Skip to main content
sharethis






การเมือง


ส่งทหารราบที่ 29 กาญจนบุรี ลงใต้อีก 1 กองพัน
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - วานนี้ (4 มิ.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เปิดเผยว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธาน คมช. จะเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเร็วๆ นี้ เพราะเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งวิธีดำเนินการค่อนข้างลำบาก เพราะเป้าหมายเกิดได้ทุกที่ กลุ่มก่อการร้ายไม่ได้คำนึงว่าจะก่อเหตุที่ไหน แต่พื้นที่ตรงไหนไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล เขาจะทำได้


ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวว่า ที่ประชุม กอ.รมน.วันนี้ พล.อ.สนธิ ได้มอบหมายให้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. เป็นประธานการประชุมแทน ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ ได้กำชับเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยึดแนวทางชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ชุมนุมในจังหวัดปัตตานี เพื่อไม่ให้การชุมนุมขยายวงกว้างออกไป นอกจากนั้นได้กำชับให้เพิ่มมาตรการดูแลเส้นทางการเดินรถไฟ หลังกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบออกมาก่อกวน ทั้งเผาไม้หมอนรถไฟและถอดหมุดยึดรางรถไฟ ส่งผลให้ขบวนรถไฟตกราง 1 ขบวน การเดินรถทั้งขาขึ้นและขาล่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องหยุดเดินรถชั่วคราว


มีรายงานว่า กองทัพบกเตรียมส่งกำลังทหารจากกรมทหารราบที่ 29 จังหวัดกาญจนบุรี ลงไปเสริมการปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 1 กองพัน ซึ่งมีพิธีส่งกำลังพลในวันนี้ โดย พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก เป็นประธานในพิธี และกำลังพลชุดนี้จะเข้าถึงพื้นที่ในช่วงกลางเดือนนี้


"หญิงอ้อ" ส่งหนังสือขอเลื่อนแจงกรณีซื้อขายหุ้นชินฯ เป็น 10 ก.ค.
ผู้จัดการออนไลน์ -  นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงภายหลังการประชุม คตส. วานนี้ (4 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้รับรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบ และไต่สวนของคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ พบว่า หลายเรื่องยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องได้ขอเลื่อนการชี้แจง รวมทั้งกรณีการตรวจสอบซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)


นายสัก เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบฯ ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ เป็นประธาน ได้เชิญคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาให้ถ้อยคำในวันพุธที่ 6 มิถุนายนนี้ แต่ปรากฏว่าในวันนี้ คตส.ได้รับหนังสือจากคุณหญิงพจมาน ขอเลื่อนการให้ถ้อยคำไปเป็นวันที่ 10 กรกฎาคม โดยอ้างว่ายังอยู่ในต่างประเทศ ส่วนจะได้รับอนุญาตหรือไม่ คงต้องรอการประชุมของคณะอนุกรรมการฯ ในวันพุธที่ 6 มิถุนายนนี้ อีกครั้ง


ส่วนจะมีมาตรการแก้ปัญหาความล่าช้าจากเหตุขอเลื่อนชี้แจงอย่างไรนั้น นายสัก กล่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมการฯ คงต้องดูเหตุผลที่ขอเลื่อนว่าเป็นอย่างไร และต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่น ได้รับหนังสือจาก คตส. เมื่อไร เดินทางไปต่างประเทศเมื่อไร มีเหตุผลความจำเป็นอย่างไร หากพบว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอก็จะไม่อนุญาต เหมือนกับกรณีของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กรณีของคุณหญิงพจมาน ยังอยู่ในชั้นตรวจสอบ ถือเป็นภาคบังคับ และเป็นคำสั่งที่จะต้องมาชี้แจงด้วยตัวเอง จะขอชี้แจงเป็นหนังสือก็ไม่ได้ และหากฝ่าฝืนก็มีโทษให้รับผิดด้วย








เศรษฐกิจ


ตลาดหุ้นไทยแรงไม่หยุด ดัชนีบวกต่ออีก 16 จุด ทำสถิติสูงรอบ 13 เดือน
เว็บไซต์คมชัดลึก - ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2550 ปรากฏว่า นักลงทุนยังไล่ซื้อหุ้นขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากการเมืองมีความชัดเจนขึ้น หลังจากคำวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมืองของตุลาการรัฐธรรมนูญ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปลายปีนี้ โดยดัชนีปรับตัวสูงสุดถึงระดับ 775.41 จุด เพิ่มขึ้น 21.18 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 13 เดือน


โดยยังมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และวัสดุก่อสร้าง ก่อนจะอ่อนตัวลงมาเล็กน้อย ปิดที่ระดับ 770.61 จุด เพิ่มขึ้น 16.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,067.10 ล้านบาท ด้านตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปิดที่ระดับ 214.65 จุด เพิ่มขึ้น 1.10 จุด มูลค่าการซื้อขาย 145.71 ล้านบาท ทั้งนี้ หลังจากมีการประกาศคำวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมือง หุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาแล้ว 33.21 จุด


สำหรับสัดส่วนการลงทุนในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 7,362.82 ล้านบาท รวม 2 วัน หลังการประกาศผลคดียุบพรรคการเมือง ต่างชาติซื้อสุทธิรวม 15,505.49 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 39.73 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 7,402.55 ล้านบาท


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต กล่าวว่า เงินทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง เพราะราคาหุ้นไทยยังถูก หากเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน เนื่องจากตลาดหุ้นอื่น ๆ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับคดียุบพรรคการเมืองมีความชัดเจน ทำให้ต่างชาติมีความมั่นใจมากขึ้น ยังถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำให้ยังมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นพลังงานอย่างหนาแน่น


ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่าแข็งค่าต่อเนื่อง โดยปิดตลาดอยู่ที่ 34.48-34.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 34.53-34.56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้น หลังจากมีความมั่นใจในทิศทางการเมือง


ราคาปาล์มน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบปี
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - นายอรุณ  ไม้ทิพย์  การค้าภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี  กล่าวว่า ราคาปาล์มน้ำมันวานนี้ (4 มิ.ย. 50) สูงสุดในรอบปี 2550 และในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยราคาผลปาล์มทะลายคละที่ซื้อขายในวันนี้ ราคากิโลกรัมละ 4.60 - 4.80 บาท เพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ที่แล้วกิโลกรัมละ 0.40 บาท   ผลปาล์มร่วงกิโลกรัมละ 5.20 - 5.60 บาท เพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ที่แล้วกิโลกรัมละ 30 สตางค์


ด้านราคาน้ำมันปาล์มดิบ เกรด เอ กิโลกรัมละ 24.50 - 27.00 น. เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว กิโลกรัมละ 1.00 บาท ส่วนน้ำมันปาล์มดิบเกรด บี กิโลกรัมละ 24 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับราคาผลปาล์มและน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผลปาล์มออกสู่ตลาดน้อย การแข่งขันกันซื้อสูงขึ้นและความต้องการของโรงงานสกัดมีอย่างต่อเนื่อง 







คุณภาพชีวิต


สัตวแพทย์ระบุ "เหี้ย" นับหมื่นทั่วกรุงเทพฯ
เว็บไซต์คมชัดลึก - วานนี้ (4 มิ.ย.) นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ สัตวแพทย์ประจำสำนักพระราชวัง กล่าวถึง กรณีมีข่าวตัวตะกวดจำนวนมากบุกขึ้นบ้านชาวบ้านที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากถูกน้ำท่วม และมีการร้องเรียนตัวว่าตะกวด มุดมุ้งจะเข้าไปทำร้ายเด็กอายุ 26 วัน ทั้งหมดคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ซึ่งสัตว์ตัวที่ชาวบ้านเจอ จ. พระนครศรีอยุธยานั้นถ้ามากับน้ำไม่ใช่ตะกวด(Tree monitor)แน่นอน แต่เป็น "ตัวเหี้ย" (Water monitor) ซึ่งสัตว์ทั้ง 2 ชนิดนี้แตกต่างกันคือ ตะกวดจะชอบอยู่ในที่แห้งและบนต้นไม้ มีสีน้ำตาลทั้งตัว ส่วนเหี้ย จะชอบอยู่ในน้ำ และหากินตามที่ชื้นแฉะ เช่น ริมน้ำ ท่อระบายน้ำ ลำตัวสีเหลืองน้ำตาล ลายดำขวางตั้งแต่ลำคอถึงหาง เฉพาะปลายหางจะมีลายดำสลับเหลืองประมาณ 7-9 แถบ ทั้งคู่เป็นสัตว์ เลือดเย็น กินซากสัตว์ที่ตายแล้วเป็นอาหาร


นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ กล่าวอีกว่า เข้าใจว่าน้ำคงท่วมโพรงที่มันอาศัยอยู่ มันคงจะหนาวเพราะแช่น้ำอยู่นาน จึงต้องหาที่แห้ง และพุ่งตรงไปยังที่ที่มันคิดว่าน่าจะอุ่น ไม่จำเป็นว่าจะเป็นที่นอนหรือมุ้ง คนจึงคิดว่า มันมุดมุ้ง เพื่อจะเข้าไปทำร้ายเด็กที่อยู่ในมุ้ง แต่ถ้าเห็นอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างจะมันก็จะยกหัวขึ้น คอพอง อ้าปาก ส่งเสียงขู่ หางสะบัด ไปมา กิริยานี้เป็นการป้องกันตัว หากไม่มีใครเข้าชาร์ต หรือทำร้ายมันก็จะวิ่งหนีไปเอง มันจะทำร้ายคนเมื่อมีคนทำร้ายมันก่อนเท่านั้น


"วิธีป้องกันไม่ให้สัตว์พวกนี้เข้าไปในที่อยู่อาศัยคือ ต้องกำจัดขยะ ซากเนื้อสัตว์เน่า ไม่ทิ้ง ไว้ใต้ถุนหรือใกล้บ้าน เพราะกลิ่นจากสัตว์เน่าจะดึงดูดให้สัตว์พวกนี้มาคุ้ยเขี่ยได้ นอกจากนี้ถ้าบ้านอยู่ริมน้ำและเห็นตัวเหี้ยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆให้ใช้ผ้าชุบน้ำมันก๊าด เอาไปอุดไว้ตามประตู หรือตามทางที่อาจ จะเล็ดลอดเข้ามา กลิ่นของน้ำมันก๊าดจะไปรบกวนประสาทสัตว์พวกนี้ไม่ให้เข้ามาในบ้าน


นายสัตว์แพทย์อลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ตัวเหี้ยจะออกลูกเป็นไข่ คราวละ 15-20 ฟอง ใช้เวลาฟัก 45-50 วัน วางไข่ในปลายฤดูร้อน ต่อฤดูฝน เพื่อลูกฟักออกจากไข่จะสามารถหากินได้ทันที ช่วงเวลานี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่ลูกเหี้ยออกมาจากไข่ได้ระยะหนึ่งแล้ว มีขนาดประมาณ 30-50 เซนติเมตรคาดว่าใกล้แหล่งน้ำ ท่อระบายน้ำทั่วกรุงเทพ และปริมณฑล คาดว่า เวลานี้จะมีตัวเหี้ย อาศัยอยู่ในกทม.และปริมณฑลไม่ต่ำกว่า หมื่นตัว หรือเฉลี่ย เขตละประมาณ 200 ตัว เนื่องจากสัตว์พวกนี้อดทน ปรับตัว เก่ง และคนกรุงเทพไม่กิน ฆ่าไม่เป็น รวมทั้งกลัว ไม่อยากยุ่งด้วย มันจึงเจริญเติบโต ปรับตัวได้ ขยายพันธุ์ได้เรื่อยๆ ไม่เหมือนต่างจังหวัดในภาคอีสานที่หายาก เพราะคนจับมากินหมด


สมุทรปราการสั่งปิดโรงงานที่ก่อมลพิษสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - วานนี้ (4 มิ.ย.) นายอนุวัฒน์  เมธีวิบูลวุฒิ  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ  พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโรงงานก้องกิจเจริญ จำกัด ตั้งอยู่ที่ซอยสามมิตร หมู่ที่ 7 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า โรงงานดังกล่าวปล่อยน้ำเสีย ส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดกลิ่นของโรงงานไม่ได้มาตรฐาน โดยได้สั่งให้หยุดดำเนินกิจการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อปรับปรุงพร้อมให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.อ.บางพลี


นายฐิติกร ผางามวิจิตร  อายุ 43 ปี ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกล่าวว่า โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานชุบโลหะจึงมีการใช้สารเคมีในกระบวนการการผลิต ซึ่งส่งกลิ่นเหม็น สร้างความระคายเคืองให้แก่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้ชาวบ้านเกิดอาการเจ็บคอและแสบจมูกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ จะได้รับผลกระทบมาก จึงได้ร้องเรียนไปยังจังหวัดเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขในเรื่องดังกล่าว


