ศูนย์ข่าวประชาสังคม อุบลฯ

ผู้ว่าราชการร่วมกับอธิบดีกรมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกัน เพื่อแก้ไขฟื้นฟูและเตรียมความพร้อม ก่อนปล่อยผู้พบโทษ

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2550 นายนัทธิ จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมด้วยนายสุธี มากบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือในการดำเนินงานด้านสังคมสงเคราะห์กับองค์กรส่วนท้องถิ่น ระหว่างเรือนจำจังหวัดอุบลราชธานีกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนครอุบลราชธานี เทศบาลเมืองวารินชำราบ องค์การบริหารส่วนตำบลบุ่งหวาย องค์การบริหารส่วนตำบลธาตุ และองค์การบริหารส่วนตำบลคำขวาง ณ ห้องประชุมมิตรไมตรี 1 ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีข้าราชการกรมราชทัณฑ์และองค์กรส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมพิธี

สืบเนื่องจาก จากปัญหาพฤติกรรมการกระทำผิดซ้ำและการไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคมของผู้พ้นโทษนั้น กรมราชทัณฑ์เล็งเห็นว่า มิอาจแก้ปัญหานั้นได้เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่กระบวนการป้องกัน แก้ไข ตลอดจนการมีส่วนร่วมฟื้นฟูจิตใจของผู้กระทำผิด ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือ ภาคประชาชนร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน สำหรับ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกรมราชทัณฑ์กับภาคสังคม ได้กำหนดเป็นแนวคิดการสร้างเครือข่ายราชทัณฑ์ตำบล โดยให้ทุกเรือนจำ ทัณฑ์สถานแสวงหาและประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครอง สามารถดำเนินงานร่วมกันให้หลายรูปแบบโดยการจัดกิจกรรม คือ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องขังเพื่อการจำแนกลักษณะ การสังเคราะห์ผู้ต้องขังและครอบครัว การแนะแนวอาชีพ การหางานให้กับผู้พ้นโทษ การช่วยประชาสัมพันธ์ให้สังคมยอมรับผู้พ้นโทษ การให้ทุนประกอบอาชีพ

นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม มีนโยบายให้มีการพัฒนาการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม ให้มีการบูรณาการทำงานร่วมกันทั้งระหว่างภาครัฐบาลภาคเอกชน และภาคประชาสังคม โดยกรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการนำองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ให้เข้าร่วมรับผิดชอบในการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นงานหลักของกรมราชทัณฑ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคมอย่างยั่งยืน และมีนโยบายให้เรือนจำจัดทำเครือข่ายราชทัณฑ์ตำบลโดยดึงภาคสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขผู้ต้องขังกลับตนเป็นพลเมืองดี

ยังเป็นการบูรณาการทำงาน การเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของผู้ต้องขัง ก่อนปล่อยตัวและครอบครัวหรือชุมชนที่จะรองรับผู้ต้องขังที่พ้นโทษ โดยมุ่งเน้น การสังเคราะห์ การพัฒนาพฤติกรรมนิสัยผู้ต้องขังการสนับสนุนกิจกรรมเชิงสมานฉันท์ การร่วมมือในการดำเนินงานด้านสาธารณะทั้งแบบมีผลประโยชน์แลไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน จึงทำบันทึกข้อตกลงในการดำเนินงานด้านสังคมสงเคราะห์กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น .

นอกจากนี้ นายดนัย ธีวันดา ผู้อำนวยการ ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี ได้มอบ รถตู้ รับ- ส่ง ผู้ต้องขังโปโรงพยาบาล ให้เรือนจำกลางอุบลราชธานี เป็นการสนับสนุนการดำเนินงานการปฎิบัติต่อผู้ต้องขังให้ประสิทธิภาพมากขึ้น