Skip to main content
sharethis

จาก บทบรรณาธิการ เว็บไซต์เอฟทีเอว็อทช์


2 เมษายน 2550

ถึงพี่ทักษิน

 


พี่หายหน้าหายตาไปหลายเดือน แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่ามีหลายอย่างที่ยังไม่เปลี่ยน พี่จำได้ไหม ตอนที่พี่ประกาศกับทุกคนว่าจะโละกลอนประตู หน้าต่าง และเอารั้วบ้านออกครั้งใหญ่ เพราะต้องการจะให้บ้านเราดูดีขึ้นตามอย่างที่ใครๆเขาว่ากันนั้น ฉันจำได้ว่า หลังจากเอาหน้าต่างทางทิศเหนือออกได้เพียงวันเดียว
คนข้างนอกก็แห่เข้ามาเหยียบย่ำผักสวนครัวที่ฉันและชาวบ้านปลูกไว้มาตั้งแต่สมัยทวดยังอยู่ กระเทียมและหอมตายเกือบหมด แต่พี่ก็ไม่สนใจ ต่อมา พอพี่จะเอาประตูบ้านด้านข้างและหน้าต่างบานใหญ่ที่ติดกับฟาร์มเลี้ยงวัวของเสี่ยฝรั่งออก พวกเราหลายคนก็เตือนพี่แล้วว่า วัวของเสี่ยฝรั่งจะยื่นหน้าตาอันมอมแมมเข้ามาแอบกินนมของเราจนเกลี้ยง แต่พี่ไม่ฟัง แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ วันนั้นยายเรียงและน้าปานต้องเทนมทิ้งเกือบหมด

ฉันเคยรู้สึกเจ็บช้ำอย่างมากและไม่เข้าใจด้วยว่า ทำไมพี่ถึงได้ใจดำกับคนบ้านเดียวกันนัก อันที่จริงน่าจะเรียกว่าพี่ถือดีมากกว่า ที่คิดว่าวิชาที่เรียนมาทางการตลาดและเศรษฐกิจอย่างฝรั่งจะเอามาใช้กับบ้านเราได้โดยไม่ยอมฟังใคร ทั้งๆที่เงื่อนไขในบ้านเรากับในตำรามันต่างกัน พี่รู้ไหมว่า หลังจากที่นายสุรายศและพรรคพวกก้าวเข้ามาจัดการธุระในบ้านของพวกเราหลังจากที่พี่หายตัวไปนั้น พวกเราหลายคนรู้สึกโล่งใจและมีความหวังขึ้นเพราะคิดว่าความทุกข์ร้อนในบ้านน่าจะถูกแก้ไขให้ดีขึ้น (แม้ว่าจะเสียใจมากที่พรรคพวกของเขาขย้ำเอากฎบัตรที่พวกเราร่วมเขียนกันมา) ช่วงเดือนแรกๆ ก็ดูแนวโน้มน่าจะดีอยู่หรอก แต่ไปๆมาๆ วันนี้ลวดลายของพวกเขาก็ออกมาเดินเพ่นพ่านเต็มบ้านเต็มเมืองเสียแล้ว

ที่ทำให้ฉันต้องเขียนจดหมายถึงพี่วันนี้เพื่อระบายความในใจ ก็เพราะว่าวันพรุ่งนี้นายสุรายศจะไปเซ็นชื่อใน "สัญญาครอบจักรวาล" กับหัวหน้าบ้านยี่ป่นที่ต้องเรียกว่าเป็นสัญญาครอบจักรวาล เพราะว่ามันครอบจักรวาลจริงๆ ตั้งแต่ตื่นยันหลับ ตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงหลังบ้านของพวกเรา เออ… จริงๆแล้ว พี่น่าจะรู้ดีกว่าใครๆ เพราะว่าพี่เองเป็นคนส่งนายพิสวนให้ไปเจรจาทำสัญญานี้ แต่น่าเจ็บใจตรงที่จนถึงบัดนี้แล้ว
นายสุรายศและพรรคพวกของเขาเกือบทั้งหมดที่ไปนั่งล้อมวงประชุมทุกวันอังคารยังไม่เรียนรู้บทเรียนจากพี่ และยังไร้เดียงสาไม่รู้จักว่า การทำเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูกนั้นเขาทำกันจริงๆอย่างไรกลับซ้ำเติมปัญหาให้มันหนักขึ้นอีก

