สุกัญญา เศษขุนทด บัณฑิตอาสาสมัคร รุ่นที่38 ธรรมศาสตร์ รายงาน
นกป่าส่งเสียงร้องเซ็งแซ่ ผสมปนเปไปกับเสียงของเด็กๆชั้นประถม1-6 จำนวน 20 คน ที่เข้าร่วมกิจกรรม "ค่ายนักสืบสายน้ำ" ณ ป่าชุมชนบ้านดงผาปูน ต.บ่อเกลือใต้ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 20-21 ม.ค.2550 ที่ผ่านมา โดยมีพี่นักศึกษาบัณฑิตอาสาสมัคร รุ่นที่ 38 จากสำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้จัดและดำเนินกิจกรรม
ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดีในหมู่บ้านที่อนุเคราะห์ค่าขนม ข้าวสาร และอาหารแห้งที่มีอยู่ในชุมชนมาช่วยสมทบเพื่อสร้างพลังให้กับนักสืบน้อยครั้งนี้
"เด็กๆ จ๋า"
......จ๋า.........
เป็นเสียงถามตอบตลอดกิจกรรมระหว่างพี่ๆ กับเด็กๆ ก่อนการนำเข้าสู่กิจกรรมในแต่ละช่วงของวัน โดยวันแรกเด็กๆ ได้รับหน้าที่เป็นนักสืบชุมชนไปสืบสาวเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชุมชน ผ่าน"เรื่องเล่า จากราวป่า"ว่าด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ชุมชน
โดยพ่ออุ๊ยวัย 90 ปี เตรียมตัวเล่าเรื่องมาอย่างดี จนเด็กๆ ต้องแอบกระซิบว่า"พ่ออุ๊ยเล่าช้าๆ เปิ้นฟังบ่ทัน"
เด็กๆ ฟังพ่ออุ้ยเล่านิทานพื้นบ้านที่แฝงแง่คิดมากหลาย และเด็กๆ ได้ฝึกทักษะชีวิตผ่านตัวละครในนิทานไปด้วย อย่างเช่นเรื่องหมูกับหมา เรื่องมีอยู่ว่าหมาแอบมาสวมรอยหมูว่าตัวเองทำงานหลังจากที่หมูทำงานเสร็จก่อนแล้ว จนเจ้านายกลับมาเห็นหมาทำงาน หมูนอนหลับ หมาจึงได้กินข้าว หมูจึงได้กินแกลบมาจนกระทั่งปัจจุบัน
เด็กๆ กลุ่มนี้ได้ประสบการณ์ทั้งฟังและดูในเวลาเดียวกัน เพราะพ่ออุ๊ยเล่าไปมือก็สานใบต๋าว(ใบต้นลูกชิดที่มีอยู่มากในป่าชุมชน) ไว้มุงหลังคาบ้านไปพร้อมๆ กัน นักสืบน้อยกลุ่มนี้จึงได้เรียนรู้สองอย่างควบคู่กันไป
กลุ่มท้ายสุดที่ได้รับความสุนทรีย์ไม่แพ้ 2 กลุ่มแรก เป็นกลุ่มนักสืบชุมชนผ่านดนตรีจ๊อยซอ ที่มีทั้งสะล้อ ซอ พิณ อันเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ช่วยเชื่อมความห่างของวัยให้เข้ามาใกล้กันได้ด้วยดี ระหว่างเด็กๆ กับพ่ออุ้ยวัย 70 ปี
สุดท้ายของวันจบลงด้วยการแปลงเรื่องเล่า เข้าสู่ละครเวที เพื่อให้เด็กนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอดทั้งวันมาสื่อสารให้ชุมชนได้รับรู้ ผ่านการแสดงละครเวที ที่มีการนำนิทาน ประวัติศาสตร์และประเพณีในชุมชนมาผูกร้อยเรื่องราวการแสดง ดังความรู้สึกของเจมส์ ด.ช.อภิสิทธิ์ พิศจาร ชั้น ป.4 ที่ว่า "ผมดีใจมาก การเข้าค่าย ผมได้แสดงออก ได้แสดงนิทานเรื่องหมูกับหมา ได้รู้เรื่องต่างๆ ผมประทับใจ"
กิจกรรมสุดท้ายเป็นการสวมบทบาทนักสืบสายน้ำ ว่าด้วยการตรวจสอบคุณภาพน้ำโดยมีสัตว์เล็กน้ำจืดอย่างตัวอ่อนชีปะขาวเหงือกขนนก ตัวอ่อนแมลงช้างกรามโต ฯลฯ มาเป็นตัวชี้วัดคุณภาพน้ำว่าอยู่ในเกณท์ที่ดีหรือไม่
เด็กๆ ได้ทำการสืบลำห้วยต้นน้ำของหมู่บ้านในป่าชุมชนที่เป็นทั้งน้ำกินน้ำใช้อย่างห้วยเปนและห้วยโต้ง เพวกเขาดูจะสนุกกับของเล่นใหม่ๆ ทั้งแว่นขยาย คู่มือ และการได้เห็นสัตว์เล็กน้ำจืดชนิดต่างๆ ที่มากกว่าลูกอ๊อดหรือลูกปู
"พี่ๆ -- นี่ตัวอะไร" เป็นคำถามที่แฝงด้วยความอยากรู้อยากเห็นกับบทเรียนบทใหม่ที่เด็กๆ ได้รับตลอดการสวมบทบาทนักสืบสายน้ำ และได้รู้ว่าลำห้วยของชุมชนมีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณท์ที่ดีมาก
"ก๋อง" หรือ ด.ช.ราชัน ดวงพันธ์ ชั้น ป.3 บอกเราว่า " ผมภูมิใจที่เป็นนักสืบสายน้ำ ผมได้ไปเที่ยวเล่นที่วัดแล้วก็ได้เล่นละครแล้วก็ได้เล่นเกม" หรือถ้าถามจากความรู้สึกของ อ้อย ด.ญ.กมลทิพย์ พิศจาร ชั้น ม.3 จากกลุ่มเยาวชนอาสาพัฒนาบ้านดงผาปูนผู้ทำหน้าที่ดูแลน้องๆ ในค่าย "หนูก็รู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในค่าย ทำให้หนูได้แสดงออกในการดูแลน้อง ทำให้เราได้เป็นผู้นำและให้รู้ถึงความเป็นมาของหมู่บ้านของพวกเราและรับรู้นิทานกล่อมไพรในราวป่า รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่เราไม่รู้และทำให้เรารู้ว่าน้ำที่เราใช้ดื่มหรือที่ใช้งานต่างๆนั้นสะอาดหรือไม่และได้รู้จักชนิดของแมลงต่างๆ ในน้ำ หนูรู้สึกประทับใจ"
สายลมยามบ่ายในผืนป่าบนเทือกเขาขุนน่านพัดผ่านมาพร้อมกับความหนาวเย็นของฤดูหนาว ค่ายนักสืบสายน้ำจบลงด้วยรอยยิ้ม และความคาดหวังของทุกคนที่เกี่ยวข้อง ด้วยความหวังว่ากิจกรรมอันมีธรรมชาติ และภูมิปัญญาของชุมชนเป็นครู จะช่วยกล่อมเกลาจิตใจเด็กๆ ให้เติบโตงดงาม เกิดความรักและเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอันเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเอง
จากกิจกรรมของกลุ่มคนเล็กๆ เหมือนดังสายน้ำสายเล็กๆ ในผืนป่าที่ไหลมาหลอมรวมเป็นแม่น้ำสายใหญ่ได้หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตของฝั่งน้ำ ก่อนไหลลงสู่ทะเลและมหาสมุทรต่อไป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)