ประชาไท - 26 ธ.ค. 2549 จากการที่เจ้าหน้าที่กวาดล้างกลุ่มขอทานข้ามชาติชาวพม่า ตามแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชน หยุดให้เงินขอทาน เพราะเป็นการทำบุญบาป นั้น ตัวแทนจากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในพม่า (กรพ.) ได้ออกมาเรียกร้องถึงประเด็นด้านมนุษยธรรม

หลังจากที่เจ้าหน้าที่กวาดล้างกลุ่มขอทานข้ามชาติชาวพม่า ตามแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชน หยุดให้เงินขอทาน เพราะเป็นการทำบุญบาป เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า ขอทานข้ามชาติชาวพม่า ที่นำเด็กมานั่งขอทานตามแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งขอทานที่พิการตาบอดนับสิบคน ถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ควบคุมตัวไปดำเนินคดี ซึ่งพบว่าเกือบทั้งหมดเคยถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง แต่ยังกลับมานั่งขอทานอีก ขอทานหญิงบางคนตั้งท้องลูกคนที่ 8 แล้ว เพื่อนำมาลูกมาเป็นเครื่องมือนั่งขอทาน ให้นักท่องเที่ยวเกิดความสงสาร

โดยนางเยาวมาลย์ งามสันติกุล ผู้ปกครองสถานแรกรับคนไร้ที่พึ่งสันมหาพน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เรียกร้องให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว หยุดการให้เงินขอทาน เพราะเท่ากับเป็นการทำบุญบาป ที่สนับสนุนให้วงจรขอทานเติบโตขึ้น ซึ่งบางส่วนนำเด็กมาเป็นเครื่องมือในการหากิน โดยไม่ยอมทำงาน เนื่องจากหาเงินได้ง่าย บางรายมีรายได้วันละนับพันบาท ทำให้ขอทานมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะออกขอทานตามย่านการค้าสำคัญในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะช่วงนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก

กรพ. ชี้ อย่าไล่จับคนเยี่ยงหมูเยี่ยงหมา รัฐไทยต้องให้คำตอบในสิทธิที่พวกเขาจะได้รับ

ทั้งนี้ นายจารุวัฒน์ เกยูรวรรณ จากคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในพม่า (กรพ.) ซึ่งเคลื่อนไหวในประเด็นด้านมนุษยธรรมกับแรงงานและผู้อพยพข้ามชาติ กล่าวว่า ในเมื่อรัฐได้รณรงค์ไม่ให้คนอุดหนุนเงินแก่ขอทานเหล่านั้นแล้ว รัฐไทยต้องให้คำตอบกับสังคมว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม และอย่าทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นการดูถูก-เกลียดชังระหว่างเชื้อชาติ

"ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงงานข้ามชาติ หรือขอทานข้ามชาติปัญหาคือเขาหนีมาเพื่อหาสิ่งที่ดีกว่า โดยพื้นฐานของมนุษย์แล้วมันไม่ใช่เรื่องผิด เราได้แต่พูดปาวๆ ว่าเราเป็นเมืองพุทธ มีเมตตามีความสงบ เที่ยวบอกนักท่องเที่ยวที่มีเงินให้มาประเทศเรา แต่ในกรณีแรงงานหรือขอทานข้ามชาติเรากลับไล่จับเยี่ยงหมูเยี่ยงหมา เรากำลังใช้สองมาตรฐานอยู่"

"แน่นอนว่าถ้ามันกลายเป็นธุรกิจที่ทำประโยชน์จากขอทานผมเองก็ไม่เห็นด้วย แต่ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการจับกุมเยี่ยงอาชญากรรม เพราะเราต้องไม่ลืมว่าคนที่เขาจับคือคนจน รัฐไทยต้องเริ่มสร้างมาตรฐานด้านมนุษยธรรมขึ้นมาอย่างจริงจัง ไม่ใช่พูดแต่ปาก ซึ่งทางออกเรื่องนี้ในระยะยาวมันเกี่ยวกับเรื่องการทำงานของแรงงานข้ามชาติในไทย รัฐต้องคุ้มครองแรงงานข้ามชาติไม่ให้ถูกระเมิดจากนายจ้างและเข้าหน้าที่รัฐ รวมถึงสวัสดิการต่างๆ ต้องเท่าเทียมกับคนไทยในฐานะแรงงานที่เข้ามาสร้างเศรษฐกิจให้กับสังคมไทย ถึงจะแก้ปัญหาได้ ส่วนในระยะสั้น รัฐไทยต้องให้คำตอบกับสังคมว่า พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม นำพวกเขาไปดูแลอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรได้รับในขณะที่เขาไม่มีประสิทธิภาพในการประกอบอาชีพ และอย่าทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นการดูถูก-เกลียดชังระหว่างเชื้อชาติ"

"การไล่จับคนเยี่ยงหมูเยี่ยงหมา หมายความรวมถึงการที่เราพูดไม่ให้เกียรติ มนุษย์ด้วยกันเอง ถึงแม้พวกเขาจะเป็นขอทาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะกระทำให้พวกเขาเสียเกียรติไปกว่านั้นได้" นายจารุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย