิมาเป็นเจ้าภาพ เพื่อระดมอดีต ส.ส.อีสาน มาพบปะสังสรรค์ ซึ่งแกนนำกลุ่มไทยรักไทยได้สั่งห้ามอดีต ส.ส.ของกลุ่มทุกคนไปร่วมงานโดยเด็ดขาด โดยอ้างว่าการไปร่วมงานดังกล่าว เท่ากับเป็นการสร้างบารมีเพิ่มอำนาจการต่อรองให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา และยังต้องการแสดงความเหนียวแน่นของอดีต ส.ส.อีสานที่เหลือว่ายังปักหลักเหนียวกับกลุ่มไทยรักไทยในช่วงที่ต้องต่อสู้กับ คมช.


 


ด้าน น.พ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล อดีต ส.ส.อุดรธานี กล่าวว่า บรรยากาศการประชุมดังกล่าวเป็นไปด้วยดี เพราะแกนนำมากันมาก และเป็นระดับบิ๊กเนม แน่นอนว่าจะเป็นการเช็คกำลังอดีต ส.ส.ไปในตัว ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้วิเคราะห์กันถึงเรื่องการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค โดยต่างก็เห็นว่า คมช.คิดผิดที่จะล้างโคตรไทยรักไทย เพราะกลับยิ่งทำให้ประชาชนสงสาร จนรวมตัวกันเป็นพลังต่อสู้ไล่ คมช.อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้


 


ขณะที่นายเฉลิมชัย อุฬารกุล อดีต ส.ส.สกลนคร สมาชิกกลุ่มบ้านริมน้ำ กล่าวการทำงานทางด้านการเมืองในอนาคตว่า ขณะนี้นายสุชาติ ตันเจริญ หัวหน้ากลุ่ม ยังไม่ได้เรียกสมาชิกเข้าหารือถึงการทำงานการเมือง เนื่องจากสมาชิกหลายคนยังไม่ว่างในช่วงนี้ มีเพียงแต่การโทรศัพท์คุยกันถึงสถานการณ์การเมืองเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่าวันนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจน เพราะพรรคการเมืองก็ยังตั้งไม่ได้ ทุกคนก็ยังนิ่งอยู่เพื่อติดตามสถานการณ์ ก็เป็นเพียงการจับมือกันไว้เหมือนเดิม ซึ่งต้องรอว่าผู้ใหญ่จะว่าอย่างไรต่อไป


 


"แต่งานที่น่าจะเห็นความชัดเจนของกลุ่มต่างๆ มากที่สุดคืองานตุ้มโฮมอีสานในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ ที่ จ.สุรินทร์ ก็เป็นโอกาสให้กลุ่มต่างๆ จะได้เจอกัน ซึ่งเป็นการรวบรวมอดีต ส.ส.อีสานในการร่วมหารือกัน ส่วนผมคงไม่เข้าร่วมการชุมนุมของอดีต ส.ส.ที่จัดตั้งกลุ่มคนรักทักษิณ ไม่เอาเผด็จการ เนื่องจากมีความชัดเจนว่าเป็นการกระทำในนามส่วนตัว ไม่ได้ทำในนามไทยรักไทย ดังนั้นผมก็คงไม่ได้ไปร่วมกับเขา ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูวัตถุประสงค์ลึกๆ ว่าเป็นอย่างไร แล้วก็น่าจะระมัดระวังหน่อย เนื่องจากเวทีตรงนั้นมันมาจากหลายกลุ่ม แนวคิดก็ไม่ใช่อันเดียว และไม่ได้มาจากเนื้อเดียวกัน"นายเฉลิมชัย กล่าว


 


นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ถ้ามากันเยอะแล้วควบคุมไม่ได้ และเกิดปัญหาขึ้นมา คนที่ร่วมอยู่ตรงนั้นก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ แต่ถ้าเมื่อมาร่วมกันแล้วมีแนวคิดตรงกัน ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเมื่อไหร่แนวคิดไม่ตรงกัน ก็อาจเป็นปัญหาหนักได้ ก็อยากฝากเพื่อนๆ ว่า ให้ระมัดระวังกันหน่อย


 


รายงานข่าวจากอดีต ส.ส.ไทยรักไทย แจ้งว่า หลังการตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย นายสุชาติ ตันเจริญ หัวหน้ากลุ่มบ้านริมน้ำ ได้มีการหารือกับแกนนำกลุ่มการเมืองบ้างแล้ว โดยได้หารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หัวหน้ากลุ่มธรรมาธิปไตย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้ากลุ่มชลบุรี รวมถึงกลุ่มการเมืองอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นการหารือเรื่องสถานการณ์การเมือง และหาแนวทางรับมือกับสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไป


 


ส่วนใครจะรวมกับใครนั้น ใกล้ๆ ช่วงที่จะมีการจดทะเบียนตั้งพรรค เรื่องก็จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น แต่ขณะยังไม่มีการสรุปว่าจะเลือกแนวทางไหน ขณะนี้ทางออกก็มีไม่มากนัก แต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คือกลุ่มไทยรักไทยที่ยังเกาะกลุ่มกันอยู่ของอดีต ส.ส. อีกทางคือกลุ่มมัชฌิมาที่เคลื่อนไหวมาตลอด รวมถึงกลุ่มอื่นๆ ก็ยังคงเป็นทางเลือก


 


 


ASTVแจ้งจับ"ดา ตอร์ปิโด"


ผู้จัดการรายวัน - เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (8มิ.ย.) นายพิสิษฐ์ เอี่ยมสอาด ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ พนักงานสอบสวน(สบ.1) สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด"พร้อมพวกที่ทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา กรณีนำม็อบบุกป่วนสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เมื่อเวลา 01.00 น. คืนวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทไทยเดย์ และนายสนธิ ได้รับความเสียหาย โดยได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายในคืนเกิดเหตุ พร้อม ดีวีดี ภาพบันทึกเหตุการณ์ และหลังสือมอบอำนาจ มามอบให้เจ้าหน้าที่บันทึกเป็นหลักฐานเพื่อ ดำเนินคดี


 


นายพิสิษฐ์ กล่าวว่าหลังจากพิจารณาการกระทำของนางสาวดารณีกับพวกแล้ว พบว่าได้กระทำผิดหลายข้อหาด้วยกัน โดยได้แจ้งให้ดำเนินคดีรวม 10 ข้อหา ดังนี้ 1. ทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือ ติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน 2. สบคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร 3. มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือ การกระทำอย่างหนึ่งอย่างไร เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 4. ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายจิตใจ 5. หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือ กระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ


 


6.ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง 7. หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 8. ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น หรือผู้อื่นรวมอยู่ด้วย ฐานทำให้เสียทรัพย์ 9. ร่วมกันส่งเสียง ทำให้เกิดเสียง หรือทำให้เกิดอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชน ตกใจหรือเดือดร้อย และ 10. ทำการกีดขวางทางสาธารณะ ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.ธีรศักดิ์ กล่าวว่า จะนำเรื่องเสนอให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาว่า จะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป


 


 


ประธานคมช.เดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่


กรมประชาสัมพันธ์ - พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเดินทางมาพร้อมกับพลโทจิระเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 ถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 เชียงใหม่ หลังจากปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายวิชัย ศรีขวัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นำคณะหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติได้เดินทางต่อไปยังที่พักแรมกรีนเลค รีสอร์ท โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนแต่อย่างใด และในช่วงค่ำมีกำหนดพบปะรับประทานอาหารกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และหัวหน้าหน่วยทหารเพื่อพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการด้านความมั่นคง



พลโทจิระเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ของประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเป็นการมาปฏิบัติภารกิจปกติเหมือนที่เดินทางไปในทุกภาคของประเทศ และไม่มีนัยสำคัญใด ๆ อีกทั้งพื้นที่ภาคเหนือไม่ได้มีคลื่นใต้น้ำรุนแรงแต่อย่างใด ทุกฝ่ายยังควบคุมสถานการณ์ได้



แม่ทัพภาคที่ 3 ยังได้กล่าวด้วยว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางมาเชียงใหม่ ไม่ได้นัดมาเจรจากันแต่อย่างใด อีกทั้งกรณีที่มีกระแสข่าวว่าประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติจะเดินทางเข้าพบอาจารย์ท่านหนึ่งเพื่อดูดวงเมืองนั้นไม่เป็นความจริงและเชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวเพื่อทำลายภาพพจน์มากกว่า



 


รัฐบาลจัดลำดับความซับซ้อนกฎหมาย เร่งพิจารณาก่อนชงเข้า สนช.


ผู้จัดการออนไลน์ - นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติของรัฐบาล ที่มีนายวิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ว่าที่ประชุมพิจารณาเรื่องการเร่งรัดกฎหมายของรัฐบาล โดยแยกเป็นในส่วนของรัฐบาล ถ้าเป็นกฎหมายสั้นๆ ไม่มีความซับซ้อน จะสามารถส่งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ถึงคณะรัฐมนตรีได้ภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนกฎหมายซับซ้อนปานกลาง ให้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองและนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี โดยจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ และกฎหมายที่มีความซับซ้อนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา และนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ จากนั้น เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะใช้เวลา 3 สัปดาห์


 


รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมการกฤษฎีกา จะมีการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายเช่นเดียวกัน และมีข้อเสนอให้จัดระบบพิเศษขึ้นมาช่วยพิจารณา โดยอาจขอให้อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มาเป็นคณะกรรมการเฉพาะกิจช่วยพิจารณา เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้น และส่วนกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สามารถเสนอกฎหมายได้ คงห้าม สนช.ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลคงต้องใช้วิจารณญาณ เพราะคงจะรับไว้ทั้งหมดไม่ได้ ถ้าเห็นว่าร่างกฎหมายใดยังไม่สมบูรณ์ ต้องให้รอก่อน รัฐบาลจะพยายามเสนอกฎหมายไปยังสภานิติบัญญัติฯ ให้ได้มากที่สุดภายในกลางเดือน และไม่เกินสิ้นเดือนกรกฎาคม เพราะหลังวันที่ 19 กรกฎาคม สนช.จะมีภารกิจดูแลกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ทำให้มีภารกิจมาก และจะทำให้กฎหมายของรัฐบาลออกไม่ทัน


 


 


ป.ป.ช.เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา3องค์กรอิสระ ขึ้นเงินเดือนตัวเอง


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น-น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีการขึ้นค่าตอบแทนขององค์กรอิสระ 3 แห่ง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯมีมติแจ้งข้อกล่าวหาองค์กรอิสระ 3 แห่งกรณีขึ้นค่าตอบแทนให้ตัวเองได้แก่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา โดยจากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด และนำคำพิพากษาศาลฎีกามาเปรียบเทียบกับการออกระเบียบขึ้นค่าตอบแทนขององค์กรอิสระแต่ละแห่ง เห็นว่าทั้งสามองค์กรอิสระมีเจตนาในการออกระเบียบขึ้นค่าตอบแทนให้แก่ตัวเองจริง ทั้งที่ไม่มีอำนาจทำได้


 


น.ส.สมลักษณ์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่จะสรุปข้อมูลทั้งหมดและจะแจ้งข้อกล่าวหาให้องค์กรอิสระ 3 แห่งนี้รับทราบในสัปดาห์หน้า จากนั้นคณะอนุกรรมการฯจะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จึงจะสรุปสำนวนอีกครั้งว่า องค์กรอิสระทั้ง 3 แห่งมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ และส่งให้คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาลงมติต่อไป


 


อนึ่ง องค์กรอิสระชุดที่แล้วทั้ง 3 แห่ง ขอขึ้นเงินเดือนตัวเอง ซึ่งศาลฎีกาได้ตัดสินป.ป.ช.แล้วว่ามีความผิด


 


 


ผู้ว่าฯสุรินทร์ ขอความร่วมมือประชาชนอย่าหลงเชื่อบุคคลชักชวนให้เข้าร่วมเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบ


กรมประชาสัมพันธ์ - นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองนั้น ทั้งความไม่สงบในภาคใต้ การเคลื่อนไหวชุมนุมของประชาชนในกรุงเทพมหานครและหลาย ๆ จังหวัด ส่งผลเสียหายต่อชาติ บ้านเมือง หลาย ๆ ครั้งที่สื่อมวลชน ได้นำเสนอข่าวสารว่า จะมีพี่น้องประชาชนจังหวัดสุรินทร์ เข้าร่วมชุมนุมในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะทางด้านการเมือง ส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งข้อเท็จจริงพี่น้องประชาชนจังหวัดสุรินทร์ ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีสติ มีเหตุผล สงบเรียบร้อย และความพอเพียง ในฐานะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ขอให้ประชาชนจังหวัดสุรินทร์ ได้กรุณารับฟังข่าวสารบ้านเมือง วิพากษ์ วิเคราะห์ ด้วยความมีเหตุผลปราศจากอารมณ์และอคติ มีความเคารพในกฎหมาย เคารพในคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ยึดมั่นในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า "ขอให้ประชาชนมีสติ มีเหตุผล เคารพกฎหมาย และมีความสามัคคี"


 



ดังนั้น เมื่อมีผู้หนึ่งผู้ใด มาชักชวนให้ท่านเข้าร่วมเคลื่อนไหวไปในทางที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ขอได้โปรดใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบ ขอให้พี่น้องประชาชนได้กรุณาเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะได้จัดให้มีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมนี้ หากมีกลุ่มผู้มาชักจูง แนะนำ และหรือให้ประโยชน์ตอบแทน ต่อพี่น้องชาวจังหวัดสุรินทร์ ขอได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายอำเภอในท้องที่และหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบโดยตรง และขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่ให้ความร่วมมือในการที่จะนำพาบ้านเมืองสู่ความสงบสุข และระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยเร็ว เพื่อสังคมของเราจะได้สุข สงบ ร่มเย็น อย่างยั่งยืนสืบไป



 


บช.น.ร่วม กทม.-ทภ.1ประชุมปรับแผน-ขยายผลสอบต่างด้าวร่วมม็อบ


ผู้จัดการออนไลน์ - พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่เทศกิจ กองทัพภาคที่ 1 เข้าร่วมประชุมเพื่อเตรียมแผนดูแลความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน คมช.ในวันพรุ่งนี้ (9 มิ.ย.) ซึ่งได้รับรายงานว่า จะมีผู้มาเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากขึ้น รวมทั้งกลุ่มของอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยมาร่วมเคลื่อนไหวด้วย โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการปรับเพิ่มกำลังให้มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนกรณีที่จะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมมากขึ้นนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่สกัดกั้นหรือห้ามไม่ให้เดินทางมาชุมนุม แต่จะทำหน้าที่ตรวจตราดูแลความปลอดภัย ตรวจค้นอาวุธและบุคคลกลุ่มอื่นๆ มากกว่า เพราะว่าส่วนใหญ่เพียงแต่ต้องการมาฟังการปราศรัยบนเวที ไม่ได้มีความรุนแรงใดๆ แต่ก็มีผู้ชุมนุมบางส่วนที่มีลักษณะชักชวนกันมา


 


ส่วนกรณีมีการจับกุมบุคคลต่างด้าวที่มาร่วมการชุมนุมของม็อบพีทีวีที่ท้องสนามหลวงเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบขยายผลต่อไปว่ามาฟังเองหรือใครพามาชุมนุม อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมายที่มีอยู่ เช่น ตามความผิด พ.ร.บ.บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ส่วนบุคคลต่างด้าวอื่นๆ นั้นยังไม่มีรายงาน ซึ่งจะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น


 


"สดศรี" ไม่ถอย เสนอแปรญัตติเพิ่มเติมองค์กรแก้วิกฤติชาติ


ผู้จัดการออนไลน์ - นางสดศรี สัตยธรรม กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ได้ยื่นขอแปรญัตติร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมใน 3 ประเด็น คือ มาตรา 2 ที่บัญญัติเพิ่มเติมให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยจรรโลงพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่บ้านเมืองสืบไป และเห็นว่าเรื่องนี้ควรให้ ส.ส.ร.ทั้งสภา ได้อภิปรายโดยไม่จำกัดจำนวน เพราะเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นรวมถึงมาตรา 68 วรรค 2 เรื่ององค์กรแก้วิกฤติ โดยให้เพิ่มผู้นำเหล่าทัพของสภากลาโหมและการดำเนินงานขององค์กรดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญว่าด้วยองค์กรแก้วิกฤติแห่งชาติ และขอให้คงมาตรา 289 เรื่องอายุการทำงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญให้คงอายุการทำงานเดิมไว้ เพราะเห็นว่าไม่มีเหตุผลจำเป็นที่ต้องปรับลดหรือตัดทอน


 


 


กกต.ส่งฟ้องคดีอาญา"พล.อ.ธรรมรัตน์-พงษ์ศักด์"กับพวกอีก 7 คน หลังปิดคดียุบพรรคทรท.


กรมประชาสัมพันธ์ - นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า หลังจากตุลาการรัฐธรรมนูญได้ตัดสินคดียุบพรรคแล้ว กกต.ได้นำสำนวนคดีของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดก่อนมาเป็นบรรทัดฐานและได้ส่งดำเนินคดี อาญา 3 ผู้บริหารพรรคการเมือง ที่ถูกตัดสินยุบพรรค คือ พรรคแผ่นดินไทย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า และ พรรคพัฒนาชาติไทย โดยยังเหลือเพียง พรรคไทยรักไทย ที่ กกต.ชุดก่อนยังไม่ได้ดำเนินการ ดังนั้นจึงได้นำผลสอบสวนคณะอนุกรรมฯที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับตัวแทนพรรคการเมืองที่เป็นผู้ก่อเหตุจำนวน 9 คน ประกอบด้วย


 



พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูล ณ อยุธยา ,นายพงษ์ศักดิ์ รัตพงษ์ไพศาล ,พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ,พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ ,นายพงษ์ศรี ศิวาโมกข์ ,นายทวี สุวรรณพัฒน์ ,นายธีรชัย จุลพัฒน์ ส่วนอีก 2 ราย คือ นายสมชาย สุขประเสริฐ และ นายพงษ์รัฐ พรหมรัตนะ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา และมอบเงินให้ผู้สมัครพรรคแผ่นดินไทย จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ชุดนี้ที่ต้องพิจารณา โดยได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนและปัญหาหรือข้อโต้แย้งชุดที่ 4 ซึ่งมีนายประชิต ศรศักดา อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาเป็นประธาน ตรวจสอบและสรุปสำนวนเสนอให้ กกต.ภายใน 1 สัปดาห์


 



ประธานกกต.ยังกล่าวว่า จะไม่มีการเรียกชี้แจงเพิ่มเติม เนื่องจากคณะอนุกรรมการฯชุดนายนาม ได้สรุปสำนวนและเสนอความเห็นไว้ชัดเจน อย่างไรก็ตามหลังจากที่คณะอนุกรรมการฯ เสนอสรุปสำนวนให้ กกต.ในช่วงสัปดาห์หน้า กกต.จะพิจารณาการตั้งข้อหาเป็นรายบุคคล เพื่อส่งดำเนินคดีต่อไป


