ประชาไท - 1 มิ.ย. 50 คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) ออกแถลงการณ์กรณียุบพรรคไทยรักไทยและปิดกั้นสิทธิเสรีภาพประชาชน ระบุคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญที่ให้ยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจำนวน 111 คน เป็นเวลา 5 ปี สะท้อนให้เห็นความถดถอยของการพัฒนาประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา เพราะชะตากรรมของพรรคการเมือง นักการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองและพลเมืองไทยถูกกำหนด ตัดสิน และควบคุม โดยกลไกซึ่งมาจากการรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ แม้ว่าการบริหารงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะผิดพลาดร้ายแรง แต่ก็ควรถูกตรวจสอบบนพื้นฐานของกระบวนการประชาธิปไตยจนถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม คปส. ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการใดๆ ของคณะรัฐประหาร รวมทั้งกลไกต่างๆ ที่ได้ทำการลิดรอนสิทธิทางการเมืองของประชาชนด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
นอกจากนี้ คปส. ยังระบุว่า การแสดงออกซึ่งความเห็นต่างเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน และเป็นธรรมดาที่ผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทยจะแสดงออกเพื่อทดแทนสิทธิทางการเมืองที่สูญเสียไป สุดท้าย คปส. ยังได้เรียกร้องให้รัฐยุติการปิดกั้นการเคลื่อนไหวทางการเมือง การชุมนุมโดยสงบ การปิดกั้นสื่อ หรือ การแสดงออกอื่นใดของกลุ่มประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง และเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยและการเลือกตั้งให้กับประชาชนโดยทันทีอีกด้วย
แถลงการณ์ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.)
กรณี การยุบพรรคไทยรักไทย กับ การปิดกั้นสิทธิเสรีภาพประชาชน
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งมาจากแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ ได้ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย และ ตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจำนวน 111 คน เป็นเวลา 5 ปีนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความถดถอยของการพัฒนาประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา เพราะชะตากรรมของพรรคการเมือง นักการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองและพลเมืองไทยถูกกำหนด ตัดสิน และ ควบคุม โดยกลไก ซึ่งมาจากการรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญ
คปส. เห็นด้วยว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในรัฐบาลที่ผ่านมานั้นบริหารงานผิดพลาดร้ายแรงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวมและจำเป็นอย่างยิ่งที่สาธารณชนและกลไกต่างๆ จะต้องเคลื่อนไหวตรวจสอบรัฐบาลบนพื้นฐานของกระบวนการประชาธิปไตยจนถึงที่สุด แต่ คปส. ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการใดๆ ของคณะรัฐประหารรวมทั้งกลไกต่างๆ ที่ได้ทำการลิดรอนสิทธิทางการเมืองของประชาชนด้วยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ดังนั้น การยุบพรรคการเมืองและตัดสิทธิทางการเมืองของนักการเมืองด้วยองค์คณะซึ่งมาจากกระบวนการที่ล้มรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถสร้างความชอบธรรม และการยอมรับร่วมกันของคนส่วนใหญ่ในสังคมได้ ความแตกต่างทางความคิดและความขัดแย้งทางการเมืองจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น การที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ รัฐบาล ทหาร ตำรวจ รวมถึงสื่อมวลชนและนักวิชาการบางส่วน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายสงบนิ่งและยุติความเคลื่อนไหวทางการเมือง จึงเป็นสิ่งที่ขัดต่อความเป็นจริงและสิทธิเสรีภาพของประชาชน
เพราะสิทธิทางการเมือง ในการแสดงออกทางความคิดที่แตกต่าง เพื่อต่อต้านคัดค้าน ผ่านการชุมนุม เดินขบวนโดยสงบ หรือผ่านสื่อสารมวลชนใดๆ ถือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของประชาชนทุกครั้ง อาทิ การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ผ่านมาเป็นต้น
เมื่อการแสดงออกผ่านพรรคการเมืองและการต่อสู้ในระบบรัฐสภาของผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทยได้ถูกยุติลง จึงเป็นธรรมดาที่จะมีการเคลื่อนไหวภายนอกรัฐสภา บนท้องถนน บนสื่อออนไลน์ หรือ สื่ออื่นใดก็ตามจะเข้มข้นยิ่งขึ้นเพื่อทดแทนสิทธิทางการเมืองที่สูญเสียไป
การควบคุมห้ามปรามการแสดงออกดังกล่าวที่มีต่อพลเมือง สะท้อนถึงหวาดกลัวของอำนาจรัฐ เนื่องเพราะรู้ตัวดีว่าอำนาจที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนั้นขาดความชอบธรรมในตัวเอง ท้ายที่สุดความพยายามในการใช้อำนาจปิดกั้นความคิดเห็นที่แตกต่างจะไม่สามารถนำไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคมไทยได้เลย ซ้ำร้ายจะทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น ให้สังคมตกอยู่ท่ามกลางความกลัวและความเกลียดชัง
ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือเห็นต่างกับพรรคไทยรักไทย แต่พรรคการเมืองและนักการเมือง คือ ตัวแทนของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย สมาชิก 14 ล้าน 4 แสน ของพรรคไทยรักไทยนั้นมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์และมีสิทธิพลเมืองเช่นเดียวกัน สังคมไทยต้องเปิดกว้าง ด้วยการเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เช่นเดียวกับการปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเอง
คปส. เห็นว่า แม้เราจะต่อต้านการบริหารประเทศของรัฐบาลทักษิณ แต่เราต้องเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง และยอมรับการเคลื่อนไหวแสดงออกของผู้สนับสนุนรัฐบาลทักษิณอย่างถึงที่สุด บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า สิทธิเสรีภาพคือพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยที่ยืนอยู่บนความเสมอภาคของพลเมือง
คปส. ขอเรียกร้องให้สื่อสารมวลชน ที่กล่าวหา ใส่ร้าย ป้ายสี ผู้สนับสนุน พรรคไทยรักไทย หรือ กลุ่มคนที่ต้านการรัฐประหาร ว่าเป็นบุคคลที่ไม่หวังดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้น ได้โปรดใช้ดุลยพินิจทบทวนการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้การทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนนำไปสู่ชนวนของความรุนแรงและสร้างอคติความเกลียดชังระหว่างประชาชน ดังเช่นเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
ท้ายนี้ คปส. เรียกร้องให้รัฐยุติการปิดกั้นการเคลื่อนไหวทางการเมือง การชุมนุมโดยสงบ การปิดกั้นสื่อ เช่น เวบไซต์ วิทยุชุมชน สถานีโทรทัศน์ หรือ การแสดงออกอื่นใดของกลุ่มประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง และต้องคืนอำนาจอธิปไตยและการเลือกตั้งให้กับประชาชนโดยทันที
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ
1 มิถุนายน 2550
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)