หวังว่าพี่คงจะไม่โกรธที่ฉันต้องพูดตรงๆ แต่เรื่องที่พี่ก่อขึ้นมันทำร้ายจิตใจและชีวิตพวกเรามาก อย่างแรกสุด การที่พี่ให้นายพิสวนไปคุยกับพวกยี่ป่นแบบไม่บอกเล่าแถลงไขในเนื้อความนั้นมันทำให้เราตั้งคำถามว่า บ้านนี้เมืองนี้มันเป็นของใครกันแน่ เมื่อเดือนที่แล้ว ฉันไปนอกเมืองมา เขาลือกันให้แซดว่าในร่างสัญญาที่ตกลงกันไว้นั้นมีลับลมคมในแฝงอยู่ไม่น้อย เรื่องหนึ่งที่เขาพูดกัน คือว่า พวกยี่ป่นนั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่องใช้มากกินมากด้วยความที่อยู่ดีกินดีเกินไป พอกินเสร็จก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน บ้านตัวเองก็เล็กนิดเดียว
พอเห็นช่องทางก็เลยจัดการใส่เงื่อนไขบางอย่างไว้ในสัญญา โดยเขียนไว้ทำทีเป็นว่าอยากจะค้าขายของเก่ากับเรา แต่แท้จริงเป็นการส่งขยะและของเสียมาบ้านเราชัดๆ พี่พอจะนึกออกบ้างไหมว่า พวกถุงมือผ่าตัดใช้แล้ว เข็มฉีดยา ผ้าพันแผล ตะกอนที่ได้จากการเผาขยะ หรือขี้เถ้าที่มีสารปรอทปนเนี่ยมันจะมาเป็นของค้าของขายได้อย่างไร แต่มันกลับถูกเขียนไว้ในสัญญา

จริงอยู่ นายพิสวน พ่อคนดีของพี่ที่ไปคุยกับพวกยี่ป่นนั้น ได้รีบวิ่งมาหาฉันทันทีที่เขาทราบว่าฉันเอาเรื่องไม่ดีของสัญญามาเล่าให้ชาวบ้านฟัง (ซึ่งตอนหลัง ฉันมารู้ด้วยว่า นายพิสวนนี่ ยังวิ่งไปบ้านโน้นบ้านนี้ให้วุ่นไปหมด ไม่ว่าบ้านไหน เพียงแค่พูดถึงเรื่องไม่ดีของสัญญานี้หรือแม้เพียงแต่ตั้งคำถามเท่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ในห้องน้ำหรือที่ไหน ภายใน 5 นาทีแกก็จะบุกไปโพทะนาคุณงามความดีของสัญญาถึงที่แล้วแกยังไล่ซื้อเวลาในวิทยุโทรทัศน์เพื่อชวนเชื่อความดีของแกที่ไปเจรจาและความดีของสัญญาอีกด้วยนะ) นายพิสวนอาจจะเป็นคนเก่งในสายตาพี่ แต่ความเก่งไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะมีความเข้าใจในผลประโยชน์ที่แท้จริงของพวกเราชาวบ้านหรือไม่ นับประสาอะไรกับการพยายามเก็บเรื่องการเจรจานี้เป็นความลับตั้ง 3-4 ปี โดยที่พวกเราไม่รู้เลยเรื่องเลย แม้ในช่วงที่ผ่านมา ฉันและชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งจะพยายามขอให้นายพิสวนบอกความจริงมาเสียว่าในสัญญานั้นมีอะไรอยู่บ้าง แต่นายพิสวนก็ทำหูทวนลม
พูดซ้ำไปมาเหมือนคนขายขนมจีบซาละเปาหน้าปากซอยว่า "บอกไม่ได้" และ "บอกไม่ได้" แล้วอย่างนี้ พี่จะบอกว่านายพิสวนทำดีเพื่อพวกเราอย่างนั้นหรือ ความดีที่รู้รายละเอียดไม่ได้ ตรวจสอบไม่ได้ เป็นความดีที่ไม่มีใครต้องการหรอก