 



ความมั่นคง


บึ้มตู้โทรศัพท์หน้าร้านน้ำชายะลา ดับ 1 เจ็บ 21


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - ศูนย์รวมข่าว สภ.อ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ใกล้กับแผงขายน้ำชา ตรงสี่แยกคุรุ ถนนอาคารสงเคราะห์ ตรงข้ามสำนักงานผู้ตรวจราชการประจำเขต ตรวจราชการที่ 12 เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา มีผู้บาดเจ็บหลายคน จึงแจ้ง พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผู้กำกับการ สภ.อ.เมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดภูธรจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 45 ยะลา รีบไปยังที่เกิดเหตุทันที พร้อมตัดสัญญาณมือถือและกันประชาชนออกห่าง จากนั้นจึงเข้าตรวจสอบ พบว่าตู้โทรศัพท์ถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหายยับเยิน 1 ตู้ ทั้งยังพบเศษสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดขนาด 1 เซนติเมตรกระจายอยู่ทั่ว และพบใบปลิวในตู้โทรศัพท์อีกตู้ เป็นกระดาษเอ 4 พิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ระบุเป็นการแก้แค้นเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สนามกีฬาที่บ้านบือซู อ.บันนังสตา จ.ยะลา ส่วนผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา 22 คน


 


จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายวัยรุ่นเดินมายังตู้โทรศัพท์ แล้วนำกล่องระเบิดคาดว่าเป็นชนิดแสวงเครื่องวางไว้ แล้วคนร้ายรีบวิ่งออกจากตู้โทรศัพท์ จากนั้นไม่ถึง 2 นาที ก็เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าคนร้ายกดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือหรือใช้รีโมต เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง


 


 


ทบ.เคลื่อนพลเสาร์นี้


ไอ.เอ็น.เอ็น. - ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก แจ้งการเคลื่อนย้ายกำลังพลไปฝึกนอกที่ตั้งหน่วย ในระหว่างวันที่ 9-16 มิถุนายนโดยกรมทหารม้าที่ 3 กองพลทหารม้าที่ 1 จังหวัดเพชรบูรณ์ จะเคลื่อนย้ายกำลังพลพร้อมยุทโธปกณ์ไปทำการฦกประจำปีที่ศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีกองทัพบก จังหวัดลพบุรี โดยจะเดินทางในวันที่ 9 มิถุนายน เวลา 7.00 น.และเคลื่อนกำลังกลับในวันที่ 16 มิถุนายน เวลา 12.00 น. ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี - หล่มสัก


 


ส่วนในวันที่ 9 มิถุนายน กรมทหารราบที่ 23 จะทำการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์และกำลังพลจากศูนย์ฝึกยุทธวิธีกองทัพบกจังหวัดลพบุรี โดยจะใช้เส้นทางถนนมิตรภาพ ผ่านอำเภอขามทะเลสอ อ.ด่านขุนทดและปลายทางที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จังหวัดนครราชสีมา


 


คุณภาพชีวิต การศึกษา


ก.แรงงานแจง ไม่ได้หวงอำนาจ แยกสปส.เป็นอิสระ


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายไพโรจน์ สุขสัมฤทธิ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และอดีตเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กล่าวถึงข้อเสนอให้ สปส.ปรับโครงสร้างเป็นองค์กรมหาชน ว่าจริงๆแล้วผู้บริหารสปส.ได้คิดริเริ่มให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) นำโดยนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ.เข้ามาทำการ ศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรของลูกจ้างอย่างแท้จริง ดังนั้นที่หลายฝ่ายมองว่าผู้บริหารกระทรวง แรงงานหวงอำนาจไว้นั้นจึงไม่เป็นความจริง


 


นายไพโรจน์กล่าวว่า ผลการศึกษาของมธ.เสร็จสิ้นเมื่อปี 2545 แต่มีปัญหาหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อ และตนเองซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการสปส.ได้ตั้ง คณะทำงานขึ้นมาดูแลและมีการนำเสนอกลับมาในปี 2547 และได้นำรายละเอียดต่างๆ เสนอให้คณะกรรมการ(บอร์ด)ประกันสังคมพิจารณา ซึ่งในที่ประชุมได้มีการซักไซ้ไล่เลียง กันมากจึงนำไปสู่ประเด็นที่ไม่ชัดเจนหลายประเด็น


 