สำหรับโรงงานดังกล่าว ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ได้เข้าไปตรวจสอบมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยได้สั่งให้ดำเนินการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดกลิ่น   ให้ได้มาตรฐาน ภายใน 2 เดือน แต่ทางโรงงานไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามที่กำหนด จนทางจังหวัดสมุทรปราการได้สั่งให้หยุดดำเนินกิจการชั่วคราว


กทม.ปัดฝุ่น โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 4 แห่ง
สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น- นายจุมพล สำเภาพล รองผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร เปิดเผยวานนี้ (4 มิ.ย.) ว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการ กทม.เห็นชอบให้ใช้วิธีคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาจำนวน 4 บริษัท วงเงิน 191 ล้านบาท เพื่อศึกษาโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 4 แห่งประกอบด้วย โครงการข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณท่าน้ำราชวงศ์-ท่าดินแดงถนนลาดหญ้า-ถนนมหาพฤฒาราม ถนนจันทน์-ถนนเจริญ และ โครงการสะพานข้ามแม่น้ำเกียกกาย มูลค่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับรับงบอุดหนุนจากรัฐบาลทั้งหมด โดยจะจัดทำเงื่อนไขประกวดราคาให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ เพื่อเร่งดำเนินการศึกษาโครงการอย่างละเอียด โดยเฉพาะความเป็นไปได้ของโครงการ และผลกระทบการเวนคืนที่ดิน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 8 เดือนจึงจะแล้วเสร็จก่อนนำเสนอให้ผู้บริการ กทม. รับทราบ และรายงานต่อสำนักนโย และแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และคณะ การจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาตามลำดับว่าจะดำเนินโครงการหรพิจารณาตามลำดับว่าจะดำเนินโครงการหรือไม่ หลังโครงการดังกล่าวต้องหยุดชะงักลงเนื่องจากถูกคัดค้านจากชาวบ้านเรื่องการเวนคืนที่ดินและทับซ้อนแผนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาลชุดที่แล้ว


กทม.ผลักดันบางกะปิเป็นศูนย์พาณิชยกรรมรับรถไฟฟ้าสายสีส้ม-เหลือง
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - วานนี้ (4 มิ.ย.) นายสมศักดิ์ เศรษฐนันท์ รองผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการพัฒนาศูนย์พาณิชยกรรมชุมชนย่านบางกะปิ ว่า คณะกรรมการกำกับการศึกษาโครงการฯ เห็นชอบตามร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ตามที่ที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอแล้ว แต่คณะกรรมการฯ ให้ข้อสังเกตในหลายประเด็น เพื่อให้ที่ปรึกษาปรับปรุงรายงานให้สมบูรณ์มากขึ้น ก่อนนำมาใช้เป็นแผนพัฒนาชุมชนย่านบางกะปิต่อไป เช่น เพิ่มเติมเรื่องสภาพการจราจรที่จะดีขึ้นอย่างไร เมื่อมีการตัดถนนเส้นใหม่เชื่อม ซ.รามคำแหง 24


ทั้งยังเตรียมหารือร่วมกับเจ้าของที่ดิน และเจ้าของอาคารในจุดที่จะมีการพัฒนาในเร็วๆ นี้อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน และหาแนวทางทำให้พื้นที่บางกะปิได้รับการพัฒนาเป็นชุมชนพาณิชยกรรมที่ยั่งยืน เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการ และแนวโน้มการเติบโตของพื้นที่ที่จะเกิดรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีเหลืองในอนาคต รวมทั้งไปในทิศทางเดียวแนวทางนโยบายของ กทม. และกฎหมายผังเมืองรวม กทม. ปี 2549


สำหรับแนวทางการพัฒนาพื้นที่ซึ่งที่ปรึกษาโครงการฯ นำเสนอในร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ ได้เน้นการออกแบบชุมชนเมืองให้เข้ากับสิ่งที่มีอยู่เดิม โดยเสนอว่าจุดใดควรปรับปรุงและพัฒนา จุดใดควรควบคุม หรือจุดใดควรเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มที่และเหมาะสม ซึ่งการนำผลการศึกษาไปสู่การปฏิบัติจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ


โดยระยะที่ 1 ช่วง 5 ปีแรกจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาของพื้นที่ที่ยังประสบอยู่และเน้นการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น เช่น การทำทางเดินยกระดับ sky walk ปรับปรุงทางเดินเท้าและทางจักรยานในชุมชนและริมคลองแสนแสบ จัดระเบียบการขนส่งสินค้าและการจราจรตลาดบางกะปิ ปรับปรุงอาคารเก่าตลาดบางกะปิ ปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบมัสยิดฟัตฮุ้ลบารี สร้างศูนย์สุขภาพชุมชน ลานกีฬาและสันทนาการ ปรับปรุงอาคารเรือนไทยเก่าริมคลองโต๊ะยอ สร้างศูนย์อาหารอิสลาม


ระยะที่ 2 (6-10 ปี) เป็นช่วงที่คาดว่าจะเกิดรถไฟฟ้าสายสีส้ม จึงต้องเตรียมพื้นที่รองรับการเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายคมนาคม เช่น โครงการย้ายสำนักงานเขตบางกะปิ ปรับปรุงอาคารสำนักงานเขตเดิมเป็นศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาศิลปหัตถกรรมกลุ่มบูรพา พัฒนาส่วนต่อขยาย sky walk ไปถึงสำนักงานเขตแห่งใหม่ การทำจุดจอดรถ park & ride และระยะที่ 3 (11-20 ปี) คาดว่าจะเกิดรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเพิ่มขึ้นมาอีก 1 สาย จึงต้องพัฒนาจุดเปลี่ยนถ่ายคมนาคม ที่จะมีการใช้พื้นที่อย่างหนาแน่น และแรงผลักดันพัฒนาสูงจากภาคเอกชน เป็นต้น








ต่างประเทศ


พม่าเตรียมสำรวจสำมะโนประชากรทั่วประเทศ ครั้งแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษ
เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - นสพ.เมียนมาร์ ไทมส์ ของพม่า รายงานวานนี้ (4 มิ.ย.) ว่า พม่ากำลังเตรียมที่จะทำการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษ โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ทั้งนี้ นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อปี 2491 พม่าทำการสำรวจสำมะโนประชากรแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2516 และ 2526 และการประเมินตัวเลขประชากรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาศัยการสำรวจบางส่วน และคิดคำนวณจากอัตราการขยายตัวของประชากร ปัจจุบัน พม่ามีประชากรราว 57 ล้านคน


พม่า จะต้องสำรวจสำมะโนประชากร อย่างเป็นทางการ ถ้าหากรัฐบาลจัดการลงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งพม่าระบุว่า กำลังดำเนินการเพื่อก้าวไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่นักวิจารณ์การเมืองระบุว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องหลอกลวง รายงานระบุว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและประชากรได้รับความช่วยเหลือทางการเงินและเทคนิคจากกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติในการเตรียมการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งใหม่


ชาวจีน 13 คนถูกควบคุมตัว หลังมีบทบาทเรียกร้องประชาธิปไตยจัตุรัสเทียนอันเหมิน
เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - กลุ่มสิทธิมนุษยชน แถลงวานนี้ (4 มิ.ย.) ว่า แม้เหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินผ่านไปถึง 18 ปี แต่ยังคงมีชาวจีนอย่างน้อย 13 คนถูกควบคุมตัว หลังจากมีบทบาทในการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย เนื่องจากกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนส่งทหารและรถถังเข้าปราบปรามการประท้วงนำโดยนักศึกษาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2532 ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน หรืออาจถึงหลายพันคน


กลุ่มผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวจีน ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ผ่านทางอีเมล อ้างอดีตนักโทษการเมืองที่ไม่ระบุนามว่า นักโทษการเมืองยังคงได้รับความทุกข์ทรมานและถูกบังคับใช้แรงงานหนักทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมทั้งระบุว่า นักโทษเหล่านั้น ที่ยังคงถูกคุมขังควรจะได้รับอิสรภาพโดยเร็ว รัฐบาลควรอนุญาตให้มีการสอบสวนอย่างอิสระและเปิดกว้างเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารหมู่ รวมทั้งกรณีที่มีประชาชนถูกทารุณกรรมเพื่อให้ยอมรับสารภาพความผิด และกรณีที่มีการจำคุกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย


รายงานระบุว่า สถานการณ์โดยรอบจัตุรัสเทียนอันเหมินเงียบสงบในวันนี้ มีเพียงกลุ่มนักท่องเที่ยว คนเล่นว่าว และมีหน่วยรักษาความมั่นคงนอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่ง ส่วนที่ฮ่องกง คาดว่า จะมีประชาชนหลายหมื่นคนออกมาจุดเทียนในช่วงค่ำ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกับทุกปี**11.24น.R165--จบ-


อินโดนีเซียเป็น  1 ใน 3 ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก
สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ - อินโดนีเซียเป็น  1  ใน  3  ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นก๊าซที่ทำให้โลกร้อนมากที่สุดในโลก  เนื่องจากการลดจำนวนของป่าและเกิดไฟป่า  รายงานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลกระบุว่า   อินโดนีเซียได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์   ปีละ  3,014  ล้านต้น  รองจากสหรัฐที่ปล่อยก๊าซมากที่สุด  6,005  ล้านตัน  ตามด้วยจีน  5,017   ตัน   และผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกเริ่มปรากฏให้เห็นในอินโดนีเซียทั้งจากภัยแล้งที่เกิดขึ้นนานกว่าปกติ  ฝนตกหนัก  ทำให้เกิดน้ำท่วมและ   คลื่นสูง  รวมทั้งส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพที่อินโดนีเซียเคยมีอย่างอุดมสมบูรณ์


อิหร่านแขวะข้ออ้างสหรัฐฯติดระบบสกัดจรวดในยุโรป "ฮาสุดแห่งปี"
ผู้จัดการออนไลน์ - สหรัฐฯ มีแผนติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในยุโรปตะวันตก โดยมีจุดประสงค์ป้องกันภัยคุกคามให้กับชาติพันธมิตรนาโต ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธจากอิหร่าน


อย่างไรก็ตามทาง อาลี ลาริจานี เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของอิหร่าน กล่าวว่าชาติยุโรปเป็นประเทศคู่ค้าที่ทำคัญของเตะหะราน นั่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลที่ความสามารถด้านขีปนาวุธของอิหร่านจะเป็นภัยต่อยุโรป


ลารีจานี กล่าวต่อว่า "ดังนั้นการกล่าวอ้างโดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่บอกว่าเตรียมติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในยุโรป เพื่อป้องกันยุโรปจากการโจมตีของอิหร่าน ถือเป็นมุกตลกแห่งปี"


เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของอิหร่าน ยังเชื่อว่าการกล่าวหาอิหร่าน ของสหรัฐฯ อาจเป็นความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของนานาชาติ ไปจากแผนการใหญ่ของอเมริกา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ระบุว่าแผนการนั้นคืออะไร


อีกด้านหนึ่งประเด็นการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในยุโรปของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย โดย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีหมีขาว กล่าวว่ามอสโก จะมีการหันขีปนาวุธของฝ่ายตนให้เล็งเป้าหมายในยุโรปอีกครั้ง หากว่าอเมริกา ยังเดินหน้าติดตั้งระบบป้องกันขีปานาวุธหลายๆ ส่วนในโปแลนด์ และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนของสหภาพโซเวียต


ปูตินยังกล่าวในการให้สัมภาษณ์สื่อจากชาติ จี-8 ในวันศุกร์ (1) โดยยอมรับว่า การตอบโต้ของรัสเซียเช่นนี้ เสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแข่งขันกำลังอาวุธขึ้นมาใหม่ แต่หมีขาวย่อมไม่ใช่ผู้รับผิดชอบสำหรับผลที่เกิดขึ้นมา เนื่องจากวอชิงตันต่างหากเป็นผู้เริ่มต้น


ฟิเดล คาสโตร ออกทีวีครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา ปรากฏตัวทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ระหว่างให้การต้อนรับนายดอง ดึ๊ก มาน ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนาม ที่เดินทางเยือนคิวบาอย่างเป็นทางการ โดยภาพเห็นได้ชัดว่า นายคาสโตร มีสุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก เมื่อเทียบกับการปรากฏตัวครั้งก่อนเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว ขณะที่ชาวคิวบาเองต้องการให้ผู้นำของเขาปรากฏตัวต่อสาธารณชน เพื่อสยบข่าวลือที่ว่าเขามีสุขภาพย่ำแย่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net