พี่รู้ไหมว่า สัญญาที่นายสุรายศจะไปเซ็นชื่อวันพรุ่งนี้นั้นมันอาจจะทำให้เราไม่มีโอกาสกินปลาร้าอีกต่อไป ใครๆก็รู้ว่าที่ผ่านมา คนจากบ้านยี่ป่นหลายคน เมื่อมาแถวบ้านเราทีไร เป็นอันต้องหยิบอะไรติดไม้ติดมือไปโดยไม่บอกกล่าว แล้ววันหนึ่งเราก็ไปพบว่า ไอ้ต้นไม้ที่มีอยู่หลังบ้านเรามันกลายเป็นของเขาไปแล้ว เพราะตำรวจก็พูดอย่างเดียวกัน ปลาร้ามันเกิดได้เพราะจุลินทรีย์ไปทำให้มันเกิด ใครจะไปคิดว่า จุลินทรีย์ที่ธรรมชาติให้มานั้นจะมีคนใจคดเห็นแก่ตัวคิดอยากจะครอบครองมันไว้แต่ผู้เดียว นายพิสวนและพวกของเขาบอกว่า ยังไงเราก็ไม่ยอมให้จุลินทรีย์กลายเป็นทรัพย์สินของคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว แต่แปลกนะ
ที่ในสัญญาเท่าที่ฉันรู้มา ยังเขียนไว้ให้เข้าใจได้ว่า จุลินทรีย์เหล่านี้มีไว้ให้ค้นพบและมีไว้ให้เป็นเจ้าของได้อยู่เลย ซึ่งหมายถึงพวกยี่ป่นก็จะเรียกร้องความเป็นเจ้าของนั้น



นี่ไม่ใช่แต่เพียงปลาร้าที่อาจจะหายไปเท่านั้นนะ แต่หมายถึงปุ๋ย ยา และอาหารจำนวนมากที่เกิดมาจากจุลินทรีย์จะต้องหายไป พี่ก็รู้นี่ว่า สัญญาต้องเป็นสัญญา (เพลงของพี่เบิร์ดก็ว่าอย่างนั้น) แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ในเมื่อหลายตาช่วยกันดู หลายสมองช่วยกันคิด และหลายปากช่วยกันเสนอแนะแล้วได้ความเห็นพ้องว่าน่าจะจัดการกับเจ้าข้อความที่มีปัญหาในสัญญาเสีย แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่เกิด ฉันเองก็จนปัญญา ไม่รู้ว่า
นายสุรายศและกลุ่มของเขาถูกหลอกจากนายพิสวน หรือว่านายพิสวนถูกหลอกจากคนอื่นอีกทีกันแน่ แต่ที่รู้ คือ พวกเราชาวบ้านถูกแหกตาจนโบ๋เข้าไปเต็มๆ 2 ข้าง

ที่ตาขวาถูกแหก ก็เพราะพวกเราชาวบ้านนึกว่า คนเหล่านี้จะมีความจริงใจในการแก้ปัญหาและรับฟังความเดือนร้อนของพวกเรา เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นายพิสวนได้รับมอบหมายให้จัดประชุมกับชาวบ้านเพื่อฟังความเห็นเกี่ยวกับสัญญา พวกเขาผลาญเงินไปมากพอควร แต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาจริงจัง ในอีกสองเดือนต่อมา ก็มีการนำเสนอเรื่องการทำสัญญานี้ในที่ประชุมของกรรมการกลางชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่
งตั้ง แต่ทั้งสองเหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีใครเคยเห็นร่างสัญญาจริงเลย ดังนั้น พี่คงพอจะนึกออกว่า พวกที่ไปประชุมจะลำบากและทุลักทุเลกันแค่ไหนในการพยายามแสดงความเห็นต่อสิ่งที่ตัวเองไม่เคยเห็นเลย

ที่มันเจ็บช้ำจนตาซ้ายถูกแหกไปด้วยก็เพราะ สุดท้าย ไอ้ข้อเสนอของทั้งตาอ้วน ยายนุ้ย แม่จำเนียร พ่อบุญช่วย ปลัดอำเภอเกรียง เกษตรตำบลบวร เจ๊สะออน เฮียเพ้ง และใครต่อใครอีกหลายคน ที่ให้นายพิสวนไปแก้สัญญามาใหม่นั้นไม่เป็นผลแต่อย่างใด นายพิสวนไม่สามารถไขความกระจ่างได้เลยว่าไปคุยกับพวกยี่ป่นมาแล้วครั้งหลังนั้นได้ราย ละเอียดว่าอย่างไร แต่ที่ช้ำสุดๆก็เพราะว่า ในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้แล้ว นายสุรายศกับพรรคพวกกลับทำเฉยเสีย ทำตัวลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ ยอมให้นายพิสวนปั่นหัวเล่นได้อย่างไรกัน