นายไพโรจน์กล่าวว่า มีการตั้งคำถามว่า หากให้สปส.เป็นองค์กรมหาชนแล้วสปส.ยังสามารถมีอำนาจบังคับใช้ตามกฎหมายได้แค่ไหน เพราะกฎหมายประกันสังคมของไทยนั้นเป็นการบังคับเก็บเงิน ดังนั้นถ้าแยกออกไปจะยังมีอำนาจเช่นนี้อยู่หรือไม่ ขณะเดียวกันในเรื่องของงบประมาณซึ่งทุกวันนี้ข้าราชการสปส.กว่า 4 พันคนรับเงินเดือนจากรัฐบาลปี ละกว่า 400 ล้านบาท ถ้าแยกออกไปแล้วจะรับเงินเดือนจากกองทุนหรือที่ใด เพราะต้องให้ มีความชัดเจนก่อนว่าที่มาของรายได้ควรมาจากที่ใด ซึ่งตนเองก็ได้สั่งการให้สำรวจความคิด เห็นของข้าราชการสปส.ทั้งหมด และพบว่ามีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการแยกออกไป ก้ำกึ่งกัน


 


"ผมเห็นว่าเมื่อปรับองค์กรใหญ่ยังไม่เรียบร้อย ก็ควรค่อยๆปรับในส่วนที่เริ่มได้ จึงได้เสนอให้ปรับสำนักงานบริหารการลงทุนก่อน การปรับให้เป็นองค์กรมหาชนนั้น หาก ปรับแล้วมีประสิทธิภาพดีขึ้นแน่เราก็ย่อมเห็นด้วย แต่หากมีปัญหาก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป" นายไพโรจน์ กล่าว


 


 


WHO ยืนยันยังไม่พบการระบาดของไข้หวัดนกจากสัตว์สู่คน


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค- องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่าเชื้อไข้หวัดนกจะสามารถติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้ง่ายขึ้น โดย ดิด้า คอนเนอร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ WHO ประจำเวียดนามได้ออกมายืนยันในเรื่องดังกล่าวเพื่อยุติกระแสความวิตกกังวลที่ว่ามีความเป็นไปได้ที่เชื้อไข้หวัดนกอาจแพร่ระบาดในคน หลังจากมีรายงานยืนยันพบชาวเวียดนาม 2 รายติดเชื้อไข้หวัดนกในจังหวัดหวิงฟุก และถ่ายเหงียน ทางตอนเหนือของประเทศ


 


อย่างไรก็ตาม นายเจฟฟรีย์ กิลเบิร์ต ประธานที่ปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับโรคไข้หวัดนกขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาติ (FAO) กล่าวว่า เชื้อไข้หวัดนกสามารถปรับตัวและติดต่อในสัตว์ปีกได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานพบการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกทั้งสิ้น 16 เขตและจังหวัดของเวียดนาม


 


 


นศ.เทคโนฯ ปทุมวัน ยุติการชุมนุมแล้ว โดยเตรียมหารืออีกครั้งในวันที่ 11 มิ.ย.นี้


กรมประชาสัมพันธ์ -เมื่อเวลา 18.30 น. นายปรินวงศ์ แย้มประยงค์ นายกสมาคมองค์การนักศึกษา สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กล่าวภายหลังเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในกรณีขอให้ย้าย น.ส.สรัญรส พละพงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ออกจากการเป็นอาจารย์ของสถาบันฯ ว่า ทางกลุ่มนักศึกษาได้มีการหารือ โดยมีมติยุติการชุมนุม และจะมีการหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ในวันจันทร์ที่ 11 มิถุนายนนี้ เบื้องต้นยืนยันต้องการให้ น.ส.สรัญรส ออกจากตำแหน่งอาจารย์ประจำสถาบันฯ พร้อมกล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกกังวลต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของสถาบันฯ แต่หากไม่ออกมาดำเนินการเรียกร้องก็คงไม่ได้ เนื่องจากอดทนมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว


 



นอกจากนี้ นายปรินวงศ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ร้องเรียนเรื่องการทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตบอลของสถาบันฯ เนื่องจากสนามฟุตบอลดังกล่าวสร้างเสร็จแล้ว และเพียง 6 เดือนผ่านไป พบว่ามีการชำรุด จนต้องดำเนินการปรับปรุงใหม่



 


เศรษฐกิจ


คลังอ้างแวตทำยอดรีดภาษี 8 เดือนแรก ต่ำกว่าเป้า 535 ล.


ผู้จัดการออนไลน์ - นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนพฤษภาคม 2550 มีรายได้สุทธิ 241,426 ล้านบาท จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 7,879 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 สูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 15,944 ล้านบาท เพราะการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าเป้าหมาย 17,033 ล้านบาท เนื่องจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท กสท โทรคมนาคม และการไฟฟ้านครหลวง ได้เลื่อนนำส่งรายได้จากเดือนเมษายนเป็นเดือนพฤษภาคมจำนวน 15,380 ล้านบาท และยังมีรับรายได้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 1,726 ล้านบาท ทำให้รายได้จากส่วนราชการอื่นจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 496 ล้านบาท


 


สำหรับการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร ต่ำกว่าเป้าหมาย 7,488 ล้านบาท และกรมสรรพสามิต (ไม่รวมภาษีโทรคมนาคม) ต่ำกว่าประมาณ 866 ล้านบาท ขณะที่กรมศุลกากรสูงกว่าเป้าหมาย 232 ล้านบาท สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่าเป้าหมายถึง 4,104 ล้านบาท เนื่องจากการบริโภคที่ชะลอตัวลงและค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลต่ำกว่าเป้าหมาย 3,472 ล้านบาท เนื่องจากการยื่นชำระภาษีจากกำไรสุทธิสำหรับรอบปีบัญชี 2549 ต่ำกว่าที่คาดไว้ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ต่ำกว่าเป้าหมาย 1,350 ล้านบาท เป็นผลจากการชะลอการใช้จ่ายของประชาชน ทำให้ยอดจัดเก็บรายได้ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2550 (ต.ค.49 - พ.ค.50) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 941,246 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 535 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.1 โดยสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.4 มีผลจากการจัดเก็บภาษีจากกรมสรรพากรที่ต่ำกว่าเป้าหมายเป็นสาเหตุหลัก


 


ส่วนกรมสรรพากรจัดเก็บได้รวม 722,383 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 9,576 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.3 สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.1 ภาษีที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 13,374 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.4 เนื่องจากการบริโภคที่ชะลอตัวลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ในขณะเดียวกัน ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 3,813 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.7 เนื่องจากการยื่นภาษีจากกำไรสุทธิสำหรับรอบปีบัญชี 2549 ต่ำกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 4,992 และ 2,639 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 และ 5.0 ตามลำดับ สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 13.8 และ 12.1 ตามลำดับ


 


ขณะที่กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 196,894 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 4,682 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.4 โดยสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.6 หากไม่รวมภาษีโทรคมนาคมที่ได้ประกาศลดอัตราภาษีเป็นร้อยละ 0 แล้วจะสูงกว่าเป้าหมาย 7,629 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.0 ส่วนภาษีรถยนต์จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 5,186 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.5 และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 13.1 ส่วนกรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 59,756 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1,091 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.9 แต่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8 โดยอากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 843 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.5 ขณะที่รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 70,688 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 9,440 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.4 สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 27.1 เพราะหลายแห่งส่งรายได้ก่อนกำหนด


 


อย่างไรก็ตาม คาดการณ์แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลปีงบประมาณ 2550 จากผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 8 เดือนแรก ต่ำกว่าเป้าหมายเพียง 535 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.1 บวกกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือคาดว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในปี 50 จะจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.42 ล้านล้านบาท ไม่เกินร้อยละ 2 คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมฐานะการคลังของรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ


 


 


ต่างประเทศ


รัฐบาลญี่ปุ่นกังวลอีก 50 ปี คนแก่จะล้นประเทศ


ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลญี่ปุ่นเผยแพร่รายงานประจำปีว่าด้วยผู้สูงอายุเมื่อวันศุกร์(8) เตือนว่าหากอัตราการเกิดของประชากรยังอยู่ในระดับต่ำ และผู้คนยังมองว่าผู้สูงอายุไร้ประโยชน์ทำงานไม่ได้นั้น อีก 50 ปีข้างหน้า 40% ของชาวญี่ปุ่นจะเป็นผู้ที่อายุไม่ต่ำกว่า 65 ปี


 


คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังเรียกร้องให้บริษัทห้างร้านเปลี่ยนทัศนคติจากที่มองว่าผู้สูงอายุทำงานไม่ได้ หมดไฟ มามองว่าคนกลุ่มนี้เป็นแรงงานที่มีคุณค่า นอกจากนี้ ประชาชนควรทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงอยู่เสมอเพื่อที่จะยังสามารถทำงานได้แม้อายุเกิน 60 ปี


 


ทั้งนี้ ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีอัตราผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก โดยเมื่อปี2005 หนึ่งในห้าของชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ที่อายุไม่ต่ำกว่า 65 ปี ขณะที่รัฐบาลคาดการณ์ว่าในปี2055 ชาวญี่ปุ่นสองในห้าจะเป็นผู้สูงอายุ


 


ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อปี2005 ผู้สูงอายุแต่ละคนจะมีคนวัยทำงานอายุระหว่าง 15-64 ปี 3.3 คน คอยดูแล ทว่า ในปี2005 จะมีคนวัยทำงานเพียง 1.3 คน เท่านั้นที่คอยดูแลผู้สูงอายุ


 


 


ศาลฏีกาศรีลังกาสั่งระงับการเนรเทศชาวทมิฬิออกจากเมืองหลวง


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ศาลฏีกาศรีลังกาเปิดเผยว่า ได้สั่งระงับการเนรเทศชาวชาวทมิฬิอออกจากกรุงโคลัมโบ หลายร้อยคนออกจากรุงโคลัมโบ ที่เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ หลังเกิดกระแสต่อต้านจากนักการเมืองและนักกิจกรรมว่าเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง โดยทางศาลจะได้พิจารณาดคีดังกล่าวในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ซึ่งระหว่างนี้ทางตำรวจต้องระงับโครงการดังกล่าวไว้ชั่วคราว ด้านตำรวจศรีลังกา อ้างว่าต้องเนรเทศชาวทมิฬออกจากกรุงโคลัมโบไปยังพื้นที่ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวทมิฬอยู่ส่วนใหญ่ในประเทศ เพื่อเป็นการป้องกันการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม


 


ขณะที่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน โจมตีว่าเป็นการลงโทษหมู่ ส่วนทางกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมยังไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆต่อการพิจารคดีดังกล่าวที่จะกำลังจะมีขึ้น


 


ทั้งนี้ ศรีลังกาปกครองโดยรัฐบาลชาวสิงหลนับถือศาสนาพุทธ ที่ยังคงใช้มาตรการขัดเด็ดขาดในการระงับเหตุรุนแรงเพื่อเรียกร้องสิทธ์ในการปกครองตนเองของกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมนับถือศาสนาฮินดูมากว่า 30 ปีส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายหมื่นคน


 


 


กกต.เกาหลีใต้ระบุประธานาธิบดีละเมิดกฏหมายเลือกตั้ง


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - หลังการพิจารณาเมื่อวานนี้ที่กินเวลากว่า 7 ชั่วโมง ล่าสุดคณะกรรมการกลางการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ได้ มีคำวินิจฉัยแล้วว่า การที่ ประธานาธิบดี โรห์ มูเฮียนได้วิจารณ์ผู้สมัคเลือกตั้งประธานาธิบดีจากพรรคฝ่ายค้านเมื่อวันเสาร์ เป็นการละเมิดกฏหมายเลือกตั้ง โดย นาย หยาง คุม-ซุก โฆษกกรรมการกลางการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ระบุว่า เนื่องจากการกระทำดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดี ขาดความเป็นกลางทางการเมือง แต่เนื่องจากยังไม่ถึงช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี จึงไม่ถือว่าเป็นการชี้นำการเลือกตั้ง และจะไม่มีการลงโทษหรือยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แต่ก็ได้ส่งหนังสือตักเตือนไปเพื่อไม่ให้กระทำการดังกล่าวอีก


 


ด้านผู้สนับสนุน ประธานาธิบดี โรห์ มูเฮียน ยังคงยืนยันว่า ประธานาธิบดี ควรมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการกระทำกิจกรรมทางการเมือง ขณะที่พรรคจีเอ็นพี ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ยื่นฟ้องประธานาธิบดี ระบุว่า ไม่พอใจและยากที่จะยอมรับได้ ส่วนประธานาธิบดี โรห์ มูเฮียนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆต่อคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกลางการเลือกตั้ง


 


ทั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ประธาธิบดี โรห์ มูเฮียน ผู้นำเกาหลีใต้วัย 60 ปี ซึ่งจะลงจากตำแหน่งต้นปีหน้า ถูกฟ้องร้องจากพรรคฝ่ายค้านเพื่อให้ปลดจากตำแหน่ง ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเกาหลีใต้จะมีขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่า ผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้านอาจได้รับชัยชนะ เนื่องจากมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่พรรครัฐบาลกำลังเกิดความแตกแยก


 


 


คณะกก.ปฏิรูปแห่งชาติจีนเตือนรัฐบาลระวังภาวะฟองสบู่แตก


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค- คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน ออกบทวิจัยที่ได้มีการตีพิมพ์ในวารสาร ไชน่า ซีเคียวริตีส์ว่า ธนาคารกลางจีน ควรจะให้ความสำคัญกับราคาสินทรัพย์ให้มากกว่านี้ เพื่อป้องกันฟองสบู่ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม และจำเป็นต้องพิจารณาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทันที หลี่ จวิ้น เจี๋ย เจ้าหน้าที่สำนักงานวิจัยของ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน กล่าวว่า สภาพคล่องที่ล้นเกินไปประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ได้กระตุ้นให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวด้วยจังหวะที่รวดเร็วกว่าการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ทั้งหมดของจีน โดยมีแรงดึงดูดจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ทะยานขึ้น


 


ทั้งนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองขนาดใหญ่ของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบรายปี โดยราคาในเมืองหลวงอย่างปักกิ่งพุ่งขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 นอกจากนี้ ตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้นมากกว่ารร้อยละ 50 หลังจากที่ปีที่แล้วพุ่งขึ้นไปถึงร้อยละ 130 เป็นส่วนหนึ่งที่การลงทุนในประเทศสูงเกินไป เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ระดมเงินทุนด้วยการนำหุ้นออกขายมากขึ้น นายหลี่ กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันธนาคารกลางควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่มีผลต่อการตัดสินใจ เพื่อสกัดเม็ดเงินที่จะหลั่งไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net