ที่เล่ามาเสียยืดยาวนั้น จริงๆแล้วยังมีอีกมากที่ทำให้ฉันรู้สึกอัดอั้นตันใจ เพราะหลังจากที่ฉันได้รับทราบผลที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้เก็บไปคิดและกังวลอยู่หลายคืนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านของเรา และลูกหลานของเราบ้าง นี่ฉันยังไม่ได้บอกพี่ด้วยใช่ไหมว่า ไอ้สัญญานั่น มันจะทำให้หมอเดียวที่เคยประจำอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ ย้ายออกไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนที่เขารับรักษาพวกยี่ป่นและฝรั่งด้วย ก็คงเป็นธรรมดา
ถ้าหมอเขาจะมีทางเลือกมากขึ้น แต่ไอ้ที่ลำบากก็คือพวกเราเนี่ยแหละ ที่คงต้องเจอกับหมอครึ่งนาทีต่อไป (แต่รอ 3 ชั่วโมง) เวลาไปโรงพยาบาลรัฐต่อไป


 


แล้วที่เขาลือกันให้ทั่วอีกอย่าง คือว่า เสี่ยของพวกยี่ป่นคนหนึ่งบอกว่าจะไม่ยอมให้เงินกู้สร้างรถไฟ (ฟ้า)
ถ้านายสุรายศไม่ยอมไปเซ็นสัญญากับยี่ป่นก่อน ฉันก็เพิ่งรู้ว่า ในสัญญานั้นมันบอกไว้ด้วยว่า ต่อแต่นี้ไป บ้านเราต้องดูแลเงินของพวกยี่ป่นไว้ให้ดี จะต้องระวังไม่ไปทำอะไรให้เกิดความเสียหายกับเงินหรือข้าวของทรัพย์สินของพวกเขา แม้แต่เรื่องดีๆ เช่น บ้านเราออกกฎไม่ให้ซื้อสารเคมีใช้อีกต่อไป หรือ ประกาศให้บริเวณบ้านตาแช่มเป็นพื้นที่อนุรักษ์ของชุมชนแทนที่จะเอาไปสร้างโรงเก็บขยะ เพราะมิฉะนั้น เขาจะเรียกตำรวจบ้านอื่นมาจัดการ และเราอาจจะต้องชดใช้ให้เขาในที่สุด เสี่ยยี่ป่นถึงอยากได้สัญญาฉบับนั้นนัก เพราะจะได้มีเครื่องรับประกันว่าถ้าเงินเขาหายไป เขาจะไปฟ้องตำรวจนอกบ้านได้ แต่สิทธิของพวกเรากลับไม่ได้รับการรับรอง

เล่าเรื่องมาทั้งหมดนี้ ฉันรู้สึกอยู่อย่างหนึ่งว่า อำนาจของนายสุรายศและพรรคพวกนั้นมีมาก แต่กลับไม่รู้จักใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ฉันกับชาวบ้านพยายามหลายทางที่จะหยุดยั้งความไม่ชอบธรรมอันนี้ แน่นอนว่า ถ้าพี่ยังอยู่ พวกเราก็จะทำแบบเดียวกัน พี่อาจจะถามว่า พวกเราทำสิ่งเหล่านี้ทำไม สิ่งที่พวกเราต้องการคือ การสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับพี่หรือใครก็ตามแต่ที่จะมาอ้างตัวว่าเป็นผู้นำของบ้านเราให้เคารพและเห็นหัวพวกเราคนเล็กคนน้อยที่ก็เป็นเจ้าของบ้านเหมือนกัน แต่ดูเหมือนคนพวกนี้จะไม่รู้สึกและสำนึกเลยแม้แต่น้อย

เมื่อวานนี้ฉันและชาวบ้านหลายคนไปไหว้ที่ศาลหลักเมืองมา ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองบ้านเมือง ทรัพยากรและลูกหลานของเราให้รอดพ้นจากภัยทั้งปวงที่เกิดมาจากความโลภและหลงของบรรดาผู้มีอำนาจ วันพรุ่งนี้ หากมีการเซ็นชื่อกันจริง ประวัติศาสตร์จะจดจำคนพวกนี้ไว้ไม่ต่างจากทรราชเลย
 


 


 แฉล้ม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net